รีวิวดีไซน์ nissan kicks รถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่มาแรงที่สุด
หลังจากที่มีการเปิดตัวมาตั้งแต่ในปี 2014 ที่งาน São Paulo International Motor Show ก็ดูเหมือนว่ากระแสของรถยนต์รุ่น nissan kicks ที่เป็นการนำเทคโนโลยีอย่าง EV (Electric Vehicle) นวัตกรรมที่ใช้เพียงพลังงานไฟฟ้าอย่างเดียว 100% ในการขับเคลื่อน เข้ามาเป็นจุดเด่นของรถรุ่นนี้ และทำการเปิดตัวอย่างเป็นทางการที่ไทยเมื่อ 15 พฤษภาคม 2020 ที่ผ่านมา ก็เรียกได้ว่าสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับตลาดวงการรถได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว เพราะถึงแม้นวัตกรรมการใช้พลังงานไฟฟ้าในการใช้เป็นพลังงานหลักของรถยนต์จะมีมาให้พวกเราได้เห็นกันอยู่บ่อย ๆ แต่สำหรับ nissan kicks จัดได้ว่าเป็นก้าวสำคัญ และมีการจัดรถรุ่นนี้ไว้เทียบเคียงกับรถรุ่นพี่อย่าง B-SUV เช่น MG ZS, Honda HR-V, Toyota C-HR/Corolla Cross, Mazda CX-30/CX-3 และ Subaru XV เป็นต้น เหตุนี้จึงเป็นการสร้างความคาดหวังให้กับคนที่ต้องการรถ SUV ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงานหลักในการขับขี่ และได้คุณภาพสูงในฟังก์ชันอื่น ๆ ด้วยเช่นเดียวกัน
ทำไมต้องเป็น nissan kicks
จากคอนเซ็ปต์หลักของการพัฒนารถในรุ่นนี้ที่เราได้ชวนเกริ่นไปในช่วงต้น ในส่วนนี้เราจะขอปูความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับ nissan kicks กันตั้งแต่ชื่อ KICK โดยไม่มี S เป็นคำกิริยา หมายถึง “เตะ” แต่ในกรณีนี้ที่มีการเติม S เข้าไปข้างหลัง จะกลายเป็น KICKS ทำหน้าที่เป็นคำนามที่หมายถึง “รองเท้า”
และรองเท้าคู่นี้ก็ถูกขับเคลื่อนด้วยพลังงานบริสุทธิ์เป็นหลัก 100% ที่เป็นพลังงานไฟฟ้าด้วยนวัตกรรม EV ที่จะเป็นมิตรกับคุณ และธรรมชาติอย่างแท้จริง หากคุณกำลังคิดว่าการใช้รถพลังงานไฟฟ้าเป็นเรื่องที่ลำบากในประเทศไทย เนื่องจากยังไม่มีศูนย์ชาร์จไฟจริงจังที่เอื้อประโยชน์กับรถในลักษณะนี้ อีกทั้งยังต้องคอยจอดรถหาที่ชาร์จไฟทุก ๆ ครึ่งชั่วโมงแน่นอน ไม่ต้องห่วงเรื่องการชาร์จไฟเลย เพราะทางแบรนด์ได้คิดค้นเทคโนโลยี ePower ซึ่งมีหลักการในการทำงานคือ ระบบสำรองไฟฟ้า โดยที่คุณไม่จำเป็นที่จะต้องขับขี่ และหาที่ชาร์จเหมือนกับรถใช้พลังงานไฟฟ้ารุ่นก่อน เพราะจะมีระบบชาร์จไฟสำรองอยู่ภายในเครื่องยนต์ให้คุณสามารถที่จะขับขี่ได้อย่างหายห่วงเรื่องไฟฟ้าไม่เพียงพอ
งานออกแบบของ nissan kicks
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่คุ้นกับรถพลังงานไฟฟ้าที่ต้องมีขนาดใหญ่เกินความจำเป็น และมักจะดูล้าหลัง ไม่ทันสมัย สิ่งเหล่านี้จะไม่ได้เกิดขึ้นใน nissan kicks อย่างแน่นอน เพราะด้วยรูปลักษณ์ที่ดูปราดเปรียว งานออกแบบที่เน้นทันสมัย เรียบ สไตล์มินิมอลสมกับรถสัญชาติญี่ปุ่น โดยส่วนนี้เราจะพาลงลึกถึงแต่ละส่วนของงานออกแบบตั้งแต่ลักษณะภายนอกที่มีอุปกรณ์ดังนี้
ภายนอก
-ดีไซน์รูปทรงเรขาคณิต Emotional Geometry
-กระจังหน้าแบบ V-Motion ไฟหน้า LED พร้อมระบบ Follow-me-home
-ไฟส่องสว่างเวลากลางวัน (DRL) แบบ LED
-ไฟท้ายแบบบูมเมอแรง LED Signature Light
-หลังคาแบบลอยตัว (floating roof)
-บังแดด (wrap-around visor) จากกระจกหน้าไปถึงกระจกข้าง
งานออกแบบที่ใส่ใจ และเก็บรายละเอียดถูกบรรจงสร้างสรรค์ออกมาได้อย่างประณีต โดยเฉพาะกระจังหน้าแบบ V-Motion ที่หากคุณได้ลองสังเกตในระยะใกล้ จะเห็นการตัดขอบโครเมี่ยมด้วยสีดำเงาทำให้ดูดสายตา เพิ่มความหรูหราบนเรียบง่าย เสริมด้วย ไฟหน้า LED และ DRL ขนาดใหญ่ ให้คุณพร้อมใช้งานในหลากสถานการณ์ตามความต้องการของผู้ใช้ ในส่วนท้ายของ nissan kicks มีลักษณะที่คล้ายกันกับ Nissan Juke รถรุ่นพี่ แต่ถูกออกแบบมาได้ทันสมัยมากกว่า และวัสดุที่ดีกว่า เรียกได้ว่ามองมุมไหนก็ดูดี และดึงสายตากับรถรุ่นนี้
ภายใน
-แผงหน้าปัดดีไซน์ใหม่ ลายเส้นของแนวปีกเครื่องร่อนหรือ Gliding Wing
-หน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบ TFT หน้าจอสีขนาด 7นิ้ว
-ภายในแบบทูโทน สีดำและสีส้ม ซึ่งมีเฉพาะในรุ่น VL เท่านั้น
-ระบบการเชื่อมต่ออัจฉริยะ (Intelligent Integration)
-Nissan Connect ระบบอินโฟเทนเมนท์ พร้อมหน้าจอสีระบบสัมผัสแบบ AIVI ขนาด 8 นิ้ว
-เชื่อมต่อผ่านสมาร์ทโฟนด้วย Apple CarPlay (สำหรับระบบปฏิบัติการ iOS)
-มี 2 สี สีดำ และสีส้ม
การออกแบบภายในเรียกได้ว่าให้ความรู้สึกที่มี 2 ขั้ว หากคุณชอบก็จะรู้สึกชื่นชอบไปเลย แต่ถ้าหากคุณรู้สึกกลาง ๆ กับการออกแบบภายในนี่อาจจะไม่ใช่ตัวเลือกสำหรับคุณเลยก็ว่าได้ เพราะการออกแบบภายในมีทั้งจุดที่น่าชื่นชม และทำออกมาได้อย่างนำสมัย แต่ในขณะเดียวกันก็มีบางจุดที่ดูล้าหลังอย่าง แผงประตูใน nissan kicks ที่ถูกออกแบบมามีการใช้งานที่ค่อนข้างยากพอตัว และเบาะนั่งผู้ขับขี่มีตำแหน่งค่อนข้างสูงถึงแม้ปรับจะปรับให้มีระดับที่ต่ำสุดแล้วก็ตาม เนื่องจากในตำแหน่งใต้เบาะนั้นเป็นตำแหน่งแบตเตอรี่ อีกทั้งบางวัสดุภายในก็ดูไม่ทนทาน เนื่องจากอาจจะเป็นการลดต้นทุนเพื่อนำไปพัฒนาในส่วนอื่น และการลดมูลค่าของรถเพื่อให้ทุกคนสามารถที่จะเข้าถึงรถรุ่นนี้ก็เป็นได้
ทั้งหมดนี้ก็เป็นรายละเอียด และข้อมูลของรถรุ่นใหม่อย่าง nissan kicks ที่เป็นก้าวใหม่แห่งยุคที่มีการหยิบนวัตกรรมอย่าง EV มาเป็นจุดเด่นของรถรุ่นนี้ ที่สำคัญมีการใส่เทคโนโลยี ePower ระบบสำรองไฟฟ้าให้คุณขับขี่ได้นานมั่นใจเรื่องแบตเตอรี่ ชาร์จครั้งเดียว วิ่งได้ติดต่อยาวนานทั้งวัน หากคุณกำลังนึกถึงรถรักโลก นี่คือตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย
เรื่อง : กองบรรณาธิการ
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th