ในที่สุดก็ต้องยอมกลืนน้ำลายตัวเอง Ferrari ค่ายรถซูเปอร์คาร์ระดับตำนานของอิตาลี ยืนยันอย่างเป็นทางการว่าพวกเขามีแผนจะผลิตรถยนต์อเนกประสงค์รุ่นแรกออกขายจริงตามกระแสข่าวที่เล็ดรอดออกมาในช่วงต้นสัปดาห์นี้ แต่ย้ำยังคงรักษาแนวทางเดิมที่สืบทอดมายาวนาน 7 ทศวรรษ ไม่มีการผลิตจำนวนมากเท่ากับเอสยูวีของแบรนด์รถหรูเจ้าอื่นอย่างแน่นอน

การเข้าสู่ตลาดรถยนต์อเนกประสงค์หรือเอสยูวีของค่าย “ม้าลำพอง” มีการตั้งเป้าหมายที่จะพลิกโฉมของเซกเม้นต์นี้ และมีแผนจะเพิ่มโมเดลที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ไฮบริดมากขึ้นพร้อมการรักษาสถานะของแบรนด์ซูเปอร์คาร์ที่มีความพิเศษเหนือกว่า โดยรายละเอียดทั้งหมดจะอยู่ในแผนธุรกิจ 5 ปีที่จะแถลงอย่างเป็นทางการในช่วงต้นปี 2018

บอสใหญ่ Marchionne (ที่ 2 จากขวา) ออกมายืนยันด้วยตัวเองถึงแผนการผลิตโมเดลเอสยูวี

“เรื่องนี้อาจจะเกิดขึ้น แต่จะต้องเป็นในสไตล์ของ Ferrari เท่านั้น” Sergio Marchionne ประธานบริหาร Ferrari ให้สัมภาษณ์กับ Bloomberg สำนักข่าวธุรกิจชั้นนำที่เริ่มจุดกระแสข่าวลือรถเอสยูวีของพวกเขา “เป็นเซ็กเม้นต์ที่มีขนาดใหญ่ และแรงดึงดูดใจที่สูง เรามีลูกค้าจำนวนมากกว่าที่ยินดีจะได้ขับรถที่ติดสัญลักษณ์ของ Ferrari ที่เป็นเหมือนราชันย์เหนือทุกสรรพสิ่ง”

อย่างไรก็ตาม Marchionne ที่เคยลั่นวาจาว่า “คุณคงต้องยิงผมให้ตายก่อน” เมื่อถูกนักข่าว Bloomberg ตั้งคำถามถึงความเป็นไปได้ที่ Ferrari จะผลิตรถอเนกประสงค์ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว ย้ำชัดเจนว่าทีมงานที่มาราเนลโล่ของพวกเขาไม่คิดจะเดินตามแนวทางเดียวกับ Porsche ที่ประสบความสำเร็จกับ Cayenne ที่เปิดตัวครั้งแรกในปี 2002 กลายเป็นการจุดกระแสให้บรรดาแบรนด์รถลักชัวรี่อื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น Bentley, Jaguar, Maserati, Lamborghini หรือแม้กระทั่ง Rolls-Royce ที่วางตัวเองว่าเป็นรถยนต์ที่หรูหราที่สุดของโลก เตรียมจะผลิตรถอเนกประสงค์ออกขายในอีกไม่นานนี้

“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต รถยนต์ของ Ferrari จะต้องเป็นเสมือนผลงานชิ้นเอกเช่นเดียวกับทุกสิ่งที่เราสร้างมาตลอดระยะเวลาหลายปี” Marchionne กล่าวทิ้งท้าย หลังจาก Ferrari มีผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ของปีนี้เพิ่มขึ้น 24 เปอร์เซ็นต์จากยอดขายของ GTC4Lusso และ LaFerrari Aperta

เรื่อง: พูนทวี สุวัตถิกุล

ขอบคุณข้อมูล: Bloomberg/Ferrari Media

เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE

ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th