เปรียบเทียบ!!!! ข้อดีและข้อเสียการจอดรถในที่ร่มที่มียางไม้
ถ้าพูดถึงที่จอดรถ……ก็คงต้องคิดถึงการจอดรถในที่ร่มเป็นอันดับแรกเพื่อถนอมอายุในการใช้งานรถยนต์ ซึ่งบางที่อาจจะมีหลังคาไว้บังแดดบังฝน บางที่ก็มีสแลน และบางที่ก็มีร่มไม้ไว้เพื่อบังแดด แต่หารู้ไม่ว่า….การจอดรถใต้ร่มไม้หรือใต้ต้นไม้มักจะมีขี้นก เศษไม้ หรือที่แย่ไปกว่านั้นก็คือ ยางไม้ที่ตกลงมาใส่รถยนต์ของเรานั่นเอง ซึ่งมันยากต่อการความทำความสะอาดที่ติดมากับรถยนต์ของเรา วันนี้ผมจะมาเปรียบเทียบข้อดีและข้อเสียระหว่างการจอดรถในที่ร่มไม้กับการจอดรถตากแดดที่ไร้ร่มไม้ แบบไหนมีข้อดีข้อเสียมากกว่ากันครับ???
ข้อเสียของการจอดกลางแดดในที่ไม่มีร่มไม้
- ส่วนที่เป็นยางหรือหนัง ทั้งภายในและภายนอกรถ ก็อาจจะมีการแห้งกรอบและเสื่อมสภาพอย่างรวดเร็ว ถ้าเป็นเบาะ ผ้าสีก็จะซีดและเบาะก็จะหมดความอ่อนนุ่มได้
- การจอดรถตากแดดคือตัวอันตรายที่ทำให้อายุการใช้งานสีรถลดน้อยลงเราด้วย หรือ สีรถอาจจะแตกลาย ซึ่งทำให้สีของรถไม่มีความสม่ำเสมอและไม่แปลกเลยถ้าสีรถของคุณกำลังซีดหรือออกเป็นสีเหลืองหน่อยๆ หรือสีรถจะซีดเร็วขึ้นนั้นเป็นเพราะแสงแดดที่เป็นตัวปัญหาสำคัญเลยล่ะ
- ฟิล์มกรองแสงเริ่มเสื่อมหรือเริ่มออกเป็นสีม่วง ซึ่งมันอาจจะเป็นฟิล์มกรองแสงมันช่วยกรองแสงแดดได้ก็จริง แต่ตัวมันเองก็มีการเสื่อมได้เหมือนกัน เพราะเขาไม่ได้ผลิตฟิล์มกรองแสงเพื่อเอาไว้จอดกลางแดดนานๆ
- ยางรถยนต์จะแข็งตัว ไม่ยืดหยุ่น เสื่อม อายุการใช้งานก็น้อยลง
- อายุการใช้งานของคอนโชนหน้าก็น้อยลง
- สายยางแอร์ รอยต่อของขั้วแอร์จะรั่วได้ง่าย
- ขอบยางประตูรถทุกบานจะไม่ยืดหยุ่น จะแข็งตัวเร็ว
ข้อดีของการจอดกลางแดดในที่มีร่มไม้
- จอดรถใต้ร่มไม้สิ่งที่อาจจะเจอนั่นก็คือ ขี้นก เศษไม้ใบไม้ หรือยางไม้ ที่เป็นปัญหาใหญ่ในการทำให้รถเราดูสกปรกและทำให้สีรถเราดูซีดจางลง
- ความร้อนในเครื่องยนต์ลดน้อยลงทำให้อายุการใช้งานเพิ่มขึ้นกว่าการที่จอดรถกลางแดดโดยไม่มีที่ร่มเงาเลย
- ช่วยเพิ่มอายุการใช้งานทั้งภายในรถและภายนอกของรถยนต์
- ช่วยปรับอุณหภูมิภายในรถไม่ให้ร้อนเกินไป แถมยังช่วยให้ทรัพย์สินภายในรถไม่เกิดความเสียหาย ชำรุด หรือเกิดการสูญเสีย
แล้วสำหรับคนที่เจอกับปัญหาคราบยางไม้ที่เกาะติดบนตัวรถนั้น วันนี้เรามีเคล็ดลับในการทำความสะอาดคราบ
ยางไม้มาฝากกันทิ้งท้ายเผื่อสำหรับคนที่อยากจะรู้ อย่างแรกเลย ล้างรถให้สะอาดก่อน เพื่อที่จะให้ยางไม้หรือยางมะตอย
ออกให้หมดเสียก่อน เพราะไม่อย่างนั้นเวลาที่เราลงมือล้างคราบดังกล่าว สีก็จะเป็นรอยจากการเสียดสีของดิน หรือฝุ่นที่ติดค้างอยู่นั่นเอง และการที่ล้างรถก่อน จะช่วยให้เราเห็นคราบสกปรกได้ชัดเจนกว่าเดิมอีกด้วยครับ หลังจากนั้นให้ใช้ผ้านุ่มๆ ชุบแอลกอฮอล์จนชุ่ม แล้วกดทับบริเวณที่เลอะคราบยางไม้หรือยางมะตอยเอาไว้ 10-30 วินาที เพื่อให้คราบดังกล่าวนิ่มลง และถ้าบริเวณที่เลอะมีขนาดค่อนข้างกว้าง ก็ให้ชุบแอลกอฮอล์เพิ่มขึ้นแล้วค่อยๆเช็ดเป็นรูปวงกลมจากนอกเข้าสู่ใน ก็จะทำให้คราบนิ่มลงได้เช่นกันครับ ซึ่งถ้าปฏิบัติตามวิธีเหล่านี้แล้ว และยังไม่หายก็คงต้องพึ่งคาร์แคร์แล้วล่ะครับ และโดยส่วนใหญ่ตามร้านก็จะมีรายการสำหรับขจัดคราบเหล่านี้อยู่แล้วครับ
ชื่อ : นาย ณัฐพล ศรีนามโหน่ง
ขอบคุณรูปภาพ : www.ptcdn.info
ขอบคุณข้อมูล : www.medium.com, www.daily.rabbit.co.th
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th