ขับรถลุยน้ำท่วม รถดับน้ำเข้าเครื่องควรทำอย่างไร
ฝนตกกระหน่ำซ้ำลงมาแบบไม่หยุดหย่อน ทำให้หลายพื้นที่ในประเทศไทยเกิดน้ำท่วมขัง ซึ่งถ้าเรารู้ว่พื้นที่ไหนมีน้ำท่วมหากมีทางอื่นที่สามารถขับรถหลีกเลี่ยงได้ควรเลี่ยง เพราะเราไม่รู้ว่าระดับน้ำที่ท่วมอยู่นั้นลึกมากน้อยแค่ไหน แต่ถ้ามันจำเป็นต้องขับลุยฝ่าน้ำที่ลึกควรปิดแอร์ และระวังอย่าให้เครื่องดับ หากเครื่องยนต์ดับกลางน้ำละต้องทำอย่างไร วันนี้เรามีวิธีที่ต้องปฎิบัติหากคุณขับรถฝ่าน้ำท่วมแล้วเกิดเครื่องยนต์ดับควรทำอย่างไรมาดูกันครับ
ก่อนอื่นเรามาดูกันว่าเครื่องดับเกิดจากอะไรหลักๆมี 2 สาเหตุ คือ
- ระบบไฟฟ้า เปิดฝาหม้อกรองอากาศออก เพื่อดูแผ่นกรองว่ายังแห้งอยู่หรือไม่ ถ้าไม่เปียกแสดงว่ายังไม่เป็นปัญหาร้ายแรง เบาใจไปได้ เพราะที่เครื่องยนต์ดับ เกิดจากไฟฟ้าถูกน้ำหรือความชื้นเป็นตัวการณ์ ซึ่งก็อาจจะแก้ไขเพื่อให้เราขับรถกลับบ้านได้
- น้ำเข้าระบบกรองอากาศ (ท่อไอดีของเครื่องยนต์) ทำให้น้ำเข้าห้องเผาไหม้เครื่องยนต์ส่งผลให้หัวฉีดเชื้อเพลิงได้รับความเสียหาย หรือในบางกรณีอาจเกิดจากน้ำเข้าก้านวัดระดับน้ำมันหล่อลื่นเครื่องยนต์ทำให้เครื่องยนต์ดับ หรือไม่ก็น้ำย้อนเข้าท่อไอดี เขาไประบบกรองอากาศและระบบดูดน้ำเข้าเครื่องยนต์ อันนี้รถยกอย่างเดียวเท่านั้นครับ
สิ่งที่ต้องทำเมื่อรถยนต์ของคุณดับกลางน้ำ
ห้ามพยายามสตาร์ทเครื่องยนต์ในน้ำเด็ดขาด!! เพราะจะทำให้เสียหายหนักถึงขั้นลูกสูบ ก้านสูบบิดเบี้ยวได้ ลองเปิดดูไส้กรองอากาศของรถว่ามีน้ำเข้าไหม ถ้ามีแสดงว่ารถดับจากน้ำเข้าท่อไอดีของเครื่องยนต์ แต่ถ้าไส้กรองอากาศแห้งแสดงว่ารถดับจากระบบไฟฟ้าของรถยนต์ลัดวงจรนั้นเอง ถ้ากรองแห้งรถดับเพราะระบบไฟฟ้า ให้เราหาที่เติมลมยางที่มีอยู่ตามปั้มน้ำมันมาเป่าไล่น้ำออกไป เช่น ที่ขั้วแบตเตอรี่ ที่บริเวณหัวเทียนให้ถอดจุ๊บยางออกมาเป่าลมให้แห้ง หรือถ้าเรามีสเปร์ยน้ำยาไล่ความชื้นก็ฉีดไล่ความชื้นออกไป ลองสตาร์ทถ้าติดก็ขับรถกลับบ้านได้ แล้วค่อยเอาเข้าอู่ไปเช็คอีกทีเพื่อควาแน่ใจ แต่ถ้าหากขับรถลุยน้ำท่วมที่มีระดับค่อนข้างสูง น้ำมักจะเข้าสู่เครื่องทางท่อไอดี ระบบกรองอากาศ หรือท่อไอเสีย จนมาปะปนกับน้ำมันเครื่อง วิธีที่แก้ปัญหาเฉพาะหน้าแบบทันทีคือ
ให้คุณเข็นรถออกจากพื้นที่ที่น้ำท่วม หาที่จอดแห้งๆไม่มีน้ำท่วมแล้วเปิดฝากระโปรงรถเพื่อเช็คดูเสื้อกรองอากาศ หากเปียกแสดงว่า น้ำเข้าเครื่องยนต์แล้ว หลายๆข้อมูลในอินเตอร์เน็ต บอกว่าให้รีบถ่ายน้ำมันเครื่องออกไปให้หมดเป็นการแก้ปัญหาเบื้องต้น เพราะอาจมีน้ำเข้าไปแล้วจากนั้นให้เติมน้ำมันเครื่องใหม่ใส่ลงไป เพียงเท่านี้เครื่องยนต์ก็สามารถใช้งานได้ปกติ นั้นมันก็เป็นเพียงวิธีแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าถ้าคุณสามารถทำเองได้ แต่ในความเป็นจริงนั้นโหดร้ายกว่านั้น เพราะใครมันจะเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องข้างถนนได้ละ จริงหรือไม่ครับ เพราะฉะนั้นมีอยู่ทางเดียว คือ เรียกรถยก รถสไลด์ ให้นำรถไปเข้าอู่ให้ช่างที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ช่วยตรวจสอบดู จะได้แก้ไขปัญหาได้ทันท่วงที ถ้าโชคดีก็แค่ถ่ายน้ำมันเครื่องทิ้งแล้วเติมเข้าไปใหม่ก็วิ่งได้ปกติ แต่ถ้าโชคร้ายน้ำเข้าระบบกรองอากาศดูดผ่านเข้าไปในเครื่องยนต์ที่ทำงานอยู่ แน่นอนการทำงานของรถนั้นหลื่อลื่นด้วยน้ำมันหลื่อลื่นและอาศัยการอัดอากาศให้เกิดแรงดันทำให้เครื่องยนต์ทำงาน ลองคิดดูครับถ้าเครื่องร้อนๆ อยู่ๆไปเจอน้ำเข้าแน่นอนเครื่องดับทันทีทั้งจากความเย็นของอุณหภูมิน้ำและค่าความหนืดของน้ำที่ต่างจากอากาศที่ไหลเข้าไปที่ห้องเผาไหม้ เข้าลูกสูบในรถเครื่องยนต์เบนซิน หรือเข้าไปที่หัวฉีดในรถเครื่องยนต์ดีเซล บอกเลยว่างานหยาบเลยครับลูกสูบ ก้านสูบเบี้ยว ซ่อมยาวแน่นอนครับ
นอกจากเครื่องยนต์แล้ว ยังมีระบบเบรก ระบบเพลา ระบบลูกหมากต่างๆ ที่มีลูกยางห่อหุ้มอยู่ที่อาจจะมีน้ำเข้าไปขังอยู่ รวมถึงระบบเกียร์ในเฟืองท้าย สายพานและหัวเทียนด้วยต้องล้างด้วยน้ำมันเพื่อเอาน้ำออกให้หมด และควรดูแลห้องโดยสาร ระบบไฟฟ้า กล่อง ECU ให้แห้งสนิทด้วยนะครับ
เรื่อง : ณัฐพล เดชสิงห์
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th