วันที่ 10 คาราวานไฮลักซ์ รีโว่ ช่วงที่3 อุสเบกิสถาน – อิหร่าน
เช้าวันที่ 10 ของทริปต้องพูดเลยว่าใครอยากเลิกเหล้า แนะนำให้มาประเทศนี้เลย เพราะอิหร่านเหล้า เบียร์ ผิดกฎหมายนะจ๊ะห้ามกินเด็ดขาด เราตื่นกันแต่เช้าตรูอีกเช่นเคย วันที่เราเดินทาง 430 กิโลเมตรจาก EsFahan ไปยัง เมืองหลวงกรุง Tehran เมืองหลวงของประเทศอิหร่านกันไปดูกันซิว่าเมืองเค้าเจริญขนาดไหน
เส้นทางในวันนี้เป็นไฮเวย์ซะส่วนมากขับสบายๆเนียนๆ เส้นทางเรียบกริบคงเป็นเพราะใกล้เมืองหลวงเข้าไปทุกที่ เราขับรถออกจากโรงแรมที่พักขอบอกว่าที่จอดรถโหดมากทั้งเล็กและแคบมาก แต่ดีนะที่เจ้ารีโว่ มีวงเลี้ยวที่แคบโยกเพียง 2 ที ก่อนผ่านได้อย่างสบาย ก่อนออกนอกเมืองเราขับรถข้ามสะพานคาจู และชมสะพานซิโอเซโปล ซึ่งเป็นสะพานข้ามแม่น้ำซายันเดห์ซึ่งแห้งไม่มีน้ำเลยตอนที่เราข้าม แต่สะพานมันช่างสวยงามสร้างได้อย่างวิจิตรบรรจงนอกจากนี้สะพานคาจูยังได้รับการโหวตให้เป็นสะพานที่สวยติดอันดับ 1 ใน 10 สะพานที่สวยที่สุดในโลก ออกมานอกเมืองเข้าสู่ถนนไฮเวย์ทางตรงยาวๆสภาพถนนค่อนข้างดีที่เดียวครับวิ่งมาได้ประมาณ 180 กิโลเมตรเราจะไปเที่ยวกันก่อนเพื่อรอเวลาเข้าเมือง เพราะกรุง Tehran รถยนต์ต่างจังหวัดหรือต่างประเทศสามารถเข้าไปในเมืองได้หลัง 6 โมงเย็นเท่านั้น เราจึงออกไปหาที่เที่ยวดีกว่าไปติดรอทางเข้าเมือง
เลี้ยวออกมาจากไฮเวย์มุ่งหน้าสู่ Abyaneh Village (อาบียาเนห์) เส้นทางไปบางช่วงต้องขึ้น – ลงเขา และมีโค้งมากอยู่พอสมควร แต่ด้วยระบบช่วงล่างใหม่ที่ถูกเซ็ทมาให้มีความนุ่มนวล แน่น หนึบ ทำให้คาราวานของเราผ่านโค้งกว้าง โค้งแคบ หรือโค้งยูเทิร์นได้อย่างสบาย และมั่มใจ DCS – Dynamic Control Suspension และมี Firm Platform โครงสร้างแชสซีส์ใหม่ใหญ่ขึ้น 20 มม.ทำให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น สามารถดูดซับแรงสั่นสะเทือนได้ดีวิ่งผ่านหลุมบ่อ หรือทางขรุขระได้อย่างนุ่มนวล ในห้องโดยสารแทบจะไม่ได้สัมผัสถึงแรงสั้นสะเทือนเลยตัวบอดี้รถนิ่งมากครับ และแล้วเราก็มาถึง อาบียาเนห์ ซึ่งเป็นหมู่บ้านเก่าแก่ที่ใช้อิฐดินดิบเป็นวัสดุในการสร้างบ้าน และยังคงสภาพเดิมกว่า 2,500 ปี สร้างอยู่บนเนินเขาคาร์คาส ที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 3,890 เมตร ซึ่งเมื่อเราไปถึงก็สวยสมคำล่ำลือครับ เดินลัดเลาะชมความงามของหมู่บ้าน ถ่ายรูปเล่น น่าเสียดายเรามาหน้าร้อน นี่ถ้าป็นหน้าหนาวมีหิมะตกคงจะสวยน่าดู หลังจากนั้นคาราวานของเราได้ออกไปรับประทานอาหารกลางวันที่โรงแรมใกล้ๆ ก่อนจะออกเดินทางเข้าสู่กรุง Tehran
ออกมาจากทางเขากลับมาขึ้นไฮเวย์มุ่งหน้าสู่เมืองหลวงกันถนนช่วงนี้ดีมากๆเลยครับเรียบและใหญ่ขับสบายมากเราใช้ความเร็วประมาณ 120 กิโลเมตรตลอดทาง ลัดเลาะซอกแซกทางช่องของรถยนต์ท้องถิ่นที่วิ่งช้าได้อย่างคล่องตัวแปปเดียวก็เข้าสู่ Tehran รถติดและคนเยอะมากครับเรียกได้ว่าเยอะทั้งคนและรถวุ่นวายสุดๆ แถมคนที่นี้ข้ามถนนไฟเขียว งง ไปดิครับท่านขับยากน้องๆเวียดนามเลยจร้า สภาพเมืองต่างจาก Esfahan โดยสิ้นเชิง ตึกสูงใหญ่ตึกแถว ร้านค้าร้านอาหารเต็มไปหมดดูแล้ววุ่นวาย ผมชอบเมืองเล็กมากกว่า ผู้คนก็ไม่ค่อยยิ้มแย้มแจ่มใสเหมือนในต่างจังหวัด มันคงจะคล้ายเมืองหลวงในหลายๆประเทศ เราทานข้าวเย็นกันที่โรงแรม พร้อมพบปะพูดคุยกับเพื่อนๆพี่ๆที่จะมารับไม้ต่อจากพวกราในช่วงที่ 4 อิหร่าน – ตุรกี พร้อมส่งมอบกุญแจรถให้ขับเจ้ารีโว่ต่อไปยังจุดหมายที่ กรุงเวนิช ประเทศอิตาลี
เช้าวันรุ่งขึ้นเราตื่นมาส่งเพื่อนๆพี่ๆที่รับไม้ต่อจากเราเพื่อเดินทางไปยังประเทศตุรกี หลังจากนั้นเรามีเวลาได้พักผ่อนต่ออีกนิดหน่อยก่อนที่จะเดินทางออกไปเที่ยวกันในเมือง Tehran กันพอได้เวลารถบัสก็มารอเราหน้าโรงแรมก่อนพาเราไปเที่ยวชมพระราชวังและพิพิธภัณฑ์ แต่เมื่อเรามาถึงปิดจร้า เป็นวันหยุดเค้าซะงั้นเลยได้แค่ยืนชื่นชมแค่ภายนอก แล้วเดินต่อไปอีกนิดเพื่อช็อปปิ้งกันที่ตลาดที่เก่าแก่ที่สุดในTehran ตลาดใหญ่มากครับแต่ช็อปได้แค่ขนม และผลไม้ เพราะอย่างอื่นที่ขายในตลาดเหมือนสำเพ็ง กับพาหุรัดผสมกัน จากนั้นเราออกเดินทางไปยังเมืองเล็กใกล้ๆสนามบิน เพื่อรับประทานอาหารเย็นกัน ในป้อมปราการโบราณซื้อดัดแปลงมาเป็นร้านค้าและร้านอาหาร ท้องอิ่มก็พร้อมบินกลับเมืองไทย เราไปติดตามกันต่อว่าช่วงที่ 4 อิหร่าน – ตุรกี เป็นอย่างไร เส้นทางจะสวยขนาดไหนห้ามพลาดนะครับ Grandprix.co.th จะเกาะติดและรายงานตลอดการเดินทางครับผม
เรื่อง : ณัฐพล เดชสิงห์
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th