พัฒนาเข้าสู่การเป็นรถรุ่นใหม่ พร้อมเดินทางได้อย่างมั่นใจไปกับ โต โย ต้า ยา ริ ส
โต โย ต้า ยา ริ ส เป็นอีกหนึ่งรถยนต์ในสาย Eco Car ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน สำหรับรุ่นใหม่จะได้รับการพัฒนาจากรุ่นสู่รุ่นเลยทีเดียว อีกทั้งยังมียอดขายสูงทั้งมือ 1 และมือ 2 ในรุ่นใหม่จะได้รับการพัฒนาเพิ่มมาเป็นรถซีดานแบบ 4 ประตู เพื่อเพิ่มความเหมาะสมในการใช้งาน อีกทั้งยังสามารถใช้งานได้ในหลากหลายสไตล์ เหมาะสำหรับคนรุ่นใหม่ เน้นเป็นรถที่ใช้ในชีวิตประจำวัน แถมยังสามารถใช้ในการเดินทางไกลได้อีกด้วย โดยความโดดเด่นของรถรุ่นนี้คือ มความเล็ก กะทัดรัด ทำให้ทุกการเดินทางมีความคล่องตัวสูง มาพร้อมกับดีไซน์สุดโดดเด่น และเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของยาริส
โต โย ต้า ยา ริ ส ปรับเปลี่ยนโฉมใหม่ เพิ่มความทันสมัยมากยิ่งขึ้น
โต โย ต้า ยา ริ ส เป็นรถยนต์อีกหนึ่งรุ่นที่ได้รับการปรับเปลี่ยนโฉมใหม่มาโดยตลอด แต่ยังคงโครงสร้างของความเป็น Hatchback เอาไว้ได้เป็นอย่างดี และยังเน้นในเรื่องของช่วงท้ายที่จะมีความสั้นกว่ารถยนต์รุ่นอื่น ๆ เนื่องจากจะเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของยาริส โดยในรุ่นของ Toyota Yaris Active ที่เป็นรถซีดานแบบ 4 ประตู จะมีลักษณะคล้ายคลึงกับรถซีดานทั่ว ๆ ไป แต่จะเน้นไปในเรื่องของรูปทรงที่มีความกะทัดรัดให้เหมือนกับยาริสในรุ่นอื่น ๆ ในส่วนของการปรับเปลี่ยนรูปโฉมใหม่ หรือที่เรียกว่า Minor Change ที่มีการปรับเปลี่ยนไฟหน้าให้ดูโฉบเฉี่ยวดูเรียวยาวมากยิ่งขึ้น พร้อมใส่เส้นสายของกระจังด้านหน้าสีดำโทนเข้ม ที่จะเป็นตัวเพิ่มความดุดัน อีกทั้งยังกดกระจังหน้าให้ต่ำลง ส่วนด้านท้ายรถยังคงเป็นท้ายสั้นแบบแฮท์แบค 5 ประตูเช่นเดิม นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มสีสันแบบใหม่ ที่จะช่วยให้รถดูโดดเด่นมากยิ่งขึ้น มิติตัวรถโดยรวมจะมีความยาว 4,165 มิลลิเมตร มีความกว้าง 1,730 มิลลิเมตร ความสูง 1,500 มิลลิเมตร และระยะฐานล้อ 2,550 มิลลิเมตรนั่นเอง
ในส่วนของไฟหน้าจะเป็นไฟ LED ที่ได้รับการดีไซน์ออกมาใหม่ กระจังหน้า และกันชนด้านหน้าจะได้รับการออกแบบมาใหม่เช่นเดียวกัน ล้ออัลลอยจะถูกปรับให้ดูเท่ขึ้น ให้มีความเป็นสปอร์ตมากขึ้นกว่าเดิม อีกทั้งยังมาพร้อมกับระบบแบบเปิด-ปิดอัตโนมัติ และไฟ Follow-Me-Home ที่จะมีการติดตั้งมาให้ พร้อมกับวัสดุภายในที่ตกแต่งด้วยโทนน้ำเงินเข้ม ด้านในตัวรถจะมีช่องชาร์จไฟ USB 2 ตำแหน่ง ทั้งด้านหน้า และตำแหน่งผู้โดยสารด้านหลัง เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ผู้ใช้งาน
โต โย ต้า ยา ริ ส กับเครื่องยนต์รุ่นใหม่
สำหรับเครื่องของ โต โย ต้า ยา ริ ส ในรุ่นใหม่ จะมาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซินรหัส 3NR-FKE แบบ 4 สูบ 16 วาล์ว Duo vvt-I ขนาด 1.2 ลิตร ให้ความจุอยู่ที่ 1,197cc อัตราส่วนของกำลังอัดจะอยู่ที่ 13.5:1 และให้พละกำลังสูงสุดถึง 92 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุดที่ 190 นิวตัน-เมตรที่ 4,000 รอบต่อนาที มีการทำงานร่วมกับระบบเกียร์อัตโนมัติแบบ Super-CVT-I ที่สามารถรองรับการใช้น้ำมัน E20 แบบ Eco Car Phase2
ในส่วนของสมรรถนะเครื่องยนต์จะให้มาแบบกำลังดี ไม่ถึงกับช้า หรือเร็วมากจนเกินไป พร้อมจุดเด่นในเรื่องของการประหยัดน้ำมัน จึงสามารถขับขี่ได้อย่างสบายใจ สามารถใช้ได้ทั้งการขับขี่ในตัวเมือง การขับขี่นอกตัวเมืองอย่างเหมาะสม ในเรื่องของการขับขี่จะมีความคล่องตัวสูงเป็นอย่างมาก สามารถเข้าจอดได้ง่ายแม้ในที่แคบ ส่วนของราคารถรุ่นนี้จะสามารถเข้าถึงได้ง่าย ปัญหาการใช้งานจะค่อนข้างน้อย
สำหรับข้อเสียของ โต โย ต้า ยา ริ ส จะเป็นในเรื่องของอัตราการเร่งที่ไม่ค่อยทันใจสำหรับคนชอบความเร็วแรง ดังนั้นรถรุ่นนี้จะไม่ค่อยเหมาะสำหรับคนที่ชอบการอัดแบบเต็มกำลัง เนื่องจากว่ารถรุ่นนี้จะถูกออกแบบเน้นเรื่องของการขับขี่แบบสบาย ๆ ในเมือง เพราะจากเครื่องยนต์ที่มี cc ต่ำ หากมีการวิ่งโดยการเดินทางไกลบ่อยครั้ง อาจจะทำให้เครื่องยนต์เสียหายได้ง่าย ที่สำคัญรถยนต์รุ่นนี้จะมีความเล็ก และค่อนข้างบาง หากเจอลม หรือจอรถคันใหญ่วิ่งสวนมาด้วยความเร็ว จะทำให้รถแกว่งได้ง่าย อีกทั้งพวงมาลัยยังค่อนข้างเร็ว จึงส่งผลให้การควบคุมสามารถเป็นไปได้ยาก และช่วงล่างยังไม่ค่อยแน่นเท่าที่ควร ทำให้สามารถรับรู้ถึงความสั่นสะเทือนได้มากพอสมควรเลยทีเดียว
สำหรับใครที่ชื่นชอบรถยนต์คันเล็ก ที่สามารถตอบโจทย์ให้ทุกไลฟ์สไตล์ สามารถพาไปในทุกที่ได้อย่างมั่นใจ โต โย ต้า ยา ริ ส ถือเป็นรถยนต์อีกหนึ่งรุ่นที่สามารถตอบโจทย์ได้ดีเลยทีเดียว ด้วยตัวรถที่มีลักษณะโดดเด่นของการเป็นรถยนต์แบบท้ายสั้น อีกทั้งยังเป็นสาย Eco Car ที่มีขนาดเล็กกะทัดรัด ช่วยประหยัดน้ำมันได้เป็นอย่างดี สามารถขับขี่ได้อย่างคล่องตัว และสำหรับยาริสรุ่นใหม่ยังเพิ่มความสวยงาม ด้วยการออกแบบให้มีความสปอร์ต ทั้งยังได้รับการผลิตออกมาให้มีหน้าตาที่ทันสมัย โดยรถยนต์รุ่นนี้จะถูกนำมาขายภายในคอนเซ็ปต์ “Are You Groovy” ตั้งแต่ในรุ่นแรก จนถึงรุ่นปัจจุบัน นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาเครื่องยนต์มาตลอด และยังให้กำลังแรงม้ากับแรงบิดที่เพิ่มมากขึ้นตามระดับ แต่ในสิ่งที่ยังคงรักษาประสิทธิภาพได้เป็นอย่างดี คือเรื่องของการประหยัดน้ำมันนั่นเอง
เรื่อง : กองบรรณาธิการ
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th