เนื่องด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ผ่านมา สร้างความไม่มั่นใจต่อนักท่องเที่ยว ที่สำคัญเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวภายในประเทศอย่างมาก ทำให้ผู้ประกอบการทุกแห่งทั่วประเทศ ต่างร่วมมือป้องกัน พร้อมปฏิบัติตามแนวทางการป้องกันโรค เพื่อสร้างความเชื่อมั่นจากผู้บริโภคให้กลับมาเช่นเดิมได้อีกครั้ง

โดยภาพรวมตอนนี้ที่คนไทยยังไม่ส่ามารถเดินทางออกนอกประเทศเพื่อไปท่องเที่ยวได้ จึงทำให้การท่องเที่ยวในประเทศไทยกลับมาได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น ทำให้พฤติกรรมการท่องเที่ยวของคนไทยเปลี่ยนแปลงไปตามวิถีใหม่นี้เกิดขึ้น ซึ่งสิ่งใหม่ที่เกิดขึ้น จากพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปตามวิถีชีวิตรูปแบบใหม่ หรือที่เรียกกันว่า New Normal นี้ กลายเป็นสิ่งที่นักท่องเที่ยวทั้งหลายปฏิบัติตามกันจนไม่ใช่เรื่องแปลก หลายคนหันมาเลือกรถยนต์คู่ใจเป็นพาหนะในการเดินทาง มากกว่าที่จะใช้รถสาธารณะในการเดินทาง ทำให้เกิดเป็นเทรนด์ใหม่ในการท่องเที่ยว ภายใต้รูปแบบ Road Trip

มีผลสำรวจพฤติกรรมของผู้บริโภคอ้างอิงไว้ว่า หลังคลายล็อกดาวน์ พบว่านักท่องเที่ยวทั่วโลกถึง 70% มีแนวโน้มที่จะใช้รถยนต์ในการเดินทางมากขึ้น สอดคล้องกับข้อมูลในสหรัฐอเมริกา โดยแบบสอบถามจาก MMGY Travel Intelligence  เผยว่านักเดินทาง 67% เลือกใช้รถยนต์ส่วนตัวเป็นหลัก ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับผลสำรวจจากแพลตฟอร์มวิเคราะห์ข้อมูลอุตสาหกรรมท่องเที่ยว Skift   ที่พบว่า ชาวอเมริกันกว่า 2 ใน 3 วางแผนเดินทางในรูปแบบโรดทริปหลังวิกฤตโควิด-19

นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวชาวไทยถึง 71% ที่ตอบแบบสอบถามจาก Ipsos ระบุว่าวางแผนจะเดินทางภายในประเทศในปีหน้า โดยเลือกที่จะเดินทางด้วยรถยนต์ นักท่องเที่ยวหลังยุคโควิด-19 มีแนวโน้มที่จะเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางที่สามารถขับรถไปได้ ซึ่งจะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจและธุรกิจในท้องถิ่นและกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศได้อีกทาง

แน่นอนว่าเมื่อการท่องเที่ยวแบบ Road Trip กลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง การใช้รถยนต์ส่วนบุคคลเป็นรูปแบบการเดินทางที่ปลอดภัยจากการแพร่กระจายของโรคมากที่สุด นอกจากนี้การขับรถเที่ยวยังมีเสน่ห์และข้อดีมากมาย การขับรถไปเยือนสถานที่ใหม่ๆ ทำให้นักเดินทางสามารถชื่นชมทิวทัศน์สองข้างทาง และสำรวจสภาพภูมิประเทศที่หลากหลายได้อย่างไม่จำกัด

การเดินทางด้วยรถยนต์พร้อมกับเพื่อนหรือครอบครัว ยังเป็นการเดินทางที่มีความหมาย เพราะทุกคนได้ใช้เวลาร่วมกันบนรถ ในกรณีที่มีสมาชิกในครอบครัวหรือเพื่อนร่วมทางหลายวัยก็มีความยืดหยุ่นและสะดวกสบายหากต้องแวะพักรถ เข้าห้องน้ำ หรือรับประทานอาหารระหว่างทาง ถือเป็นการเดินทางที่ช่วยสร้างความสัมพันธ์อันดีให้กับครอบครัวได้อย่างดี

เมื่อปัจจัยสำคัญของการท่องเที่ยวตามวิถีใหม่ คือ รถยนต์ ดังนั้นการเลือกยานพาหนะคู่ใจสำหรับการเดินทาง จึงควรเลือกรถยนต์ที่เต็มเปี่ยมด้วยสมรรถนะ ตอบโจทย์การใช้งานและไลฟ์สไตล์การเดินทางที่หลากหลาย รถยนต์ที่เพียบพร้อมไปด้วยสมรรถนะที่ดี ใช้งานได้หลากหลาย รองรับทุกความต้องการในการใช้ชีวิต และพร้อมลุยไปกับคุณในทุกเส้นทาง คือรถที่ตอบโจทย์เทรนด์การท่องเที่ยวหลังโควิด-19 เพราะมีข้อได้เปรียบมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งพื้นที่ห้องโดยสารที่กว้างขวางเหมาะสำหรับการเดินทางเป็นหมู่คณะ มาพร้อมฟังก์ชั่นการใช้งานที่หลากหลายจะช่วยเติมเต็มประสบการณ์การเดินทางท่องเที่ยวในรูปแบบโรดทริปให้สมบูรณ์แบบ

เราจึงอยากชวนผู้อ่านทุกท่านมาเตรียมความพร้อมสำหรับออกเดินทางท่องเที่ยวโดยรถยนต์ภายใต้สภาวะที่ยังต้องเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโรคติดต่อโควิด-19 อีกทั้งเพื่อให้กลายเป็นมาตรฐานใหม่ของการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศแบบ New Normal ภายใต้การสนับสนุนจากบริษัทตรีเพชรอีซูซุ ที่เลือกให้เราเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ เพื่ออย่างน้อยที่สุด ก็ยังได้เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยสนับสนุน อุตสหกรรมการท่องเที่ยวของไทยให้กลับมาดีขึ้นได้อีกครั้ง

แต่ก่อนการเดินทางอย่างปลอดภัย และปลอดโรค ทาง ISUZU ได้เตรียมความพร้อมให้กับเราทุกขั้นตอน เพื่อให้มั่นใจว่าตลอดการเดินทางในครั้งนี้ คุณจะได้ท่องเที่ยวอย่างสนุกสนาน และหมดกังวลจากโรคระบาด ด้วยการให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลตัวเองในทุกขั้นตอนการเดินทาง

นอกจากพื้นฐานเรื่องการดูแลรถยนต์ก่อนออกเดินทางตามที่ทุกคนทราบกันดี และตรวจเช็คกันเป็นประจำอยู่แล้ว การดูแลตนเอง และผู้ร่วมเดินทาง ถือเป็นอีกสิ่งสำคัญที่จะต้องเพิ่มมาให้ยุคนี้

• สวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งในขณะเดินทาง
• ก่อนออกเดินทาง ควรล้างมือให้สะอาด หรือใช้เจลแอลกอฮอล์ 70 เปอร์เซ็นต์
• เมื่อถึงจุดหมาย ควรล้างมืออีกครั้ง พร้อมใช้เจลแอลกอฮอล์ซ้ำอีกเช่นเคย
• พกเจลแอลกอฮอล์ 70 เปอร์เซ็นต์ ในขนาดพกพา เพื่อสามารถหยิบใช้งานได้สะดวก
• หลีกเลี่ยงการสัมผัสดวงตา หน้า และจมูก
• หลีกเลี่ยงการสัมผัสทางกายกับผู้อื่น
• ฉีดเสปรย์แอลกอฮอล์ที่พื้นรองเท้าก่อนขึ้นรถ

ระหว่างการเดินทาง อีกสิ่งที่เราไม่สามารถเลี่ยงได้ นั่นคือการลงไปซื้อของระหว่างทางในที่สาธารณะ ดังนั้นการรู้จักป้องกันตนเอง จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ควรทราบ

• ระหว่างเลือกซื้อสินค้าให้รักษาระยะห่างอย่างน้อย 1 เมตร และหลีกเลี่ยงการพาตัวเองเข้าไปในกลุ่มคนจำนวนมาก
• หลีกเลี่ยงร้านที่แออัดไปด้วยผู้คน หากจำเป็นควรรอให้คนอื่นซื้อให้เสร็จก่อนจึงจะเข้าไปภายในร้าน
• ล้างมือด้วยสบู่ และน้ำสะอาด พร้อมใช้เจลแอลกอฮอล์ 70 เปอร์เซ็นต์
• หลีกเลี่ยงการสัมผัสดวงตา หน้า และจมูก
• ชำระเงินค่าสินค้าผ่านแอปพลิเคชัน หรือ Mobile Banking

เส้นทาง Road Trip กับ ISUZU ในครั้งนี้ เราเลือกเดินทางด้วยรถกระบะ ALL-NEW ISUZU D-MAX V-CROSS 4×4 เพื่อมุ่งหน้าไปเมืองรอง ที่น่าสนใจไม่เป็นรองใคร ณ จังหวัดสุโขทัย ที่ไกลออกไปจากกรุงเทพฯ 430 กิโลเมตร โดยใช้เวลาเดินทางราว 5 ชั่วโมง ในรูปแบบ New Normal

จุดหมายแรก “อ่างเก็บน้ำคลองข้างใน”

ก่อนเข้าตัวเมืองสุโขทัย เราขับผ่านอำเภอคีรีมาศ โดยเราอยากจะแวะเข้าไปเก็บภาพบรรยากาศของเวิ้งน้ำ ที่ถูกเขาห้อมล้อม เพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์ที่ยังพอหาได้ในยุคโควิดให้เต็มปอดเสียก่อน อ่านงเก็บน้ำคลองข้างใน จึงเป็นจุดหมายแรกของทริปที่เราแวะมา แต่น่าเสียดายที่ระดับน้ำในช่วงนี้น้อยไปเสียหน่อย โดยที่นี่ นอกจากจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวแล้ว ยังถือเป็นอ่างเก็บน้ำคลองของชลประทานที่สำคัญของจังหวัดสุโขทัยอีกด้วย เพราะสามารถรองรับน้ำได้ถึง 9 ล้านลูกบาศก์เมตร ที่ความยาวสันเขื่อน 770 เมตร ความกว้างสันเขื่อน 8 เมตร ความกว้างฐานเขื่อน 60 เมตร มีเนื้อที่ในเขตชลประทาน 15,000 ไร่

บริเวณเหนืออ่างเก็บน้ำหล่งน้ำขนาดใหญ่ซึ่งโอบล้อมด้วยเทือกเขาหลวง เป็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม ชาวบ้านจะรักษาแหล่งน้ำและพันธุ์ปลา โดยห้ามจับปลาในฤดูวางไข่ ปกติจะมีนกหลายชนิดโดยเฉพาะกลุ่มนกน้ำมาอาศัยเป็นที่หากินประจำทุกวัน ในยามว่างจากการทำนา ชาวบ้านในละแวกนี้รวมทั้งคนต่างถิ่นก็จะมาตกปลา วางตาข่าย เป็นประจำ ในอดีตก่อนจะมีการจับปลาด้วยการวางข่ายแพร่หลายเหมือนในปัจจุบัน อ่างเก็บน้ำคลองช้างในเป็นแหล่งตกปลาที่ดีมากแห่งหนึ่ง โดยนักตกปลาจะเรียกอ่างเก็บน้ำนี้ว่า อ่างเก็บน้ำท่าดินแดง

“วัดศรีชุม”

หลังจากแวะถ่ายภาพกับธรรมชาติจนชื่นใจแล้ว ก็ขอแวะมาสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองกันบ้าง กับ วัดศรีชุม ซึ่งวัดที่ตั้งอยู่ในส่วนหนึ่งของอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย อยู่นอกกำแพงเมืองเก่าสุโขทัยทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือ คำว่า “ศรี” มาจากคำพื้นเมืองของไทยคำว่า “สะหลี” หมายถึง “ต้นโพธิ์” เมื่อมารวมกันเป็น “ศรีชุม” จึงหมายถึง “ดงต้นโพธิ์” นั่นเองภายในวัดเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัย ศิลปะแบบสุโขทัย อยู่ในมณฑปชื่อว่า พระพุทธอจนะ เป็นที่เลื่องลือถึงความศักดิ์สิทธิ์ จนได้ชื่อว่าเป็นพระพุทธรูปพูดได้ มีความงดงาม เป็นเอกลักษณ์ชวนให้นักท่องเที่ยวมาเที่ยวชม และสักการะอย่างไม่ขาดสาย โดยก่อนเข้าวัดจะต้องเสียค่าเข้าชม ท่านละ 20 บาท พร้อมกับสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาขณะอยู่ในวัด ถือเป็นการเที่ยววัดสไตล์ New Normal อีกรูปแบบหนึ่งของชาวพุทธในยุคเฝ้าระวังที่เราเองก็คุ้นชินกันเป็นที่เรียบร้อย

“แผ่นดินรูปหัวใจ ทุ่งทะเลหลวง”

แผ่นดินศักดิ์สิทธิ์รูปหัวใจหรือเกาะรูปหัวใจ ถูกเนรมิตขึ้นมาได้อย่างงดงาม ซึ่งเกิดจากแนวคิดโครงการแก้มลิงตามแนวพระราชดำริ เพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วม-แล้ง เนื่องจากแม่น้ำยมในฤดูฝนมีน้ำมาก ในฤดูแล้งเกือบไม่มีน้ำ ให้พิจารณากั้นน้ำเป็นช่วงๆ เพื่อผันน้ำเข้าคลองธรรมชาติที่มีอยู่เดิมทั้งฝั่งซ้ายและฝั่งขวาของแม่น้ำยม และขุดลอกให้สามารถส่งน้ำไปกักเก็บไว้ตามหนองบึงตามธรรมชาติได้ คำว่า “แผ่นดินรูปหัวใจ” เกิดจากแนวคิดของ ฯพณฯ สมศักดิ์ เทพสุทิน ที่ต้องการให้แผ่นดินนี้เป็นศูนย์รวมแห่งความรักใคร่ปรองดองของชาวเมืองสุโขทัย และเชื่อมโยงความรักผูกพันกับบรรพบุรุษสมัยสุโขทัยถึงปัจจุบัน จึงเลือกสัญลักษณ์แห่งความรักคือ “รูปหัวใจ”

ส่วนคำว่าแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ นั้น ดร.พรรณสิริ กุลนาถศิริ ได้ดำเนินการจัดทำบุญพิธี เก็บและกลั่นดินจากทุกครอบครัวในแต่ละหมู่บ้านจำนวน 843 หมู่บ้าน ทำให้เป็นดินบริสุทธิ์ ด้วยการตั้งปณิธานร่วมแรงร่วมใจร่วมศรัทธากับชาวสุโขทัยว่าเราจะร่วมสร้างแผ่นดินนี้ให้รุ่งเรือง เป็นมิ่งขวัญของชาวสุโขทัย นำดินไปวางรองรับพระพุทธรัตนสิริสุโขทัย ณ มณฑปเกาะกลางแผ่นดินรูปหัวใจทุ่งทะเลหลวง เมื่อ วันที่ 17 มกราคม 2553 ด้วยงานบุญยิ่งใหญ่ที่ได้รวมพลังธรรมพลังศรัทธาของพี่น้องชาวสุโขทัยทุกครอบครัว จึงเรียกแผ่นดินนี้ว่า “แผ่นดินศักดิ์สิทธิ์” และรูปหัวใจยังสะท้อนถึงความรักใคร่สามัคคีของคนสุโขทัย ที่ช่วยกันรักษาสถานที่สำคัญแห่งนี้ไว้ให้คนทั่วโลกได้จดจำ

 “เมี่ยงโบราณ บ้านบางคลอง ป้านกเล็ก ป้าสุดใจ”

มาถึงสุโขทัย จะไม่กินเมี่ยงโบราณ ของขึ้นชื่อประจำจังหวัดคงเหมือนมาไม่ถึง ซึ่งหนึ่งในร้านดัง และมีเอกลักษณ์ในการทำเมี่ยงคำคือร้าน “เมี่ยงโบราณ บ้านบางคลอง ป้านกเล็ก ป้าสุดใจ” สองคุณยายที่นั่งทำอยู่ในเพิงเล็กๆ ริมถนนบ้านบางคลอง โดยเมี่ยงจะแบ่งออกเป็น 2 แบบ แบบแรก คนพื้นถิ่นเรียกว่าเมี่ยงกะปิ ซึ่งนั่นก็หมายถึงเมี่ยงคำที่เราคุ้นชิน เป็นการใช้ใบพลูสด กับเครื่องเคียงสดๆ มะพร้าวคั่ว หอมแดง พริก มะนาว แล้วราดด้วยน้ำเมี่ยงคำ ห่อเป็นคำเล็กๆ บรรจงใส่ในกรวยใบตอง กรวยละ 3 คำ ขายกรวยละ 5 บาท ส่วนอีกแบบ เป็นเมี่ยงโบราณ หรือเมี่ยงลาวที่ใช้เพียงน้ำตาลปี๊บ และมะพร้าวคั่ววัตถุดิบหลัก ห่อเป็นคำเล็กๆ 4 คำ ใส่ในกรวยเช่นกัน (แบบนี้ใครสั่งซื้อกลับไปคุณยายแนะนำให้แช่เย็นไว้ แล้วค่อยรับประทาน อร่อยสุดๆ) โดยขายที่ราคาเดียวกัน ทำให้นักท่องเที่ยวหลายคนที่ผ่านไปสุโขทัยต้องแวะไปอุดหนุนสองคุณยาย

“ก๋วยเตี๋ยวตาพุธ”

อีกสิ่งที่ขาดไม่ได้เมื่อมาถึงสุโขทัย คงจะเป็นก๋วยเตี๋ยวสุโขทัยตามแบบฉบับดั้งเดิม ที่เน้นวัตถุดิบหลักไปที่ถั่วฝักยาว ที่เราเห็นได้ในทุกชาม ปะปนอยู่ในทุกเมนู

ไม่ว่าจะเป็นราดหน้าเกี๊ยวกรอบสูตรเฉพาะที่ก่อนรับประทานต้องราดซอสพริกลงไปก่อน หรือผัดไทยที่ยังมีถั่วฝักยาวปะปนลงไปให้เราได้รสสัมผัสที่แตกต่าง

นอกจากนั้นที่พลาดไม่ได้และต้องสั่งคือก๋วยเตี๋ยวต้มยำสุโขทัยเส้นต่างๆ พร้อมสั่งเกี๊ยวกรอบไส้หมูมานั่งทานคู่กัน อร่อยอย่าบอกใคร ส่วนการเดินทางไปยังร้านก๋วยเตี๋ยวดั้งเดิมเจ้านี้ เพียงคุณปักหมุดลงไปในกูเกิ้ลแมพ ก็มุ่งหน้าตรงไปไม่ยากแล้ว

ในยุคที่เชื้อโรคโหดร้ายกับโลกของเรามากขึ้น แต่ถ้าประชาชนทุกคนทำความเข้าใจ ร่วมมือ รักษากฎ และปฏิบัติตามแนวทางที่ทางการแพทย์แนะนำไว้เกี่ยวกับเรื่องโรคระบาด เชื่อเหลือเกินว่าพลังคนทั้งโลก จะต้องชนะเชื้อโรคได้อย่างแน่นอน เช่นเดียวกันกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตินี้ แต่ถ้าคนไทยร่วมมือร่วมใจ ชวนกันเที่ยวไทย ในรูปแบบ New Normal รักษาระยะห่าง ฉีดเสปรย์แอลกอฮอล์ สวมหน้ากาก รับรองได้เลยว่าอีกไม่ช้า การท่องเที่ยวไทยที่ซบเซา จะกลับมาคึกคักได้อีกครั้ง ด้วยพลังของคนไทยเราเอง

เรื่อง : กองบรรณาธิการ

เรียบเรียงข้อมูลโดย GRAND PRIX ONLINE

ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th