ประวัติ นิสสัน เทียน่า NISSAN TEANA HISTORY
นิสสัน เทียน่า ในประเทศไทย ถือเป็นรถยนต์นั่งขนาดกลาง (Mid Size Sedan) ที่ได้รับความนิยมไม่น้อย เพราะมีกลุ่มตลาดและความต้องการที่ชัดเจน ถ้าเทียบขนาดตัวถังกับรุ่นอื่นของแบรนด์อื่นในคลาสนี้ จะจัดอยู่ในกลุ่มเดียวกับ โตโยต้า คัมรี่ ฮอนด้าแอคคอร์ด
แต่เดิม นิสสัน มีรถรุ่น เซฟิโร่ (CEFIRO) ทำตลาดอยู่ก่อนตั้งแต่ช่วงปี พ.ศ. 2533 มีอยู่ทั้งหมด 3 รุ่นหลักๆ คือ เซฟิโร่ A31 เซฟิโร่ A32 และ A33 ซึ่งในตอนที่เป็นรถใหม่ ความนิยมไม่หวือหวา
แต่พอเวลาผ่านไปกลายเป็นรถมือสอง กลับได้รับความนิยม อาจเพราะสามารถจับต้องได้ง่ายขึ้น หรือเป็นเพราะมีความต่อเนื่องในความต้องการที่นำไปใช้งานได้มากขึ้น ทั้งในเรื่องของการใช้งานทั่วไป และการนำเอาไปใช้ในวงการรถแข่ง จนปัจจุบันรถรุ่นนี้ ก็ยังมีความต้องการอยู่ โดยเฉพาะ A31 ที่ใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหลัง เป็นรุ่นท้ายๆ ของค่ายนี้ด้วยในกลุ่มรถยนต์นั่ง
โฉมที่ 1 (พ.ศ. 2546-2551)
จนกระทั่งถึงช่วงปี พ.ศ. 2546 นิสสันนำเอา เทียน่า ออกสู่ตลาดในประเทศไทย แต่มีการผลิตในประเทศไทยส่งออกไปยังตลาดอเมริกาโดยใช้ชื่อ แม็กซิมา ใช้รหัส J31 ในประเทศญี่ปุ่น โฉมนี้ใช้เครื่องยนต์ขนาด 2,300 ซี.ซี. แบบ 6 สูบ (รหัสเครื่องยนต์ VQ 23 DE) กำลังสูงสุด 173 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด มีรูปแบบตัวถังแบบ 4 ประตูเท่านั้น
โฉมที่ 2 (พ.ศ. 2551-2556)
เปิดตัวเมื่อปี พ.ศ. 2551 แต่ในประเทศไทยเปิดตัวในปี พ.ศ. 2552 ใช้รหัสว่า J32 มีเครื่องยนต์ให้เลือก 3 ขนาด คือ 2.0, 2.5 และ 3.5 ลิตร โฉมนี้เป็นโฉมแรกที่มีการนำเกียร์ CVT 6 สปีด มาใช้กับเทียน่า โฉมนี้ทางนิสสันอยากให้ผู้โดยสารในรถมีความรู้สึกอบอุ่นเสมือนอยู่บ้าน โฉมนี้มีตัวถังแบบเดียวเช่นเคย คือ ซีดาน 4 ประตู และมีการ ปรับโฉม เมื่อปี พ.ศ. 2554
รุ่นย่อยและทางเลือกเครื่องยนต์
รุ่น 200XL รหัสเครื่องยนต์ MR20DE L4 ความจุ 1,997 ซี.ซี. กำลังสูงสุด 134 แรงม้า ที่ 5,200 รอบต่อนาทีแรงบิดสูงสุด 194 นิวตันเมตร ที่ 4,400 รอบต่อนาที
รุ่น 250XV รหัสเครื่องยนต์ VQ25DE V6 ความจุ 2,495 ซี.ซี. กำลังสูงสุด182 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 237 นิวตันเมตรที่ 4,400 รอบต่อนาที
โฉมที่ 3 (พ.ศ. 2556-ปัจจุบัน)
เจเนอเรชันที่ 3 ของ เทียน่าก็ออกมา พร้อมกับอ๊อปชั่น เช่น กล้องมองหลัง 360 องศา, ระบบนำทาง Navigation System , ระบบ Lane Departure Warning, ชุดเครื่องเสียง BOSE
มีให้เลือก 6 สี คือ สีน้ำเงิน ฟอล บลู (Fall Blue) ซึ่งเป็นสีใหม่ สีขาวมุก ไวท์ เพิร์ล (White Pearl) สีดำ แบล็ก สตาร์ (Black Star) สีเงิน บริลเลียนท์ ซิลเวอร์ (Brilliant Silver) สีน้ำตาล เกรย์ยิช บรอนซ์ (Grayish Bronze) และสีม่วงเทา ดีพ ไอริส เกรย์ (Deep Iris Gray)
รุ่นย่อย
2.0 XE เป็นรุ่นเริ่มต้นโดยมีระบบความปลอดภัยต่าง ๆ เช่น ระบบป้องกันล้อล็อก ABS (Anti-lock Braking System) พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD (Electronic Brakeforce Distribution) และระบบเสริมแรงเบรกในภาวะฉุกเฉิน Brake Assist, ระบบช่วยควบคุมทิศทางขณะเลี้ยว ATC (Active Trace Control), ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HSA (Hill Start Assist), ระบบช่วยควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวอัตโนมัติ VDC (Vehicle Dynamic Control), ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TCS (Traction Control System),กล้องมองหลัง (Rear View Camera), ถุงลมนิรภัยคู่หน้า (Dual SRS Airbags), ถุงลมนิรภัยด้านข้าง (Side Airbags) และม่านถุงลมนิรภัยด้านข้าง (Curtain Airbags) ราคา 1,270,000 บาท
2.0 XL ระบบ Intelligent Transport System (ITS) ได้แก่ ระบบเตือนให้รักษาตำแหน่งรถในช่องทาง (Lane Departure Warning) ทำงานที่ความเร็ว 70 กิโลเมตร/ชั่วโมงขึ้นไป, ระบบเตือนจุดอับสายตา (Blind Spot Warning) ทำงานที่ความเร็ว 32 กิโลเมตร/ชั่วโมง ขึ้นไป, ระบบเตือนวัตถุเคลื่อนไหวรอบรถ (Moving Object Detection) ทำงานที่ความเร็วตำกว่า 8 กิโลเมตร/ชั่วโมง, กล้องมองภาพรอบทิศทาง (Around View Monitor) ราคา 1,330,000 บาท
2.0 XL Navi ระบบนำทางที่ใช้ซอฟแวร์แผนที่นำทาง จาก BOSCH ราคา 1,380,000 บาท
2.5 XV สัญญาณเตือนกะระยะด้านหน้าและด้านหลัง (Front and Rear Sensors), ชุดเครื่องเสียง ประกอบด้วย วิทยุ AM/FM พร้อมเครื่องเล่น CD / MP3 / WMA 1 แผ่น ช่องเสียบ USB และ AUX in อยู่ที่ใต้แผงสวิชต์เครื่องปรับอากาศ ติดตั้ง ลำโพง 9 ชิ้น พร้อม Sub-Woofer จาก BOSE ราคา 1,570,000 บาท
2.5 XV Navi เบาะปรับด้วยสวิชต์ไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อมกับระบบจำตำแหน่งคนขับ Memory Seat 2 หน่วย แถมด้วย ระบบ เลื่อนถอยหลัง เมื่อเปิดประตูฝั่งคนขับ แบบ Welcome Seat มาให้ ราคา 1,620,000 บาท
ข้อมูลทางวิศวกรรม
รุ่น 2.0 XE 2.0 XL และ 2.0 XL Navi ยังคงใช้เครื่องยนต์รหัส MR20DE บล็อก 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 1,997 ซีซี กระบอกสูบ x ช่วงชัก 84.0 x 90.1 มิลลิเมตร กำลังอัด 10.0 : 1 หัวฉีด EGI กล่องสมองกล ECCS พร้อมระบบแปรผันวาล์ว CVTC 136 แรงม้า (PS) ที่ 5,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 190 นิวตันเมตร (19.4 กก.-ม.) ที่ 4,400 รอบ/นาที เหมือนรุ่นก่อนหน้า
แต่รุ่น 2.5 XV และ 2.5 XV Navi ขุมพลัง VQ25DE บล็อกเดิมถูกเลิกใช้แล้วแทนที่ด้วยเครื่องยนต์ QR25DE บล็อก 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 2,488 ซีซี กระบอกสูบ x ช่วงชัก 89.0 x 100.0 มิลลิเมตร กำลังอัด 10.0 : 1 พร้อมระบบแปรผันวาล์ว CVTC
กำลังสูงสุดลดลงจาก 182 แรงม้า (PS) ที่ 6,000 รอบ/นาที เหลือ 173 แรงม้า (PS) ที่ 6,000 รอบ/นาที แต่แรงบิดสูงสุด เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 228 นิวตันเมตร (23.2 กก.-ม.) ที่ 4,000 รอบ/นาที เป็น 234 นิวตันเมตร (23.8 กก.-ม.) ที่ 4,000 รอบ/นาที
เชื่อมกับระบบขับเคลื่อนล้อหน้า ด้วยเกียร์อัตโนมัติ อัตราทดแปรผัน XTRONIC CVT เหมือนเดิม แต่เป็นเกียร์ลูกใหม่ ที่มีการปรับเปลี่ยนอัตราทดเกียร์ จาก 2.349 – 0.394 : 1 ให้กว้างขึ้นอีกเป็น 2.631 – 0.378 : 1 ส่วนเกียร์ถอยหลังมีอัตราทดอยู่ที่ 1.9601 : 1
นอกจากนี้ อัตราทดเฟืองสุดท้าย ของทั้ง 2 รุ่น ก็ยังไม่เหมือนกันอีกด้วย โดยรุ่น 2,000 ซีซี ทดไว้ 5.694 : 1 ถือว่าทดเฟืองท้ายให้ยาวขึ้น แต่มาเล่นที่อัตราทดพูลเล่ย์เกียร์แทน ขณะที่รุ่น 2,500 ซีซี จะทดไว้ที่ 4.829 : 1
หลังจากรับรู้รายละเอียดความเป็นมาของนิสสัน เทียน่า กันมาในระดับหนึ่งแล้ว จะเห็นว่า กลุ่มรถในคลาสนี้ มีการพัฒนาคุณสมบัติของตัวเองให้สูงขึ้นกว่า รถยนต์นั่งในระดับใกล้เคียงกัน เพราะความต้องการของตลาดที่รถกลุ่มนี้จะเป็นตลาดกลางถึงบนเป็นส่วนใหญ่ จะเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้นในนิสสัน เทียน่ารุ่นใหม่ ที่เพิ่งเปิดตัวไปไม่นานนี้นั่นเอง
เรื่อง : จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี / ศิปิวรรธ ปานกลาง เรียบเรียง
เครดิตภาพ:Nissan / fr.m.wikipedia.org / Car service manuals / Wikimedia Commons / Autoworld.com.my /
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th