ขอคั่นรายการเรื่อง “ล้อๆ ที่ไม่ล้อเล่น” กันสักหน่อย เพราะในช่วงนี้ สถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อ COVID-19 ที่กำลังมาแรงแซงทุกทาง ทำให้ต้องมีการหยุดงาน Work From Home กันส่วนใหญ่ รวมถึงการอยู่บ้านเพื่อลดการแพร่ของเชื้อ เลยทำให้การใช้รถน้อยลงไปมาก บางคนแทบไม่ได้ไปไหนเลยก็จอดเป็นส่วนใหญ่ แต่อย่าลืมว่า รถก็ต้องมีการดูแลเหมือนกัน เพื่อให้อยู่ในสภาพ “พร้อมใช้” เสมอ…

เติมลมยางเพิ่มจากเดิมสักหน่อย

ด้วยเหตุผลที่ว่า รถคุณมักจะไม่ค่อยได้ขับ บางทีก็ลืมๆ ตรวจเช็ค จอดยาวไป “ลมยางอ่อน” ตอนขับจริงต้องเดือดร้อนไปหาที่เติมลมอีก เผลอๆ แบดแต๊ดแต๋คาบ้านเสียอย่างนั้น ทำให้กลายเป็น “ภาระ” เวลาจะใช้งาน แนะนำว่า “ควรเติมลมยางเพิ่มจากค่ามาตรฐานประมาณ 2 ปอนด์” รวมไปถึง “หมั่นตรวจเช็คลมยางเป็นประจำเหมือนตอนขับปกติ” เพราะการจอดเฉยๆ ลมก็เล็ดรอดออกมาได้เป็นปกติอยู่แล้วครับ…

เปิดฝากระโปรงไว้บ้าง หรือ ใช้อุปกรณ์ไล่หนู

รถจอดนานๆ ในห้องเครื่องจะเป็นที่อยู่ระดับ “โรงแรมห้าดาว” ของเหล่า หนู และ สัตว์อื่นๆ ที่ชอบมาอาศัยทำรัง และสร้างความเดือดร้อนให้เราได้มาก โดยเฉพาะหนู ทั้งกัดสายไฟ ทำเลอะเทอะต่างๆ ถ้ารถจอดในบ้าน ก็เปิดฝากระโปรงทิ้งไว้บ้าง อย่างน้อยเราก็ยังสังเกตได้ ให้มีการระบายอากาศบ้าง รวมไปถึง การใช้อุปกรณ์ไล่หนูต่างๆ อาจจะเป็นตัวปล่อยคลื่นไฟฟ้า หรืออะไรอื่นๆ ที่คุณอยากใช้ มาช่วยด้วยก็ดี…

ขับบ้าง อย่าเอาแต่จอด

รถก็เหมือนคน ต้องมีการออกกำลังกาย ยืดเส้นยืดสายบ้าง จะได้สดชื่น รถจอดนานๆ มันก็ไม่ดีนะครับ โดยเฉพาะช่วงฝนตก อากาศชื้น เบรกติด สนิมเกาะจานเบรก คลัตช์ติด (ในรถเกียร์ธรรมดา) มีกลิ่นอับในรถและระบบแอร์ ฯลฯ ยังไงก็เอารถออกไปขับวอร์มบ้าง ออกไปซื้อของใช้ ฯลฯ เปลี่ยนบรรยากาศ อย่างน้อยก็ “นวดยาง” และ “ชาร์จไฟ” รวมไปถึงการให้ “อากาศไหลเวียนในรถ” จะให้ดีก็ “แง้มกระจกไว้หน่อยเพื่อระบายอากาศ” ซึ่งผมไม่แนะนำให้ติดเครื่องไว้เฉยๆ ในบ้าน เพราะเป็นมลภาวะ และส่วนอื่นๆ ไม่ได้ขยับ จึงได้ประโยชน์ไม่เต็มที่เหมือนการเอาออกไปขับจริง…

ควรเปลี่ยนแบตเตอรี่เมื่อใกล้ถึงอายุ

รถที่จอดนานๆ ไฟแบตเตอรี่จะอ่อนลง เพราะไม่มีการชาร์จเข้า ถ้ารถที่แบตฯ ใกล้ถึงเวลาเปลี่ยน ควรจะ “เปลี่ยนไปเลย” ดีกว่า อย่าคิดว่า “รถไม่ได้ใช้จะเปลี่ยนทำไม” แนะนำว่า ยิ่งรถจอดนาน แบตฯ จะยิ่งเสื่อมสภาพเร็วมากๆ ถึงเวลาจะใช้รถก็ทะลึ่งนิ่งสตาร์ทไม่ติด ต้องหาอุปกรณ์และยืมรถชาวบ้านมาพ่วงแบตฯ กันให้วุ่นวาย และยิ่งรถสมัยใหม่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิคส์มันเยอะมากๆ ถ้าไฟอ่อนหรือไฟหมดบ่อยๆ จะทำให้เกิดปัญหาอย่างอื่นตามมาได้…

เติมน้ำมันไว้เต็มถัง เผื่อสถานการณ์ฉุกเฉิน

ส่วนใหญ่จะชอบคิดกันว่า รถไม่ได้ใช้ ไม่ต้องเติมหรอก บางคนก็คิดว่า เติมทิ้งไว้ก็ระเหย เหลือน้อยก็ช่างมัน ไฟเตือนขึ้นแล้วก็ยังจะเฉย คิดแต่ว่า “จะใช้แล้วค่อยเติมละกัน” แบบนี้ “หายนะ” มาเยอะแล้ว ที่ผมแนะนำให้เติมน้ำมันไว้เต็มถัง มันมีข้อดีหลายประการ สิ่งหนึ่งที่เราคาดเดาไม่ได้ คือ “สถานการณ์ฉุกเฉิน” ที่ไม่มีใครรู้หรอกว่ามันจะเกิดกับเราเมื่อไร เช่น มีคนป่วยกระทันหันในบ้าน หรือ มีธุระด่วนอะไรก็ตาม คุณจะขับไปได้ไม่ต้องพะวง ไม่ดีแน่ถ้าเรื่องฉุกเฉินแล้วต้องมาหาปั๊มน้ำมัน หรือ รถจอดตายกลางทาง ก็ลองคิดเองแล้วกันว่าคุ้มหรือเปล่า…

เรื่อง: อินทรภูมิ์ แสงดี

เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE

ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th