เข้าไทยแน่! Koenigsegg Gemera 2ประตู 4ที่นั่ง กับ 1,700 แรงม้า กับดีลเลอร์อย่างเป็นทางการ
ถ้าจะไปก็ไปด้วยกันน..ไปคนเดียวไม่เอาเหอะ..ขอทำตัวติดกะเธอ..ขอฉันไปด้วยคน เพลงนี้คงเหมาะสำหรับใครที่มีเพื่อนเป็น “สุลต่านไทยแลนด์” และกำลังเล็งรถ Hyper Car 4 แบบเจ้า Koenigsegg Gemera ที่ถูกนำเข้าอย่างถูกกฎหมาย จากดีลเลอร์ อย่างเป็นทางการในประเทศไทย! คุณอ่านไม่ผิดหรอกครับ บ้านเรากำลังมีโชว์รูม Koenigsegg ในสัปดาห์หน้านี้ครับ
สำหรับตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทยที่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ คือ บริษัท เจเนอร์รัล ออโต้ ซัพพลาย จำกัด (ในเครือชาริช โฮลดิ้ง) ซึ่งจะบริหารงานโดย คุณอภิชาติ ลีนุตพงษ์ และ คุณศักดิ์ นานา โดยจะมีการจัดงานเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 20 ตุลาคม 2563 ที่จะถึงนี้ และจะมีการเผยโฉมไฮเปอร์คาร์รุ่นล่าสุด 2 รุ่น ประกอบด้วย Koenigsegg Jesko Absolut และ Koenigsegg Gemera นั้นเอง
และในเมื่อไม่นานมานี้ เรียกได้ว่า Talk Of The Town อีกครั้ง เมื่อมีภาพหลุด ของเจ้า Koenigsegg Gemera มาปรากฎตัวที่ประเทศไทย เตรียมจะเปิดตัว ในวันที่ 20 ตุลาคมนี้ เอาเป็นว่าเราไปดู “สเปคบ้าพลัง” กันว่าสุด ขนาดไหน
Christian von Koenigsegg CEO ของโคนิกเซกก์ระบุว่า เราอยากผลิตรถยนต์ 4 ที่นั่ง รุ่นแรกของโคนิกเซกก์ ซึ่งเบาะทุกตำแหน่งสามารถใช้งานได้จริงแบบสะดวกสบายเหมือนรถในกลุ่มลักชัวรี่ที่มีอยู่ ที่มองลุคภายนอกนั้น ต้องsexy เหมือนรถ Hyper Car และที่สำคัญ ต้องไม่ใช่รถ 4 ประตู และประตูต้องเป็นแบบ Dihedral doors หรือ ประตูไฮดรอลิคที่เปิดแบบหมุนขึ้นทำมุม 90 องศา คุณพระ! นี่มันอะไรกันครับนี่ (เสียงจากวิศวกร และ นักออกแบบของโคนิกเซกก์)
ภายในห้องโดยสาร Koenigsegg Gemera นั้นถูกตกแต่งคงเอกลักษณ์ สไตล์ไฮเปอร์คาร์ ซึ่งประกอบไปด้วยวัสดุเป็น คาร์บอนไฟเบอร์ และหนัง มาพร้อมกับมาตราวัดแบบ ฟลูดิจิทัล แบบสี่เหลี่ยม จอกลางหรือจออินโฟเทนเมนท์ มาในขนาด 13 นิ้ว กระจกมองข้างเป็นแบบดิจิทัลใช้ กล้องมาแทนเลนส์กระจก มีจอแสดงผลแยกซ้ายขวา และที่สำคัญ ในเมื่อเป็นรถ 4 ที่นั่งแล้ว “ครอบครัวต้องมาก่อน” ยัดอุปกรณ์อำนวยความสะดวกมาแน่นๆ ที่สำคัญ แยกส่วนสำหรับผู้โดยสารทางด้านหลังสามารถควบคุมเองได้อีกด้วย
ขับสี่ หน้าน้ำมัน หลังไฟฟ้า!
ตัวเครื่องยนต์เป็นแบบ 3 สูบเรียง ความจุ 2.0 ลิตร อัดอากาศด้วยทวิน-เทอร์โบชาร์จ โคนิกเซกก์เรียกมันว่าเครื่องยนต์รหัส TFG หรือ Tiny Friendly Giant หน้าที่หลักคือหมุนล้อคู่หน้าด้วยกำลังสูงสุด 600 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 61.1 กก.-ม. และมีเทคโนโลยีหยุดการทำงานของลูกสูบในบางจังหวะ หรือ Cylinder deactivatation ซึ่งโคนิกเซกก์ให้ข้อมูลว่าจะช่วยลดการใช้เชื้อเพลิงลงได้ 20% เมื่อเทียบกับเครื่องยนต์ 4 สูบ ที่มีความจุกระบอกสูบเท่ากัน
ส่วนการหมุนล้อคู่หลังเป็นหน้าที่ของมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว กำลังรวมเฉพาะมอเตอร์ไฟฟ้าผลิตได้ 1,100 แรงม้า แยกติดตั้งแบบหมุนล้อแต่ละข้างด้านละ 1 ตัว ส่วนตัวที่ 3 พ่วงเอาไว้กับแครงค์ชาฟท์ เก็บประจุไฟฟ้าด้วยแบตเตอรี่แพคชนิดนิคเกิล-เมทัล ไฮไดรด์ ความจุหรือความสามารถในการจ่ายไฟใน 1 ชม. เท่ากับ 16.6 กิโลวัทท์-ชม. ทำให้ กำลังรวมทั้งระบบ 1,700 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 356.4 กก.-ม. อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 1.9 วินาที ท๊อปสปีด 400 กม./ชม. โหมดไฮบริดวิ่งทำระยะทางได้ประมาณ 950 กม. ส่วนโหมดไฟฟ้าล้วนวิ่งทำระยะทางได้ประมาณ 50 กม.
เอาเป็นว่า นี่เป็นข้อมูลคร่าวๆ ก่อนการเปิดตัวที่จะเกิดขึ้นเร็วเร็วๆนี้ ที่ประเทศไทย ส่วนหลายคงอยากรู้แล้วว่า ราคาค่าตัวของ เจ้านี้จะอยู่ที่เท่าไร บอกเป็นราคากลมๆ ที่เมืองนอกแบบไม่บอกผ่านใครก็อยู่ที่ประมาณ “1,000,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ” หรือราวๆ 32 ล้านบาท ฮั่นแน่! เร้าใจใช่มั้ย แต่ว่า ลืมคิดถึงภาษีนำเข้า ไปหรือป่าวว…จ๋ะ.
เรื่อง : ณัฐวุฒิ ดำทองสุก
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRAND PRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th