รีวิว “ฟิตบิท เบลซ” สไตล์ที่มากกว่าการออกกำลังกาย
หลังจากที่ได้เขียนแนะนำนาฬิกาอัจฉริยะสำหรับออกกำลังกาย “ฟิตบิท เบลซ” (fitbit blaze) ไม่นาน ผู้เขียนได้รับเครื่องเดโมมาให้รีวิว และนี่เป็นครั้งแรกที่ยอมถอดนาฬิกาสปอร์ตตัวลุยยี่ห้อดัง มาใส่นาฬิกาสำหรับออกกำลังกายเรือนนี้ ซึ่งหลังจากนั้นเป็นต้นมา ชีวิตของผู้เขียนเปลี่ยนไปในทันที
ที่ว่าเปลี่ยนคือ…หันมาโฟกัสกับการดูแลตัวเองและออกกำลังกายมากขึ้น เพราะทุกครั้งที่หันมามองที่หน้าปัดจะต้องเช็คเสมอว่าวันนี้เดินมาแล้วกี่ก้าว หัวใจเต้นสม่ำเสมอดีหรือเปล่า เบิร์นแคลอรี่ไปแล้วเท่าไหร่ ฯลฯ แม้ว่าจะเป็นตัวเลขที่จูงใจให้เคลื่อนไหวร่างกายอยู่เสมอ แต่ที่เป็นมากกว่านั้น มันเป็นมากกว่านาฬิกาออกกำลังกายทั่วไป เพราะมันสามารถใส่ไปได้ในทุกโอกาส แถมยังมีสายให้เลือกเปลี่ยนได้อย่างหลากหลายอีกด้วย
มาสำรวจเจ้า “ฟิตบิท เบลซ” (fitbit blaze) ตั้งแต่แกะกล่องกันก่อนเลย…กล่องดูเรียบหรู มีรูปผลิตภัณฑ์โชว์ชัดเจน ภายในกล่องจะพบกับตัวเรือน คู่มือ และแท่นชาร์จ โดยก่อนที่จะใช้งานต้องโหลดแอพฯ fitbit เอาไว้ใส่สมาร์ทโฟนแล้วเชื่อมต่อกับตัวเครื่อง รอให้เชื่อมต่อและอัพเดทเฟิร์มแวร์อีกราวๆ 10 นาที จึงจะเปิดเครื่องเริ่มใช้งานได้ (ใช้ได้กับทั้ง iOS และ Android แต่หากใช้เชื่อมต่อกับ iOS จะเร็วกว่ามาก)
ตัวเรือนค่อนข้างทำออกมาได้สวยงาม วัสดุดูมีราคา กรอบตัวเรือนสีเงินตัดกับตัวเรือนสีดำดูโดดเด่น และไม่เป็นรอยได้ง่ายๆ หน้าจอสีแบบสัมผัสซึ่งสามารถเปลี่ยนภาพนาฬิกาหน้าจอแสดงผลได้ผ่านสมาร์ทโฟน ส่วนสายในรุ่นที่ส่งมาให้รีวิวนี้เป็นสายที่ผลิตจากยางสังเคราะห์อีลาสโตเมอร์สีม่วงที่มีความยืดหยุ่นสูงและทนทานมาก เมื่อพลิกมาดูที่หลังตัวเรือนจะพบกับไฟเซ็นเซอร์สีเขียวไว้ตรวจวัดการเต้นของหัวใจและขั้วสัมผัสสำหรับชาร์จไฟ
การแกะตัวเรือนออกมาทำได้ง่าย เพียงใช้แรงดันผลักออกตัวเรือนก็จะหลุดออกมา แต่ต้องระมัดระวังหน่อยอาจทำหลุดมือได้ เพราะตัวเรือนมีน้ำหนักที่เบามาก แม้ว่าจะป้องกันการตกกระแทก แต่คงไม่มีใครอยากทำหล่นจริงมั้ย ส่วนการเปลี่ยนสายยังทำได้ง่ายเพียงกดปุ่มปลดสาย (quick release spring bars) ออกเท่านั้นเอง
มาดูที่โหมดการใช้งานต่างๆ กันบ้าง เริ่มต้นจาก…
FitStar เทรนเนอร์ส่วนตัวบนหน้าจอ เป็นโหมดการให้คำแนะนำในการออกกำลังกาย พร้อมภาพเคลื่อนไหว เช่น วอร์มอัพ 8 นาที ต่อด้วยการออกกำลังกายแบบ 7 นาที และบริหารหน้าท้องต่ออีก 10 นาที โดยการออกกำลังกายในแต่ละครั้งสามารถทำได้ทุกเมื่อที่ต้องการโดยไม่ต้องใช้งานผ่านแอพฯ
PurePulse ฟีเจอร์ตรวจจับอัตราการเต้นของหัวใจแบบต่อเนื่อง ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการออกกำลังกายทุกวันด้วย ผลการแสดงอัตราการเต้นของหัวใจที่เหมาะสม ทำให้วางแผนความเข้มข้นของการออกกำลังกายและติดตามการเผาผลาญแคลอรี่ที่ดีมากขึ้น ซึ่งระบบ PurePulse นี้ยังให้ข้อมูลเชิงลึกด้านสุขภาพตลอดทั้งวัน รวมถึงอัตราการเต้นหัวใจขณะพักและแนวโน้มอัตราการเต้นของหัวใจ โดยที่ไม่ต้องใช้สายรัดหน้าอกที่น่าอึดอัดอีกต่อไป
โหมดการออกกำลังกายหลายประเภท ช่วยบันทึกระยะเวลาของกิจกรรมและประเมินผล เช่น การปั่นจักรยาน การออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ วิ่ง ยกน้ำหนัก โยคะ และอื่นๆ โดยผลจะแสดงสถิติเวลาจริงช่วยให้ได้รับประโยชน์สูงสุดจากการออกกำลังกายในแต่ละครั้ง โดยระบบ PurePulse จะเพิ่มขึ้นขณะที่ใช้ในโหมดการออกกำลังกายหลายประเภท สำหรับการติดตามอัตราการเต้นหัวใจที่ดียิ่งขึ้นโดยเฉพาะในช่วงการออกกำลังกายแบบหนักหน่วง
SmartTrack ระบบตรวจจับกิจกรรมออกกำลังกายอัตโนมัติ ช่วยจดจำการออกกำลังกายอัตโนมัติและบันทึกกิจกรรมการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องเช่น การปั่นจักรยาน ปีนผา วิ่ง หรือแม้แต่การออกกำลังกายทั่วไปอย่างการเต้นแอโรบิค ต่อยมวยแบบเน้นคาร์ดิโอ และคลาสเต้นต่างๆ รวมถึงกีฬาประเภทอื่นๆ เช่น เทนนิส บาสเก็ตบอล และฟุตบอล ระบบนี้ช่วยให้มีแรงบันดาลใจในการออกกำลังกายมากทีเดียว โดยข้อมูลทั้งหมดจะถูกบันทึกใน ฟิตบิท แอพฯ และนำไปประมวลผลอยู่ในเป้าหมายรายสัปดาห์โดยอัตโนมัติ ซึ่งจะส่งข้อมูลเหล่านี้กลับมาทางอีเมล์ที่สมัครใช้บริการเอาไว้อีกด้วย
เชื่อมต่อ GPSผ่านสมาร์ทโฟน เมื่อเชื่อมสมาร์ทโฟนเข้ากับ GPS ผลสถิติจริงจากการออกกำลังกายเช่น ระยะทาง อัตราการเคลื่อนไหว ระยะ (แข่ง) เวลานาทีต่อไมล์ จะถูกซิงค์แบบไร้สาย และแสดงผลบนแดชบอร์ดของฟิตบิท ซึ่งทำให้สามารถประเมินผลลัพธ์หลังการออกกำลังกายแต่ละครั้ง ไม่ว่าจะเป็น เส้นทาง ความเร็ว และระดับความสูงแบบละเอียด
นอกจากนี้ ยังได้ถูกออกแบบให้ผู้ใช้สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้อย่างราบรื่น ซึ่งแต่ละฟีเจอร์ได้รับการคัดเลือกมาอย่างมีจุดมุ่งหมายช่วยให้ผู้ใช้สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ทั้งวันได้อย่างง่ายดาย เช่น
เชื่อมต่อกับการแจ้งเตือนข้อมูลได้ตลอดเวลา ช่วยแจ้งเตือนข้อความต่างๆ จากสมาร์ทโฟน โดยตัดข้อมูลที่มากเกินความจำเป็นออกไป
Bluetooth® การเชื่อมต่อกับข้อมูลการโทร ข้อความ และปฏิทินที่แสดงผ่านหน้าจอฟิตบิท และการสั่นเตือน สามารถรับและปฏิเสธสายเรียกเข้าได้โดยตรงผ่านฟิตบิท เบลซ เมื่อเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน และสามารถควบคุมเพลง และระดับเสียงผ่านทางหน้าจอขณะเปิดเพลงจากสมาร์ทโฟนได้
ตรวจจับการนอนอัตโนมัติในเวลากลางคืน เพื่อติดตามระยะเวลาและประสิทธิภาพในการนอน รวมถึงการปลุกแบบไร้เสียงด้วยระบบสั่น
ความแตกต่างที่เป็นข้อดีอีกอย่างคือ “ฟิตบิท เบลซ” (fitbit blaze) ออกแบบให้มีรูปโฉมที่บางและดูทันสมัย เป็น Gadget อเนกประสงค์ที่ปรับให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ได้ไม่ยาก ต่างจากนาฬิกาออกกำลังกายแบบอื่นๆ ที่เน้นมาเพื่อการออกกำลังกายโดยเฉพาะ ทำให้บางครั้งไม่เหมาะกับการใส่ออกงานต่างๆ แต่สำหรับฟิตบิท เบลซ สามารถเลือกซื้อสายเพื่อเปลี่ยนได้ ไม่ว่าจะเป็นสายยางสังเคราะห์อีลาสโตเมอร์ที่มีให้เลือก 3 สี คือ สีดำ, สีน้ำเงิน และ สีม่วงเข้ม ราคา 1,290 บาท สายหนังแท้พร้อมกรอบหน้าปัดสเตนเลส 3 สีให้เลือก คือ สีดำ, สีเทาหมอก และสีน้ำตาลอ่อน (สีคาเมล) ราคา 3,990 บาท และสายสเตนเลสคู่กับกรอบสเตนเลสสีเงิน ราคา 5,190 บาท (สายสเตนเลสตัวจริงสวยมาก แต่เห็นราคาแล้วขอทำใจสักครู่)
ข้อมูลต่างๆ ถูกส่งมาในอีเมล์
ช่วง 3 สัปดาห์ของการทดลองใช้งาน พบว่าแบตเตอรี่ทำงานได้นานเกือบ 5 วัน แต่หากเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนและใช้งานผ่านการเชื่อมต่อกับ GPS จะใช้ได้ราว 3 วัน ซึ่งถือว่าแบตเตอรีอึดพอสมควร ส่วนการชาร์จใช้เวลาเพียง 2 ชั่วโมง แบตเตอรีก็เต็มพร้อมใช้งานแล้ว
หลายคนอาจกังวลกับเรื่องการกันน้ำ ต้องบอกว่าผู้เขียนไม่ได้ลองใส่ว่ายน้ำ แต่จากที่ลองใส่อาบน้ำ ล้างมือ เอาน้ำราด หรือแช่น้ำไว้สักพัก ไม่มีปัญหาเรื่องน้ำเข้า ยังทำงานได้ตามปกติ ส่วนการทำความสะอาดเพียงแกะตัวเรือนออกมาเช็ดให้แห้งไม่ใช่มีคราบน้ำหลงเหลืออยู่ตามขอบกรอบเท่านี้ก็พอแล้ว
สรุปข้อดีของ “ฟิตบิท เบลซ” (fitbit blaze)
1.เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยในการออกกำลังกายที่มีสไตล์ ใส่ได้ในหลายโอกาส
2.หน้าจอทัชสกรีนใช้งานง่ายและสะดวก
3.แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนาน
4.มีสายให้เลือกเปลี่ยนได้หลายแบบ
5.สามารถเก็บสถิติการออกกำลังกายและกิจกรรมต่างๆ ได้แบบเรียลไทม์ดูได้ทันที
6.ราคาตัวเรือนไม่สูงเกินไป ราคาจำหน่าย 8,900 บาท เมื่อเทียบกับรุ่นที่ทำตลาดอยู่มีราคาหลักหมื่น
7.ใส่แล้วรู้สึกอยากออกกำลังกายตลอดเวลา
การเชื่อมต่อกันเมื่อเริ่มต้นใช้งานอาจใช้เวลาในการอัพเดทราว 10 นาที
ข้อเสีย
1.การชาร์จแบตเตอรี่ต้องถอดตัวเรือนออกมา ซึ่งอาจจะทำตกหล่นได้ง่าย ต้องระวังมากหน่อย
2.การเชื่อมต่อ GPS กับระบบแอนดรอยด์ เชื่อมต่อได้ยาก สำหรับ iOS กลับใช้ได้ง่ายกว่า แต่บางทีพบว่ายังไม่ค่อยเสถียร มีสัญญาณหลุดบ้าง
3.สายสเตนเลสและสายหนังไม่เหมาะกับน้ำ หรือเหงื่อ
4.ราคาของสายที่ให้เลือกเปลี่ยนได้มีราคาสูงพอสมควร โดยเฉพาะสายสเตนเลส
ส่วนตอนนี้ “ฟิตบิท เบลซ” (fitbit blaze) มีจำหน่ายแล้วในราคา 8,900 บาท หากใครกำลังมองหา Gadget เพื่อสุขภาพและการออกกำลังแบบนี้อยู่ อยากแนะนำให้ลองเรื่องแบบนี้ต้องลองด้วยตัวเองถึงจะรู้ ส่วนผู้เขียนหลังจากที่ส่งคืนไปแล้ว ตอนนี้โบกมือลานาฬิกาสปอร์ตไปเรียบร้อย หันมาคบ “ฟิตบิท เบลซ” (fitbit blaze) อย่างเต็มใจและหันมาดูแลร่างกายมากขึ้นกว่าเมื่อก่อนเยอะ.
เรื่อง/ภาพ : พุทธิ ผาสุข
เรียบเรียงข้อมูลโดย กรังด์ปรีซ์ออนไลน์ GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th