พูดถึงงานแข่งทางตรง หรือ Drag Racing ยิ่งใหญ่สุดประจำปี แน่นอนว่า ยืนหนึ่งต้อง SOUPED UP GRAND PRIX 2024 ที่เป็นการจัดอันดับรถแข่ง Drag เร็วที่สุดในประเทศไทยมากว่า 20 ปี โดยเริ่มขึ้นในปี 2002 ที่จัดขึ้นโดย นิตยสาร XO AUTOSPORT ในเครือ GRAND PRIX GROUP และได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ในปีนี้ เป็นการกลับมา “ชำระแค้น” ตามคอนเซ็ปต์ Return to Revenge บอกเลยว่า “ตามนั้นเป๊ะ” แล้วมันมีอะไรพิเศษในงานนี้…

ย้อนกลับไปปีที่แล้ว เกิดปรากฏการณ์ PRO 6 Fever เนื่องจากมีรถแข่ง NISSAN GT-R R35 จาก “มาเลเซีย” เข้าร่วมการแข่งขันด้วย คือ Toby Lee จากทีม GT AUTO Sunway Malaysia และสามารถคว้าอันดับ 2 มาครองได้สำเร็จ เหมือนกับ “ฝากรอยแค้น” ไว้ให้กับคนไทย จนทำให้ปีนี้ คนไทยยอมไม่ได้ ทำรถแข่ง PRO 6 มาแข่งกันมากถึง 24 คัน !!! มากที่สุดเท่าที่เคยจัดงานมา และรถจากมาเลเซีย ก็มีมาเพิ่มอีก อย่างเช่น R35 จาก TOP RACING GARAGE มากันถึง 4 คัน และ AUDI TT RS เครื่องยนต์ 5 สูบ 2.5 ลิตร 1,200 แรงม้า ++ จากทีม AVP RACE DEVELOPMENT ก็มากัน 2 คัน นับว่าเป็นปรากฏการณ์ใหม่ ที่มีรถแปลกๆ รุ่นใหม่ที่เพิ่มเข้ามา และก็มีทีมจาก “นิวซีแลนด์” STACKED Import Thailand – PROSTREET กับ SKYLINE R32 ที่ “ปลุกชีพ” มาวิ่ง หลังจากอยู่ในแคปซูลกาลเวลาถึง 20 ปี ถ้าทุกอย่างลงตัว รถเหล่านี้เวลาน่ากลัวแน่นอน ปีหน้าต้องรีบซ้อมตั้งแต่เนิ่นๆ นะ…

อีกรุ่นที่ยอดนิยมของทั้งชาวไทยและมาเลเซีย ที่มาเป็นคู่แข่งคนสำคัญของเรา คือ PRO 4 N/A เป็นรุ่นที่ให้ใช้เครื่องยนต์ 4 สูบ ไม่มีระบบอัดอากาศ ห้ามใช้ไนตรัสออกไซด์ อเมริกาเรียก “All motor” คือ ใช้กำลังจากเครื่องยนต์แบบเพียวๆ และก็ห้ามเชื้อเพลิงที่ผสม “ไนโตรมีเทน” ซึ่งจะมีการตรวจน้ำมันหลังจากแข่งเสร็จทุกครั้ง รุ่นนี้แชมป์เป็นชาวมาเลเซีย Adib Affandi จากทีม ESR Garage ซึ่งถนัด HONDA อยู่แล้ว…

ส่วนปรากฏการณ์ใหม่ในอีกรุ่น คือ PRO 4 เป็นการรวมตัวแรงเครื่อง 4 สูบ จะขับสอง ขับสี่ หรือช่วงล่างสไตล์ Drag (Back Half) มาได้หมด แต่ภาพรวมต้องเป็นรถบอดี้เดิม ใช้ยาง Drag Slick และ ไนตรัสออกไซด์ ได้ เกียร์เปิดอิสระ “แล้วแต่ปุ๊” เลย ปีนี้มีการทุบสถิติ ลงเลข 7 วินาที คือ MITSUBISHI EVOLUTION จากอู่ “น้อย สายไหม” เจ้าประจำรุ่นนี้ ทำเวลาไป 7.9 วินาที เร็วจริงๆ ครับ…

รุ่นที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลย คือ PRO DRAGSTER ลักษณะเป็นรถที่ “ล้อเปิด” สร้างเพื่อการแข่งขันโดยเฉพาะ มีช่วงล้อยาวเป็นพิเศษ เพื่อแข่งทางตรงโดยเฉพาะ ปีนี้ก็เริ่ม “หวนคืนวงการ” โดยมีรถเข้าร่วมถึง 14 คัน !!! ถือว่ากลับไปสู่จุคพีคอีกครั้ง และเป็นศึกระหว่าง “ดีเซล” และ “เบนซิน” สายดีเซลปีนี้ ก็สามารถทุบสถิติ ด้วยการทำเวลา “6.8 วินาที” เป็นครั้งแรก ส่วนสายเบนซิน ปีนี้เหมือนยังไม่ค่อยพร้อมเต็มที่ เวลายังไม่ได้ตามเป้าแบบเดิมที่เคยทำไว้ได้ แต่ก็ยังดีมีเครื่องรุ่นใหม่ๆ อย่างเช่น RB30DETT, LS CHEVROLET V8 เข้ามาเล่นบ้าง ส่วน 2JZ-GTE และ 2UZ-FE ก็ยังคงมีอยู่ ส่วนสายดีเซลก็มีการพัฒนา โดยใช้เครื่อง 1GD-FTV จาก TOYOTA ซึ่งเป็นเครื่องซีรีส์ใหม่ ตอนนี้มีสองอู่ที่นำมาใส่ใน DRAGSTER คือ “BYP อู่ช่างแจ็ค บางหญ้าแพรก” และ “อู่สอง ยางเปอร์เซ็นต์” ปีนี้เหมือนลองของใหม่ก่อน ถ้าพร้อมปีหน้าสนานแน่ๆ…

ส่วนรุ่นอื่นๆ เช่น PRO 275 4CYL Class A ปีนี้เปิดเพิ่มสำหรับเครื่องยนต์ 4 สูบ หรือเครื่องยนต์โรตารี่ 2 โรเตอร์ กำหนดให้ใช้ยาง Drag Radial หน้ากว้างไม่เกิน 275 มม. และ STRETT TRUCK 1,400 kg. สำหรับรถกระบะบอดี้และแชสซีส์เดิม ด้วยความที่เพิ่งเปิด รถอาจจะมีไม่มากนัก แต่ก็สร้างกระแสได้ในอนาคต รวมไปถึงสาย TOYOTA อย่าง SUPER REVO ที่ปีนี้วิ่ง 8 วินาที จากการพัฒนามาต่อเนื่อง และครั้งแรกในงาน SOUPED UP กับ HILUX PRO ที่ยังคงความเป็นรถกระบะบอดี้และแชสซีส์เดิม แต่ก็วิ่งเลขตัวเดียว 9 วินาที กันเป็นมาตรฐาน…

นับว่างาน SOUPED UP GRAND PRIX 2024 ที่เพิ่งผ่านพ้นไปสดๆ ร้อนๆ นี้ ยังคงความ “ขลัง” ไว้เช่นเดิม แต่ยกระดับความเป็น “นานาชาติ” จากการที่มีทีมแข่งต่างชาติเข้ามาร่วมเยอะขึ้น ส่วนรถแข่งของคนไทย ก็น่าเสียดายหน่อยที่ “ตัวเต็ง” เกิดปัญหาทำเวลาไม่ได้ตามเป้า แต่ก็มี “ม้ามืด” เข้ามาเสียบแทน มันก็เป็นไปตามกลไกการแข่งขันที่มีการพลิกผัน ความมันส์อยู่ตรงนี้ครับ ปีหน้าเจอกัน SOUPED UP GRAND PRIX 2025 เร้าใจขึ้นแน่นอน…

เรื่อง: อินทรภูมิ์ แสงดี

เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE

ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th