พิสูจน์ความแตกต่าง PTT UltraForce น้ำมันดีเซลพรีเมียมสูตรใหม่จากปตท.
1 สัปดาห์ก่อนหน้าการเปิดตัว PTT UltraForce น้ำมันดีเซลพรีเมียมสูตรใหม่ ปตท. เชิญสื่อมวลชนเข้าร่วมการทดสอบเพื่อสัมผัสประสิทธิภาพของเทคโนโลยีน้ำมันดีเซลล่าสุด ที่สนามแก่งกระจาน เซอร์กิต จังหวัดเพชรบุรี
ตามข้อมูลที่นำเสนอก่อนการขับทดสอบจะเริ่มต้นขึ้น PTT UltraForce เป็นน้ำมันดีเซลมาตรฐานยูโร 5 กำมะถันต่ำกว่า 10 PPM ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานรถเครื่องยนต์ดีเซลที่ต้องการน้ำมันที่สามารถปกป้อง และทำความสะอาดเครื่องยนต์เพื่อการทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ
หัวใจสำคัญของ PTT UltraForce อยู่ที่สารเติมแต่งพิเศษสูตรใหม่ที่พัฒนาขึ้นโดยฝ่ายวิจัยผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม และเทคโนโลยีเชื้อเพลิงทางเลือก สถาบันนวัตกรรม ปตท. ได้แก่ สารเพิ่มค่าซีเทน (Cetane Improver) ที่จะช่วยให้อัตราเร่งของเครื่องยนต์ตอบสนองทันใจ, สารทำความสะอาดหัวฉีด (DCA) ช่วยคืนความสะอาดให้หัวฉีดตั้งแต่ถังแรกที่เติม ป้องกันรูหัวฉีดอุดตันทำให้การเผาไหม้สมบูรณ์, สารยับยั้งการกัดกร่อน (Corrosion Inhibitor) ช่วยป้องกันการเกิดสนิมในระบบเชื้อเพลิง และสารป้องกันการเกิดฟอง (Anti Foam) ป้องกันการเกิดฟองในถังน้ำมันทำให้เครื่องยนต์เดินเรียบไม่สะดุด
เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนมากขึ้น ปตท. นำเสนอข้อมูลการทดสอบประสิทธิภาพของน้ำมันดีเซล UltraForce บนเครื่องวัดแรงม้า (Dynamometer) ในรถยนต์ 3 รุ่นที่มีเครื่องยนต์ และอายุการใช้งานที่แตกต่างกัน เริ่มจากรถกระบะ Isuzu Spark ปี 1997 เครื่องยนต์ไดเร็คอินเจ็คชั่นเทอร์โบ 2.5 ลิตร ที่ใช้งานมาแล้ว 443,399 กิโลเมตร จะมีกำลังเพิ่มขึ้น 0.9 กิโลวัตต์หรือประมาณ 1.2 แรงม้า หากเทียบกับน้ำมันดีเซลปกติ
ในตัวอย่างที่ 2 รถเอสยูวียอดนิยม Toyota Fortuner ปี 2015 เครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรลล์ไดเร็คอินเจ็คชั่น 3.0 ลิตร ที่มีเลขไมล์ 13,500 กิโลเมตร ประสิทธิภาพเครื่องยนต์หลังจากเติม UltraForce จะรีดกำลังเพิ่มเป็น 89.1 กิโลวัตต์หรือ 119 แรงม้า ดีขึ้น 3.7 เปอร์เซ็นต์
ตัวอย่างสุดท้ายเป็นรถยนต์ระดับพรีเมียม BMW 525d เครื่องยนต์ดีเซล TwinPower Turbo 2.0 ลิตร เป็นผลการทดสอบอัตราเร่งบนเครื่องวัด Dynamometer โดยน้ำมัน UltraForce จะช่วยให้รถทำความเร็วจาก 0-140 กม./ชม. ในเวลา 17.1 วินาที เทียบกับสารเติมแต่งสูตรปัจจุบันจะใช้เวลา 17.4 วินาที
มาถึงขั้นตอนการทดสอบจะแบ่งเป็น 3 สถานี ให้ขับรถทดสอบ 2 คันที่ไม่มีการบอกว่าคันไหนเติมน้ำมันดีเซล UltraForce และพอจบการขับแต่ละสถานีผู้สื่อข่าวต้องเลือกว่ารถคันไหนใช้น้ำมันดีเซลพรีเมียมสูตรใหม่ โดยผู้เขียนโชคดีที่มีโอกาสไล่เรียงจากรถตู้ Toyota Ventury, รถกระบะ Toyota Hilux Revo และรถซีดานหรู Mercedes-Benz E220d ทำให้สัมผัสความแตกต่างของประสิทธิภาพของน้ำมันดีเซล UltraForce ได้อย่างชัดเจน
คุณสุชาติ ระมาศ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่การตลาดขายปลีก บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
เริ่มต้นที่สถานีทดสอบการตอบสนอง ใช้พื้นที่บริเวณโค้งขึ้นเนินของสนามแก่งกระจาน เซอร์กิต โดยต้องขับ Toyota Ventury รักษาระดับความเร็วไว้ที่ประมาณ 50 กม./ชม. โดยเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 3.0 ลิตรของรถตู้อเนกประสงค์แสดงให้เห็นความแตกต่างชัดเจนระหว่างน้ำมันสูตรอื่นกับ PTT UltraForce ทำให้มีสื่อมวลชนเลือกถูกต้อง 17-6 จากทั้งหมด 23 คน
สถานีถัดมาเป็นการทดสอบอัตราเร่ง โดยมีการติดตั้งหลังคา และใส่น้ำหนักบรรทุกเหมือนการใช้งานจริงให้กับรถกระบะ Revo พร้อมติดตั้งเครื่องวัดอัตราเร่ง (Performance Box) ที่ใช้สัญญาณดาวเทียมเพื่อความแม่นยำในการจับอัตราเร่งช่วงความเร็ว 20-80 กม./ชม. บนทางตรงขึ้นเนิน และช่วยให้สื่อมวลชนตัดสินได้ง่ายเลือกถูกไป 16-7 คน
มาถึงสถานีสุดท้ายเป็นการขับ Mercedes-Benz E220d เพื่อทดสอบอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. พร้อมเครื่องมือจับเวลาที่ใช้ในการแข่งขันจริง และเปิดโอกาสให้ขับลองสมรรถนะช่วงสั้นๆ พอได้อารมณ์สนุก การทดสอบสถานีนี้นักข่าวหลายคนยอมรับว่าตัดสินยากว่าคันไหนใช้น้ำมันดีเซล UltraForce ด้วยความยอดเยี่ยมของเทคโนโลยีเมด อิน เยอรมนี ทำให้สมองกลของรถควบคุมการจ่ายน้ำมันได้อย่างมีประสิทธิภาพจนแทบแยกไม่ออก และผลการตัดสินออกมาอย่างสูสีด้วยการที่มีคนทายถูก 12-11 คน
แต่หากมองในภาพรวมจากการขับทดสอบทั้ง 3 สถานี ประสิทธิภาพของน้ำมันดีเซล PTT UltraForce ทำให้สัมผัสถึงความแตกต่างทั้งอัตราเร่ง และการตอบสนองของเครื่องยนต์ที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด รวมทั้งช่วยทำให้เครื่องยนต์สะอาดเหมือนใหม่ ถือว่าเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าของผู้ใช้รถเครื่องยนต์ดีเซลที่ต้องการทั้งสมรรถนะ และการปกป้องเครื่องยนต์ในระยะยาว
เรื่อง: พูนทวี สุวัตถิกุล
ขอบคุณข้อมูล: บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th