มอเตอร์ไซเคิล คิงดอม และ บริษัท บริทไบค์ พลิกกลยุทธ์ สร้างไลฟ์สไตล์แลนด์มาร์กแห่งใหม่ของชาวไบค์เกอร์
บริษัท มอเตอร์ไซเคิล คิงดอม และ บริษัท บริทไบค์ โดย ดอม เหตระกูล ผู้ก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการ พลิกกลยุทธ์สร้างดีมานด์จากการสร้างโชว์รูมจักรยานยนต์ทั่วไป สู่การสร้างมิกซ์ยูส คอมเพล็กซ์ (Mixed-used complex) คอมมูนิตี้ ของคนรักมอเตอร์ไซค์ และแหล่งแฮงค์เอาท์ ของคนทำงาน ด้วยคอนเซ็ปท์ Motorcycle Living Lifestyle เปิดโอกาสให้คนทั่วไป ได้มีประสบการณ์กับรถบิ๊กไบค์ เพื่อการสร้าง Passion ขยายไปสู่กลุ่มเป้าหมายใหม่…
ดอม เหตระกูล กล่าวว่า “ในเรื่องภาพรวมด้านยอดขายรถใหม่ของปีนี้ คาดว่าจะคงตัว ดังนั้น การจะมีเพียงโชว์รูม ที่ลูกค้าเข้ามาใช้บริการด้วยวัตถุประสงค์เจาะจงในเรื่องของการซื้อรถ หรือรับบริการซ่อมบำรุงเพียงอย่างเดียว จะเหมือนกับเราอยู่กับที่รอคนเข้ามา ธุรกิจก็จะนิ่ง แต่โมเดลโชว์รูมในแบบ มิกซ์ยูส คอมเพล็กซ์ คือการสร้าง traffic ให้เกิดการหมุนเวียน ดึงคนเข้ามาใช้บริการภายในอาคาร ทำให้คนเหล่านี้ได้เห็นรถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ ได้สัมผัสวิถีไบค์เกอร์ และวันหนึ่งเขาก็อาจจะเป็นลูกค้าของ มอเตอร์ไซเคิลคิงดอม และบริทไบค์”
จากการคลุกคลีในวงการบิ๊กไบค์มาเป็นเวลานาน ทำให้บริทไบค์และมอเตอร์ไซเคิล คิงด้อม มีโอกาส จัดกิจกรรมระดับโลก The Distinquish Gentleman’s Ride ในนามของ
มอเตอร์ไซค์ไทรอัมพ์ต่อเนื่อง มาหลายปีซึ่งทุกครั้งที่จัดในแต่ละปี มีคนเข้าร่วมกว่า 800 คัน และจำนวนผู้มาร่วมงานอีกกว่า 1,500 คน ทำให้เราค้นพบว่า คนกลุ่มนี้ ต้องการโอกาส สถานที่ๆ จะมาพบปะสังสรรค์พูดคุยในเรื่องมอเตอร์ไซค์ กับคนที่มีแพชชั่นเดียวกัน ดังนั้นโชว์รูมแบบ มิกซ์ยูส คอมเพล็กซ์ ที่เปิดขึ้นนี้ จะตอบโจทย์ในความต้องการของคนกลุ่มนี้ได้ เป็นอย่างดี ทั้งนี้เป้าหมายหลักในปีแรกของการเปิดโชว์รูมแบบมิกซ์ยูส คอมเพล็กซ์แห่งนี้ คือการสร้างคอมมูนิตี้ ของคนที่รักในรถมอเตอร์ไซค์เป็นอันดับแรก โดยมุ่งหวังให้คนที่ยังไม่มีบิ๊กไบค์ขับ ได้มีโอกาสลองเข้ามาหาข้อมูลความรู้ ทั้งเรื่องรถ และทักษะการขับที่ถูกต้องปลอดภัย รวมถึงการสร้างมิตรภาพ เน็ตเวิร์กของคนในแวดวงบิ๊กไบค์ ซึ่งถือเป็น added value ให้กับลูกค้าที่มาออกรถ หรือมาใช้บริการ ต่างๆ ที่นี่
“จากการศึกษาพฤติกรรมและความต้องการของคนที่ใช้ชีวิตบนถนนวิภาวดี ในละแวกที่ตั้งของโชว์รูมแห่งนี้ เราพบว่าส่วนใหญ่จะมีทั้งพนักงานออฟฟิศ ที่มีความเร่งรีบในการเข้างานช่วงเช้า ทำให้เราอยากที่จะสนองตอบความต้องการในการหาอาหารเช้าก่อนเข้างาน ขณะเดียวกันก็เป็นการปรับใช้พื้นที่ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
โดยในอนาคตอันใกล้นี้ เราจะผุดโครงการตลาดอาหารเช้าแบบฟู้ดทรัคในคอนเซ็ปต์ grab & go โดยจะรวบรวมอาหารดังเจ้าอร่อยมาให้บริการ อาทิ ขนมครก น้ำเต้าหู้ โจ๊ก ต้มเลือดหมู เป็นต้น”
สำหรับในโซนของโชว์รูมนั้น ได้แบ่งออกเป็นโชว์รูมไทรอัมพ์ ในคอนเซ็ปต์ Triumph’s World ที่บริเวณชั้น 2 และโชว์รูม เอ็มวี ออกุสต้า (MV Agusta) ในคอนเซ็ปต์ Motorcycle Gallery ที่ผสมผสานงานศิลปะและการจัดแสดงรถมอเตอร์ไซค์ระดับซูเปอร์พรีเมียมไว้ด้วยกัน ซึ่งจะอยู่ที่ชั้น 6 ในขณะที่ชั้น 5 จะเปิดเป็นร้านกาแฟในช่วงกลางวัน และ working space รองรับกลุ่มคนทำงานอิสระ ที่อาศัยอยู่ในย่านนี้
และในช่วงเย็นก็จะเปิดพื้นที่ให้บริการร้านอาหารญี่ปุ่น ในแบบบาร์แอนด์เรสเตอรอง เพื่อตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายที่อาศัยในบริเวณดังกล่าว รวมถึงกลุ่มพนักงานออฟฟิศ และผู้บริหารองค์กรต่างๆ ในย่านใกล้เคียง
“เชื่อมั่นว่าโชว์รูม และคอมมูนิตี้ มิกซ์ยูส คอมเพล็กซ์นี้ จะเป็นปรากฎการณ์ใหม่ที่สร้างสีสันและ ความคึกคักให้กับตลาด ตลอดจนการเซ็ตมาตรฐานใหม่ของการทำ ไลฟ์สไตล์ คอมมูนิตี้ ในแบบ subset ที่ตอบโจทย์ความ ต้องการแบบเฉพาะกลุ่มได้อย่างลงตัว”
“ด้วยสภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวในปัจจุบันรวมถึงสภาวะทางการเมืองภายในประเทศส่งผลต่อรายได้และ ยอดขายของทุกภาคธุรกิจ รวมถึงตลาดบิ๊กไบค์เช่นกัน อย่างไรก็ดีเรามองว่าเป็นโอกาสดีในการที่เราจะ ใช้เวลาในช่วงนี้ สร้างคอมมูนิตี้ไปพร้อมๆ กับการให้ความรู้ ในเรื่องของการขับขี่มอเตอร์ไซค์อย่างปลอดภัยตามกฎจราจร ทั้งกับไบค์เกอร์หน้าใหม่ หรือผู้ที่กำลังจะเข้าสู่วงการนักบิด
ส่วนแนวโน้มของตลาดมอเตอร์ไซค์ที่จะไปได้ดีในปีนี้ คงจะเป็นรถขนาดกลาง (มิดไซส์) เครื่องยนต์ ขนาด 250-750 ซีซี ราคาเฉลี่ยเริ่มต้น 2-4 แสนบาท” ดอม เหตระกูล กล่าวสรุป
เรื่อง : สมโภชน์ นันทโรจน์
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th