คาวาลลิโน มอเตอร์ ตัวแทนจำหน่ายรถซูเปอร์คาร์ Ferrari อย่างเป็นทางการในประเทศไทย จัดงานเปิดตัวโมเดลใหม่ล่าสุด  Ferrari Portofino ด้วยราคาเริ่มต้นที่ 20.9 ล้านบาท พร้อมมั่นใจจะช่วยสร้างยอดขายในเซ็กเมนต์แกรนด์ทัวริสโม่เพิ่มขึ้นเท่าตัวจากรุ่นก่อน หลังจากมีผู้สนใจสั่งจองล่วงหน้าแล้ว 15 คัน

Ferrari Portofino เป็นรถ V8 GT รุ่นใหม่ของค่ายม้าลำพอง ที่มุ่งจะเป็นผู้นำในเซ็กเมนต์ ด้วยแพ็กเกจที่รวบรวมความสปอร์ต หรูหรา และสะดวกสบายเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ด้วยกำลังสูงสุดถึง 600 แรงม้า และอัตราเร่งจาก 0-100กม./ชม. ใน 3.5วินาที ทำให้กลายเป็นรถเปิดประทุนที่มีกำลังมากที่สุดที่รวบรวมข้อดีของหลังคาแข็งแบบ Retractable ห้องเก็บสัมภาระ และห้องโดยสารที่กว้างขวาง บวกกับที่นั่งเสริมด้านหลัง 2 ที่เหมาะสำหรับการเดินทางระยะสั้น

คุณวรวุฒิ ภิรมย์ภักดี รองประธานบริษัท และกรรมการบริหารคาวาลลิโน มอเตอร์ เปิดเผยว่าแนวทางการทำตลาดรถยนต์ซูเปอร์คาร์แบรนด์ Ferrari ในปี 2561 บริษัทยังคงให้ความสำคัญกับยุทธศาสตร์ 3 ปี ที่ต้องการบุกตลาดเซ็กเมนต์แกรนด์ทัวริสโม่ (Grand Turismo: GT) มากขึ้น โดยจะใช้ Ferrari Portofino เป็นรถไฮไลต์ที่จะตอบโจทย์ความต้องการของตลาดซูเปอร์คาร์สายพันธุ์ GT ที่มีการตอบรับจากตลาด และลูกค้าดีมาก เพราะเป็นโมเดลใหม่ที่ช่วยสร้างสีสันให้ตลาด และมาพร้อมจุดเด่นหลายด้านทั้งจำนวนแรงม้าที่เพิ่มขึ้น, รูปโฉมสวยงาม และดุดัน เพื่อมาแทนที่ California และ California T ซึ่งทำตลาดมา 5 ปี และสามารถทำยอดขายรวมได้ถึง 15 เปอร์เซ็นต์ของทุกรุ่น โดย Portofino คาดการณ์ว่ายอดขายรวมถึง 25 เปอร์เซ็นต์ของยอดรวมทุกรุ่นในยอดขาย 5 ปีข้างหน้า

ขุมพลัง V8 Turbo อันเลื่องชื่อของ Ferrari ซึ่งเป็นสมาชิกของครอบครัวเครื่องยนต์ที่ได้รับการเสนอชื่อสำหรับรางวัล International Engine of the Year ในปี 2016 และ 2017 ผลิตกำลังได้มากกว่า California T 40 แรงม้า โดยการใช้ชิ้นส่วนใหม่ และการปรับแต่งซอฟต์แวร์ระบบควบคุมเครื่องยนต์ เสียงเครื่องยนต์ที่เร้าใจเป็นเอกลักษณ์ของ Ferrari ได้รับการปรับแต่งเพิ่มเติมเช่นกัน เพื่อให้ได้อรรถรสเต็มที่โดยเฉพาะเมื่อขับขี่แบบเปิดประทุน

ประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ V8 ได้ถูกปรับปรุงในทุกด้าน ด้วยการใช้ลูกสูบ และก้านสูบแบบใหม่ รวมไปถึงระบบไอดีที่ออกแบบใหม่ มิติต่างๆของระบบไอเสียได้รับการปฏิวัติใหม่ ระบบเฮดเดอร์หล่อชิ้นเดียวนั้นช่วยลดการสูญเสีย ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งของการตอบสนองแบบ Ferrari ซึ่งจะไม่มีการสูญเสียกำลังหรือ Turbo Lag การปรับปรุงต่างๆเหล่านี้ เมื่อทำงานร่วมกับระบบ Variable Boost Management ที่ควบคุมการจ่ายแรงบิดเพื่อให้สัมพันธ์กับเกียร์ที่เลือก ทำให้ Ferrari Portofino มีอัตราเร่งที่สูงกว่าในทุกย่านความเร็ว และทุกเกียร์ พร้อมกับมีอัตราบริโภคน้ำมันที่น้อยกว่าเมื่อเทียบกับรุ่นก่อน

ระบบช่วงล่างที่ใหม่หมดของ Ferrari Portofino ได้รับการลดน้ำหนักหากเทียบกับ California T ด้วยการใช้เทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัยมากมาย ชิ้นส่วนต่างๆของช่วงล่าง และชิ้นส่วน Body-in-white ได้รับการออกแบบใหม่ให้มีน้ำหนักเบาลงถึงแม้ว่าตัวถังจะมีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น

การทรงตัวของ Portofino ได้รับการปรับแต่งใหม่หมด และได้ประโยชน์จากเทคโนโลยีใหม่ที่นำมาใช้ เป็นครั้งแรกในรถยนต์ Ferrari ทั้งระบบ Electronic Rear Differential (E-Diff3) ที่จะทำงานร่วมกับระบบ F1-Trac ซึ่งช่วยเพิ่มการยึดเกาะถนน และการควบคุม โดยนับเป็นรถ GT คันแรกในอนุกรมที่ได้รับการติดตั้งระบบพวงมาลัย EPS (Electric Power Steering) ทำให้วิศวกรนั้นสามารถลดอัตราทดพวงมาลับได้ถึง 7 เปอร์เซ็นต์ ทำให้การตอบสนองของพวงมาลัยที่ดีขึ้นโดยไม่กระทบกับความเสถียรเมื่อร่วมทำงานกับระบบ E-Diff3 ระบบกันสะเทือนแบบ Magnetorheological Damping System (SCM-E) ถูกเพิ่มประสิทธิภาพด้วยเทคโนโลยี Dual-coil ช่วยลดอาการโคลงพร้อมกับเพิ่มประสิทธิภาพการซึมซับแรงสะเทือนจากความไม่ราบเรียบของถนน ผลที่ได้ก็คือรถยนต์ที่มีความว่องไวปราดเปรียวและตอบสนองดีขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็มอบสัมผัสแห่งความสบายไปพร้อมๆกัน

Portofino ได้รับการออกแบบจากศูนย์ออกแบบ Ferrari Design Centre และเป็นรถที่มีดีไซน์ที่ดุดัน ตัวถังแบบ Two-Box Fastback ซึ่งไม่เคยมีมาก่อนในกลุ่มรถ Coupe-convertible ที่มีหลังคา Retractable Hardtop ซึ่งมอบความโฉบเฉี่ยวให้กับรูปร่างโดยรวม มีลักษณะที่สปอร์ตมากขึ้นโดยที่ไม่กระทบกับความหรูหรา และความคล่องตัว

การทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดระหว่างทีมพัฒนา Aerodynamics และ Ferrari Design ทำให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดในเรื่องของการจัดการกับพื้นผิวของตัวถังรถ เริ่มจากด้านหน้าที่มีกระจังหม้อน้ำขนาดใหญ่ที่กินพื้นที่จากด้านหนึ่งไปสู่อีกด้านหนึ่งของหน้ารถที่ได้ออกแบบมาอย่างประณีต ติดตั้งชุดไฟหน้า Full-LED วางตำแหน่งในแนวนอนมากขึ้น มุมนอกของไฟหน้ามีการซ่อนช่องอากาศที่ผ่านเข้ามาทางซุ้มล้อหน้า และออกไปทางด้านข้างเพื่อลดแรงเสียดทานอากาศ

การออกแบบด้านท้ายช่วยเสริมลักษณะดูสปอร์ตของรถ โดยเฉพาะการวางตำแหน่งของไฟท้ายที่ห่างกันมากขึ้น การออกแบบอันชาญฉลาดนี้ช่วยเก็บซ่อนพื้นที่สำหรับหลังคา Retractable Hardtop ที่มาพร้อมกับน้ำหนักที่ลดลง และสามารถยกขึ้นหรือลงได้ที่ความเร็วต่ำ

ทีมออกแบบได้ให้ความสำคัญแก่ความสะดวกสบายของห้องโดยสารซึ่งมาพร้อมกับอุปกรณ์ใหม่มากมายไม่นับระบบ Infotainment พร้อมจอ Touchscreen ขนาด 10.2 นิ้ว ระบบปรับอากาศใหม่ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นไม่ว่าจะเปิดหรือปิดหลังคา พวงมาลัย Multi-function ใหม่ เบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้าได้ 18 ทิศทาง มีพนักพิงดีไซน์ใหม่ที่ช่วยเพิ่มพื้นที่วางขาของผู้โดยสารหลัง และระบบจอ Passenger Display สำหรับให้ข้อมูลการขับขี่ผู้โดยสารด้านหน้า ผู้โดยสารทั้งหมดจะได้รับความสะดวกจากระบบ Wind Deflector ใหม่ที่สามารถลดแรงลมในห้องโดยสารได้ถึง 30 เปอร์เซ็นต์ รวมทั้งช่วยลดเสียงรบกวน

Ferrari ได้เลือกชื่อรุ่นที่ค่อนข้างเร้าใจสำหรับรถสปอร์ตเปิดประทุนที่มีความอเนกประสงค์คันนี้ โดยเลือกใช้ชื่อ Portofino ซึ่งเป็นเมืองที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศอิตาลี โด่งดังในเรื่องของท่าเรือสำหรับบริการนักท่องเที่ยวที่มีเสน่ห์ และในหลายๆ ปีที่ผ่านมาเมืองนี้ได้เริ่มมีชื่อเสียงมากขึ้นในด้านความงดงามของทิวทัศน์ กิจกรรมกีฬา และความหรูหราที่แอบซ่อนไว้ สีในการเปิดตัวของรถรุ่นนี้ก็ใช้สีที่อุทิศให้กับเมืองนี้ด้วยเช่นกัน ซึ่งก็คือสี Rosso Portofino

ส่วนกลยุทธ์การทำตลาดที่ขาดไม่ได้คือบริการหลังการขาย โดยบริษัทมีการรับประกัน 3 ปี และบริการซ่อมบำรุง ดูแลรักษา 7 ปี สำหรับรถ Ferrari ทุกรุ่นทุกคัน ทำให้ลูกค้าสามารถเข้ามาตรวจเช็คสภาพรถได้ทุก 6 เดือน เปลี่ยนน้ำมันเครื่องเมื่อครบ 1 ปี โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ และมีบริการ 24 ชั่วโมง หากลูกค้าประสบปัญหาจากการใช้รถ บริษัทสามารถส่งช่างไปบริการทันทีทั้งในพื้นที่กรุงเทพฯ  และต่างจังหวัด

สัมผัสความสนุกสุดเร้าใจไปกับม้าลำพองตัวใหม่ เฟอร์รารี่ พอร์โตฟิโน (Ferrari Portofino) ในราคาเริ่มต้นที่ 537,000 ยูโร หรือราว 20.9 ล้านบาท ที่โชว์รูม คาวาลลิโน มอเตอร์ ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 02-319-6109 หรืออีเมล info@cavallino.co.th หรือเว็บไซต์ www.bangkok.ferraridealers.com 

เรื่อง: พูนทวี สุวัตถิกุล

ขอบคุณข้อมูล: คาวาลลิโน มอเตอร์

เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE

ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th