การเดินทางด้วย Passion มักประสบความสำเร็จ และถึงจุดหมายปลายทางได้ง่ายกว่าการทำด้วย Responsibility นี่คือนิยามที่เราขอมอบให้กับการบริหารงานของนักเดินทาง นักผจญภัย และนักธุรกิจที่ชื่อว่า ‘ จักรี ปานชนะ ’ CEO P&S JEEP (THAILAND)

คุณจักรี ปานชนะ หนึ่งเดียวในไทยกับการบริหารงานในฐานะดีลเลอร์อิสระของ JEEP รถเจ้าเสน่ห์ ที่มอบความเท่ห์ และบ่งบอกถึงรสนิยมของผู้ขับขี่

ด้วยความผูกพันที่เห็นรถอเนกประสงค์ของคุณพ่อ (คุณประพาส ปานชนะ) หลากหลายคันจอดเรียงราย แต่หนึ่งคันที่เตะตา และต้องใจทั้งตัวเขาและคุณพ่อ คือ JEEP  และนั่นคือจุดเริ่มต้นที่บ่มเพาะให้เกิดเป็นธุรกิจตัวแทนจำหน่าย JEEP ในปัจจุบัน ซึ่งวันนี้เราได้รับเกียรติจากคุณจักรี ปานชนะ ให้เข้ามาเยี่ยมชมสนาม Rubicon Trail 4×4  พร้อมพูดคุยถึง P&S JEEP (THAILAND) ที่โชว์รูมนิมิตใหม่ ดีลเลอร์อิสระหนึ่งเดียวของ JEEP Thailand

จุดเริ่มต้นธุรกิจรถยนต์ และที่มาของ P&S JEEP (THAILAND)

การเริ่มต้นธุรกิจตัวแทนจำหน่ายของ JEEP มาจาก คุณพ่อ (คุณประพาส ปานชนะ) ชอบรถ SUV เป็นทุนเดิม และมีรถ SUV ที่ใช้งานอยู่หลากหลายแบรนด์ ซึ่ง JEEP คือหนึ่งในนั้นที่คุณพ่อเลือกใช้ เริ่มต้นตั้งแต่รุ่น JK ก่อนจะเปิดโชว์รูม P&S JEEP (THAILAND)

มี JK สีแดงหนึ่งคัน ที่เป็นรถคันโปรด อาจจะไม่ใช่รถที่ใช้เป็นประจำ แต่เมื่อไหร่ที่เดินทางจะเลือกเป็น JEEP คันนี้เสมอ หลังจากที่เริ่มต้นจากความชอบ เป็นผู้ใช้เองจริง และอยากที่จะทำธุรกิจรถยนต์ที่ชอบ บังเอิญมีลู่ทางในการทำธุรกิจ จึงเริ่มได้เข้ามาเริ่มธุรกิจนี้ เมื่อตอนปี 2563ภายใต้ชื่อแบรนด์  P&S เป็นเวลาปีเศษ ซึ่งตอนนั้นจะเป็นการดำเนินธุรกิจที่แตกต่างจากปัจจุบัน เพราะตอนนั้นเราเป็นเพียงดีลเลอร์ ที่เป็นดีลเลอร์ของอินโดนีเซีย ซึ่งเริ่มคุยธุรกิจนี้มาเมื่อปี 2563 และเสร็จเป็นโชว์รูมจริงๆ เมื่อตอนปี 2564 ทำอยู่เกือบปี ณ ตอนนั้นเราเป็นผู้นำเข้ารถ JEEP เข้ามาเอง

หลังจากนั้นเป็นดีลเลอร์ของต่างประเทศอยู่เกือบปี ระหว่างนั้น ก็มีโอกาสเข้าไปเจอกับผู้บริหารของ MGC หรือบริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) และได้มีการพูดคุยกัน และเข้าใจในสถานะ เมื่อเริ่มมีการชัดเจนมากขึ้น เราก็ยินดีที่จะรับความเปลี่ยนแปลงตรงนั้น เพราะแน่นอนว่าการเปลี่ยนสถานะจากการเป็นดีลเลอร์ให้กับต่างประเทศ มาเป็นการทำตลาดควบคู่ไปกับผู้จัดจำหน่ายอย่าง MGC ก็น่าจะมีความชัดเจนในแง่ของการทำตลาดมากขึ้น

แผนงานหลังจากเข้าร่วมธุรกิจกับทาง MGC

ตอนนี้เราเป็นหนึ่งดีลเลอร์ และเท่าที่ทราบกัน จะมี Jeep Lion Automobile ซึ่งจะเป็นบริษัทลูกของ MGC ซึ่ง Jeep Lion ในกรุงเทพฯ มี 2 สาขา คือที่สุขุมวิท กับที่พระราม 5 ส่วนของผมจะเป็นดีลเลอร์อิสระ ที่ในกรุงเทพฯ มีเพียงแห่งเดียว ณ ตอนนี้

ส่วนทาง Belfort Automobile จะมีที่อุบลราชธานี และสุราษฎร์ธานี ซึ่งรวมแล้วคาดว่าปลายปีน่าจะมีเพิ่มที่จังหวัดเชียงใหม่อีกที่หนึ่ง ก่อนที่เราจะเซ็นต์สัญญากับทาง Belfort เพื่อเปิดที่นี่ เป็นครั้งที่สอง เราได้มีการพูดคุยกัน และเขาได้แนะนำว่า หากเรามีพื้นที่ที่เชียงใหม่ ก็อยากให้เราไปเปิดที่เชียงใหม่ เพราะตอนนั้นยังไม่มีนโยบายให้เปิดดีลเลอร์อิสระในกรุงเทพฯ แต่ถ้าที่เชียงใหม่ สามารถเปิดได้ ตอนนั้นเราก็ยังไม่อยากที่จะไปไกลถึงจังหวัดเชียงใหม่ เราจึงรอจังหวะ เมื่อได้จังหวะที่ลงตัว เมื่อปลายปี 2565 ที่ผ่านมา แล้วเซ็นต์สัญญาตอนเดือนมกราคม และได้เข้ามาร่วมงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ กับทาง MGC ในช่วงเดือนมีนาคม ตอนนั้นคือเริ่มนับหนึ่ง นับจากตอนนั้นมา นี่ก็จะเข้าเดือนที่ห้าของ P&S JEEP

การดูแล และให้บริการลูกค้าทั้งเก่า และใหม่

หลังจากที่เราเพิ่งกลับมาเปิดได้เป็นเดือนที่ห้า สำหรับลูกค้าใหม่ จะมีเข้ามาเรื่องของชุดแต่ง เนื่องจากเพิ่งรับรถไป แต่ในทางลูกค้าเก่า เมื่อตอนเปลี่ยนมือไม้แรก เราได้แจ้งลูกค้าเมื่อช่วงที่เราได้ขายรถออกไปช่วงปีแรก ประมาณเกือบ 40 คัน เราได้แจ้งให้ลูกค้าลงทะเบียนภายใต้ Belfort เพื่อเป็นการการันตีจากทางอเมริกา ดังนั้นฐานข้อมูลลูกค้า 40 คันแรกนั้น จึงอยู่ที่ Belfort

ปัจจุบัน หลังจากที่มาเปิดเอง เราได้แจ้งให้ลูกค้ารับทราบ บางครั้งจะเป็นทางเลือกให้ลูกค้ากลับเข้ามา ซึ่งก่อนหน้านี้ เรามีขายรถไปที่เชียงใหม่ และตามจังหวัดอื่นๆ ซึ่งสำหรับลูกค้าที่อยู่ต่างจังหวัด เราได้แจ้งข้อมูลอัพเดตว่าเราได้กลับมาเป็นดีลเลอร์อีกครั้งแล้ว ลูกค้าบางท่านก็รู้สึกดีใจที่เราได้กลับเข้ามาเป็นดีลเลอร์อย่างเป็นทางการ

ส่วนในเรื่องของลูกค้าที่นิยม และยังใช้ JEEP ในยุค 90 อยู่นั้น ยังสามารถเข้ามาได้ครับ เราก็ยังบริการทุกรุ่น เพียงแต่ว่าหากเป็นรุ่นเก่ามากๆ ในแวดวงเราทราบกันดีอยู่แล้วว่าอะไหล่ JEEP ค่อนข้างหายาก และราคาสูง ขั้นต่ำในการรอราวๆ 60 วันขั้นต่ำ

แต่เราก็มีการคุยกับทาง Belfort เขายังไม่มีสต็อกสำหรับ Jeep Cherokee รุ่นเก่า ดังนั้น อาจต้องใช้เวลานานตอนนี้สต็อกที่พร้อมให้บริการลูกค้าจะเป็นรุ่นใหม่ๆ เลย พวก JL , JK ก็อาจจะมีเข้ามาบ้างแต่น้อย

ความชอบส่วนตัวที่บ่มเพาะจนเกิดเป็นธุรกิจ

หลังจากที่ได้มาทำแบรนด์ JEEP ต้องท้าวความว่า เดิมผมเป็นคนที่ชอบขี่รถมอเตอร์ไซค์สไตล์แอดเวนเจอร์ ไม่ว่าจะเป็น KTM BMW GS 1200 พวกนี้จะเคยใช้งานจริง ชอบที่จะได้ขี่ออกไปตามธรรมชาติ เข้าป่า และรถอีกรูปแบบที่ชอบคือ Enduro หรือมอเตอร์ไซค์วิบาก

ซึ่งเมื่อก่อนที่จะมาเปิดโชว์รูม JEEP ผมเป็นผู้นำเข้ารถมอเตอร์ไซค์ Enduro  Sherco เป็นแบรนด์สัญชาติฝรั่งเศส ซึ่งเปิดเมื่อปี 2018 ก่อนโควิด และโควิดก็เข้าช่วงปี 2019 ตอนนั้นกระแสก็เงียบมาก เพราะไม่สามารถเดินทางไปไหนได้

ด้วยความที่ผมชอบแนววิบาก ได้ออกเดินทาง ไปผจญภัยเข้าป่า เมื่อมองหารถยนต์ที่ลุยแนวเดียวกันได้ แน่นอนว่าไม่ยากเลยที่จะทำให้ผมหลงใหลใน JEEP ซึ่งส่วนตัวผมชอบ WRANGLER 2 ประตู

เสน่ห์ของ JEEP ในมุมมองของคุณจักรี

ผมยังไม่เคยขับโมเดลอื่น แต่สำหรับ RUBICON ตัวนี้จะมีฟีเจอร์ที่เป็นพระเอกของ RUBICON เลยคือ sway bar ซึ่งมันจะทำหน้าที่บาลานซ์รถ เมื่อเราขับไปถึงถนนที่เป็นหลุม หรือพื้นถนนไม่เท่ากัน เราจะไต่หินหรืออะไรก็แล้วแต่ ตัว sway bar จะทำให้ล้อติดพื้นทุกล้อ ไม่ว่าจะสูงต่ำ ต่างระดับแค่ไหน ซึ่งหากเราไปทดสอบ ระหว่างการที่เราไม่เปิดโหมด sway bar กับตอนเปิด ผู้ที่ขับกับผู้นั่งจะรู้สึกถึงความแตกต่างชัดเจน และนั่นคือเสน่ห์ของ JEEP ที่ผมชอบ

RUBICON TRAIL 4x4E สนามทดสอบของสายลุย

เดิมสนามนี้ เป็นสนามทดสอบมอเตอร์ไซค์เอ็นดูโร่ว ซึ่งเดิมสนามไม่ได้มีหน้าตาเป็นแบบที่เห็นในปัจจุบัน พอเรามาทำธุรกิจ JEEP ผมมองว่าเรามีพื้นที่สนามตรงนี้อยู่ จึงนำมาปรับเปลี่ยนนิดหน่อย ลงทุนอีกไม่มาก เราก็สามารถเปลี่ยนให้เป็นสนามทดสอบสำหรับรถออฟโรดได้ ซึ่ง ณ ตอนที่ทำครั้งแรก ลูกค้าที่ซื้อ JEEP กับเราไป 40 กว่าคัน น้อยมากที่จะเข้าไปขับด้านใน เพราะเรายังไม่ได้ปรับสนาม

แต่เมื่อไปคุยกับทาง Belfort ซึ่งพูดได้ว่าเขาเป็นคนแนะนำเลยก็ว่าได้ ว่าหากเราปรับสนามมาเพื่อใช้ทดสอบรถ อาจจะมีผลในเรื่องการตัดสินใจของลูกค้าได้ ซึ่งได้ผลจริง เมื่อลูกค้าที่สนใจ นำรถเข้าไปลองทดสอบ แล้วเขาสามารถตัดสินใจซื้อได้มากกว่า

การแบ่งสัดส่วนของสนามทดสอบ

พื้นที่ตรงนี้ประมาณเกือบ 3 ไร่ ภายในสนามแบ่งเป็น 2 โซน

• indoor (ใต้หลังคา)
• outdoor (นอกหลังคา)
  ซึ่งเรามีไฮไลท์ของสนามคือ ช่วงที่เป็นเนินประมาณ 25-28 องศา สลับซ้ายขวา เป็นเนินเอียง ทำไว้เพื่อทดสอบโหมด sway bar

COMMUNITY JEEP ในประเทศไทย

กิจกรรมครั้งแรกของ JEEP คือ 101 Academy ของทาง JEEP THAILAND ซึ่งเขาเข้ามาใช้พื้นที่สนามของเราในการจัดกิจกรรม ตรงนี้ได้รับเสียงตอบรับจากลูกค้าที่ใช้ JEEP อย่างดี เพราะเขาได้เรียนรู้เทคนิก และฟังก์ชั่นการใช้งานต่างๆ ในระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออย่างดี เขาทดสอบแล้ว รู้สึกว่าคุ้มค่ากับการที่เสียเงินห้าล้านกว่าบาทให้กับ JEEP หนึ่งคัน ซึ่งเป็นการจัดกิจกรรมแบบสองวัน มีทั้งวันที่ลูกค้านำรถตัวเองเข้ามาใช้ทดสอบ และวันที่ใช้รถของเรา

และในช่วงครึ่งปีหลัง หลังจากกิจกรรม 101 Academy เรามีสอบถามไปทาง Belfort แล้ว เขาอยากจะมีจัดกิจกรรมไปกับลูกค้า JEEP แต่ยังไม่คอนเฟิร์มว่าจะทำแบบไหน และไปที่ไหน กำลังอยู่ในช่วงดำเนินงาน เหมือนกับการขับรถไปท่องเที่ยวต่างจังหวัด ไปสร้าง Community แล้วไปสำรวจความต้องการของลูกค้าก่อนครับ

สำหรับใครที่หลงรักในความมีเสน่ห์ที่แข็งแกร่ง สามารถบุกตะลุยได้จริงในทุกพื้นที่ และยังคงความสวยคลาสสิกสะกดทุกสายตา ต้องลองมาสัมผัสคันจริง พร้อมทดสอบสมรรถนะของ JEEP ได้ที่ P&S JEEP (THAILAND) นิมิตใหม่ ดีลเลอร์อิสระหนึ่งเดียวของ JEEP Thailand ภายใต้การบริหารงานของคุณ จักรี ปานชนะ ที่พร้อมให้ข้อมูล และบริการที่ครบวงจรแก่ลูกค้า JEEP ทั่วประเทศ

เรื่อง  : กองบรรณาธิการ

เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE

ติดตามข่าวสารยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ได้ที่ www.grandprix.co.th