ระบบเกียร์ CVT ใช้ให้เป็น แล้วจะประหยัด
ระบบเกียร์ CVT นับเป็นอีกระบบเกียร์ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในเมืองไทย เพราะความนุ่มนวลและตอบสนองการใช้งานในเมืองได้อย่างลงตัว แต่ก็มีหลายกระแสเหมือนกันที่บอกว่าเกียร์ระบบ CVT ใช้งานได้ไม่ทันใจและไม่ประหยัดอย่างที่คิด เพื่อคลายข้อสงสัยเรามีข้อแนะนำการใช้งานเกียร์ CVT มาฝาก
ทำความรู้จักกับการทำงานของระบบเกียร์ CVT
ระบบ CVT คำนี้จะย่อมาจาก Continuously Variable Transmission แปลเป็นภาษาไทยได้ว่า “ระบบส่งกำลัง แบบอัตราทดแปรผัน” ระบบนี้ จะไม่มีเฟืองเกียร์เป็นอัตราทดชุดต่าง ๆ แยกเป็นจังหวะ เหมือนแบบปกติแล้ว แต่จะมี “โรลเลอร์” อยู่สองอัน อันนี้เป็นตัวที่ได้กำลังมาจากเครื่องยนต์ ผมจะขอเรียกว่า “ตัวขับ” ส่วนอีกตัว ก็จะส่งไปยังเพลาขับเคลื่อน ผมจะเรียกว่า “ตัวส่ง” ตัวโรลเลอร์ มันจะมีทรงเหมือนกับ “หลอดด้าย” เป็นกรวยสองฝั่ง แล้วก็มีสายพานโลหะคล้องอยู่ โรลเลอร์จะขยับ “เข้า ออก” ได้ ทั้งสองอัน เพื่อเป็นการเปลี่ยนอัตราทด… ระบบเกียร์ CVT
อัตราทดเปลี่ยนได้อย่างไร เมื่อโรลเลอร์ขยับ “ถ่างออก” สายพานจะขยับลงไปเรื่อย ๆ ถ้ามองกันตรง ๆ พื้นที่หน้าตัดจะเล็กลง แต่ถ้า “ขยับชิด” เข้า สายพานจะวิ่งไปรอบนอก ทำให้พื้นที่หน้าตัดใหญ่ขึ้น สมมติว่า ตัวรับที่ได้รับแรงจากเครื่องยนต์ ปรับให้ถ่างออก ตัวส่งกำลังไปที่เพลาปรับให้หุบเข้า เปรียบกับ “เฟืองใหญ่ขับเฟืองเล็ก” ก็จะได้ “ความเร็ว” ก็คือ “เกียร์สูง” มีความเร็ว แต่ไม่มีแรงบิดมากนัก ตรงกันข้าม ถ้าตัวขับหุบเข้า ตัวส่งถ่างออก ก็เปรียบกับ “เฟืองเล็กขับเฟืองใหญ่” ก็คือ “เกียร์ต่ำ” เปรียบเหมือนเกียร์ 1-2 ก็จะมีแรงบิด แต่ความเร็วต่ำ แต่ถ้าตัวขับและตัวรับมันถ่างออกเท่ากันทั้งคู่ อันนั้นจะเป็น “หนึ่งต่อหนึ่ง” รอบต่อรอบ ไอ้โรลเลอร์สองตัวนี้ มันก็จะค่อย ๆ ปรับแบบ “ต่อเนื่อง” ไม่มีจังหวะสะดุด ทำให้เกิดความนุ่มนวลสูง ประมาณนี้แหละครับ ส่วนที่ว่าเป็นโหมด 6 สปีด หรือ Steptronics อันนั้นแล้วแต่จะล็อกจังหวะเอาเองคนออกแบบจะเอาซัก 10 จังหวะก็ได้ แล้วแต่ดีไซน์
ใช้ CVT ให้เป็น จะเกิดประโยชน์สูงสุด
- เทคนิคแรกที่เราจะแนะนำคือ การคุมน้ำหนักในการกดคันเร่ง ถ้าอยากให้รถส่งกำลังได้อย่างต่อเนื่อง ตอนช่วงยกเท้าออกจากเบรคให้เว้นช่วงประมาณ 1 วินาทีก่อนที่จะเริ่มเหยียบคันเร่ง และกดคันเร่งไล่รอบอย่างนุ่มนวลและต่อเนื่อง รถจะเคลื่อนตัวได้อย่างลื่นไหลและสามารถทำความเร็วได้อย่างต่อเนื่อง เพราะการทำงาน “โรลเลอร์” จะสัมพันกับรอบเครื่องยนต์
- เทคนิคถัดมาคือการคุมคันเร่งให้รักษาระดับความเร็วอย่างคงที่ อย่ากดคันเร่งแบบกด ๆ ปล่อย ๆ เพราะจะทำให้สิ้นเปลืองน้ำมัน
- การผ่อนคันเร่งตั้งแต่เนิ่นๆ เมื่อเรารู้ตัวว่าต้องการจะเบรค และเบรครถเมื่อรอบต่ำกว่า 1,000 รอบ/นาที จะช่วยประหยัดน้ำมันเช่นกัน
เทคนิคทั้ง 3 ข้อถือว่าเป็นกฎมาตรฐานที่สามารถเอาไปประยุกต์ใช้กับการขับรถยนต์ไม่ว่าจะเป็นเกียร์อะไรก็ตามได้ เพราะกฎเหล็กของเทคนิคการขับให้ประหยัดน้ำมันก็ไม่ได้แตกต่างไปจากกันมากเท่าไร แต่เหนืออื่นใดพฤติกรรมการขับ คือ สิ่งที่สำคัญที่สุด เพราะถึงจะเปลี่ยนไปใช้รถยนต์ที่มีความประหยัดน้ำมันขนาดไหน แต่ถ้ายังไม่ปรับพฤติกรรมการขับ ชีวิตนี้ก็คงยากที่จะได้รู้จักกันคำว่า ‘ประหยัดน้ำมัน’
เรื่อง : กองบรรณาธิการ
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th