มารู้จักเลย์เอาท์การวางเครื่องยนต์กัน
หลายคนอาจจะสงสัยกับคำว่า FF FR MR หรือ RE ว่ามันคืออะไร ? ตรงนี้เราขอบอกว่าอย่าได้แปลกใจกันไป เพราะถ้าคุณไม่ได้เป็นคนที่สนใจหรือหลงใหลเกี่ยวกับรถยนต์แล้วละก็ ตรงนี้ถือเป็นเรื่องปกติ เพราะว่านี่คือตัวย่อของตำแหน่งการ วางเครื่องยนต์ ในรถยนต์ ซึ่งบ่อยครั้งที่เวลาคุยกันในกลุ่ม บางคนอาจจะชอบใช้ตัวย่อเพื่อบ่งบอกการวางเครื่องยนต์ของรถยนต์คันนั้นๆ
ว่าแต่ว่าคำเหล่านี้มีความหมายว่าอย่างไร และย่อมาจากอะไรบ้าง วันนี้เรามาทำความรู้จักกันครับ
1.FF : Front Engine Front Wheel Drive แปลตรงตัวคือ รถยนต์ที่มีเครื่องยนต์วางด้านหน้า และขับเคลื่อนล้อหน้า ซึ่งเป็นรถยนต์ที่มีอยู่ทั่วไปในท้องตลาดที่เราคุ้นเคยกันดี เช่น Honda Civic, Toyota Corolla, Nissan March วิธีสังเกตง่ายๆสำหรับรถยนต์ประเภทนี้คือ เมื่อเปิดฝากระโปรงด้านหน้าขึ้นมา จะพบกับเครื่องยนต์วางตัวในแนวขวาง ขนานไปกับแนวของล้อหน้า หรือ Transverse Engine
ข้อดี : ลดต้นทุนในเรื่องของชิ้นส่วน เพราะระบบขับเคลื่อนทั้งหมดถูกรวมเอาไว้ที่ล้อหน้า ไม่ต้องมีเพลากลางต่อไปที่ล้อหลังเหมือนกับรถยนต์ขับเคลื่อนล้อหลัง ยกเว้นรถยนต์รุ่นนั้นจะมีรุ่นที่ใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ และจากการที่ไม่มีเพลากลางทำให้อาการสูญเสียกำลังเพราะการถ่ายทอดกำลังหลายต่อมีน้อยกว่ารถยนต์ขจับเคลื่อนล้อหลัง ทำให้ออกตัวได้ดี มีน้ำหนักเบา
ข้อเสีย : ในรุ่นที่ไม่มี LSD จะมีอาการหน้าดึง หรือ Torque Steer อันเกิดจากการกดคันเร่งหนักๆ และจากการที่ชิ้นส่วนของระบบขับเคลื่อน ทั้งเครื่องยนต์ เพลาขับ และเกียร์วางอยู่ด้านหน้า ทำให้ล้อหน้าต้องรับน้ำหนักมาก และในการเข้าโค้งแรงๆ มักจะมีอาการหน้าดื้อโค้ง หรือเลี้ยวไม่เข้า (Understeer) เกิดขึ้นได้
2.FR : Front Engine Rear Wheel Drive เป็นแบบเครื่องยนต์วางด้านหน้า แต่ใช้รบบขับเคลื่อนล้อหลัง ซึ่งเป็นประเภทของรถยนต์ยอดนิยมในยุคทศวรรษที่ 1970-1980 ก่อนที่รถยนต์แบบขับเคลื่อนล้อหน้าจะเข้ามาแทนที่ ในปัจจุบันรถยนต์ที่ใช้รูปแบบการวางเครื่องยนต์แบบนี้มีน้อยลงอย่างชัดเจน ที่เห็นก็มีแค่บางค่ายเท่านั้น หรือไม่ก็ในกลุ่มรถสปอร์ต โดยจุดสังเกสำหรับรถยนต์ประเภทนี้คือ เมื่อเปิดฝากระโปรงด้านหน้าขึ้นมา จะพบกับเครื่องยนต์วางตัวในตามยาวไปในทางด้านท้ายของตัวรถ หรือ Longitudinal Engine ในปัจุบันรถยนต์ที่ใช้เลย์เอาท์การวางเครื่องยนต์แบบนี้ถ้าเป็นรถยนต์ทั่วไปจะอยู่ในกลุ่มตลาดรถยนต์หรูเป็นหลัก เช่น BMW 3-Series 5-Series 7-Series และ Mercedes-Benz C-Class E-Class และ S-Class รวมถึงในกลุ่มรถสปอร์ต เช่น Toyota Supra
เช่นเดียวกับ FF นอกจากการขับเคลื่อนล้อหลังแล้วในรถยนต์ที่วางเครื่องยนต์ลักษณะนี้ยังมีแบบขับเคลื่อน 4 ล้อด้วย เช่น Nissan GT-R
ข้อดี : ให้อารมณ์สปอร์ตในการขับ
ข้อเสีย : น้ำหนักเยอะเพราะมีชิ้นส่วนมากขึ้น และการสูญเสียกำลังจากการถ่ายทอดกำลังจากเครื่องยนต์มายังเกียร์และเพลากลางไปสู่ล้อขับด้านหลังมีเยอะเกินไป
3.Mid-Ship Front Engine : อ่านให้ดีๆ ก่อนรีบสรุป เพราะคำนี้ไม่ได้หมายถึงรถยนต์เครื่องยนต์วางกลาง แต่หมายถึงรถยนต์แบบ FR หรือเครื่องยนต์วางด้านหน้าขับเคลื่อนล้อหลังแต่ทว่าแนวในการวางเครื่องยนต์ถูกร่นไปทางด้านหลังโดยด้านหน้าของเครื่องยนต์ (นับจากแนวที่ปกติแล้วจะมีใบพัดเครื่องยนต์) ถูกวางเอาไว้ด้านหลังแนวของแกนล้อหน้า ที่ทำเช่นนี้ก็เพื่อเหตุผลในเรื่องของการกระจายน้ำหนักระหว่างด้านหน้าและหลังให้ได้สมดุล โดยการวางเครื่องยนต์ลักษณะนี้ส่วนใหญ่จะอยู่ในรถสปอร์ต เช่น BMW Z4
4.MR : Mid-Engine Rear Wheel Drive : คือ รถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์วางกลางลำ (ในความหมายคือ เครื่องยนต์ เกียร์ และเพลาขับในการเรียงตัวจากด้านหน้าไปด้านหลัง) โดยตัวเครื่องยนต์จะวางอยู่ด้านหน้าเพลาขับด้านหลังและอยู่ใกล้กับผนังของห้องโดยสาร โดยการวางเครื่องยนต์กลางลำนั้นมีทั้งแบบวางในแนวตามยาวขนานไปกับความยาวของรถยนต์ ซึ่งปกติแล้วรถสปอร์ตเครื่องยนต์วางกลางลำจะเป็นแบบนี้ หรือเรียกว่า Longitudinal Mid Engine เช่น รถสปอร์ตจาก Ferrari Lamborghini และ McLaren
ส่วนอีกแบบคือ ตัวเครื่องยนต์จะวางขนานไปกับเพลาขับเหมือนกับรถยนต์ที่ใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหน้า หรือ Transverse Mid Engine ซึ่งก็มีรูปแบบนี้บ้างแต่ไม่เยอะ เช่น Honda NSX รุ่นแรก NA-1 หรือ Toyota MR-2 รุ่นที่ 2 รหัส W20
5.RE : Rear Engine Rear Wheel Drive : เป็นการวางเครื่องยนต์ด้านท้าย และในปัจจุบันเหลือเพียงรายเดียวที่ทำเช่นนี้คือ Porsche 911 โดยเครื่องยนต์จะถูกวางให้อยู่ในแนวที่เลยจากเพลาขับหลัง โดยเมื่อมองจากเพลาขับแล้วจะเป็นชุดเกียร์และเครื่องยนต์ ซึ่งถือเป็นการวางที่ทำให้การขับและควบคุมรถทำได้ค่อนข้างลำบาก โดยสมัยก่อนนอกจาก 911 แล้วก็ยังมี Volkswagen Beetle รุ่นแรก
วางเครื่องยนต์
เรื่อง : กองบรรณาธิการ
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th