เปิดตำนาน ฮอนด้า ซีวิค แฮทช์แบ็ค
ฮอนด้า ซีวิค นับว่าเป็นรถยนต์ยอดฮิต ที่ได้รับความนิยมกันมายาวนาน ล่าสุดออกเจนเนอร์เรชั่นที่ 10 มาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เป็นรถที่ได้รับความนิยมสูงสุดของค่ายฮอนด้าเลยก็ว่าได้ เพราะเจ้าฮอนด้า ซีวิค มีรูปทรงให้เลือกกันหลายหลายทรง ทั้ง 3 ประตู ซีดาน และแฮทช์แบ็ค 5 ประตู ซึ่ง ฮอนด้า ออโตโมบิล ประเทศไทย ทำการเปิด เจ้าฮอนด้า ซีวิค เจนเนอร์เรชั่นที่ 10 ในรูปทรงซีดานไปแล้ว และล่าสุดในวันที่ 9 มีนาคมนี้ กำลังจะทำการเปิด ฮอนด้า ซีวิค แฮทช์แบค 5 ประตู ในชาวไทยได้เป็นจับจองเป็นเจ้าของกัน วันนี้เราเลยรวบรวม ฮอนด้า ซีวิค แฮทช์แบ็ค ทั้ง 5 ประตู และ 3 ประตู มาให้ชมกันว่ามีพัฒนาการก้าวไกลขนาดไหน
รุ่นแรก โฉมนี้ ผลิตมาทั้งสิ้นถึง 7 รุ่นปี ตั้งแต่รุ่นปี 2516 – 2522 รุ่นบุกเบิกมีแรงม้าเพียง 50 แรงม้า และมีความยาว 139.8 นิ้ว หรือ 3.55 เมตร แต่ได้ค่อยๆ พัฒนาขึ้น โดยรุ่นสุดท้ายของโฉมนี้มีแรงม้า 60 แรงม้า และยาว 146.9 นิ้ว หรือ 3.73 เมตรโฉมนี้ เป็นรุ่นที่อยู่ในยุคที่ระบบเกียร์ยังไม่เน้นการประหยัดน้ำมัน และเทคโนโลยีด้านรถยนต์ยังใช้น้ำมันเชื้อเพลิงได้ไม่ประหยัดเท่าใดนัก รถโฉมนี้ที่ออกวางจำหน่ายในขณะนั้น จะมีระบบเกียร์อยู่ 3 แบบให้เลือกซื้อ คือ เกียร์อัตโนมัติ 2 สปีด, เกียร์ธรรมดา 4 สปีด, เกียร์ธรรมดา 5 สปีด แต่จะผลิตเกียร์ธรรมดา 4 สปีด เป็นมาตรฐาน เพราะเกียร์ธรรมดา 5 สปีด ยังมีราคาสูง ส่วนเกียร์อัตโนมัติจะกินน้ำมันมาก ทำให้ไม่เป็นที่นิยม มีเครื่องยนต์ให้เลือก 2 ขนาด คือขนาด 1.2 กับ 1.5 ลิตร มีตัวถัง 5 แบบ คือแบบคูเป้ 2 ประตู, hatchback 3 ประตู,ซีดาน 4 ประตู, hatchback 5 ประตู และ station wagon 5 ประตู โดยในประเทศไทยมีการเข้ามาจำหน่ายโดยบริษัท Asian Honda จำกัดเพียงไม่กี่คัน
รุ่นที่ 2 หลังจากประสบความสำเร็จในรุ่นแรก 7 ปีต่อมา โฉมนี้ผลิตมาทั้งสิ้น 4 รุ่นปี ตั้งแต่รุ่นปี 2523 – 2526 โดยทั้ง 4 รุ่นปี มีความยาวคงที่คือ 146.9 นิ้ว หรือ 3.73 เมตร แรงม้า 55 กับ 67 แรงม้า แล้วแต่รุ่นเครื่องยนต์ คือขนาด 1.3 กับ 1.5 ลิตร ตามลำดับ โฉมนี้ มีตัวถัง 4 แบบ คือ hatchback 3 ประตู, ซีดาน 4 ประตู, hatchback 5 ประตู และ station wagon 5 ประตู (ซีวิครุ่นนี้ขายในบางประเทศในชื่อ ฮอนด้า บอลเลด (Honda Ballade) ซึ่งต่อมา บอลเลด ก็ได้แยกตัวเป็นรุ่นอิสระไป) โฉมนี้ มีระบบเกียร์ให้เลือกซื้อ 4 ระบบ คือ เกียร์อัตโนมัติ 2 กับ 3 สปีด และเกียร์ธรรมดา 4 กับ 5 สปีด (เกียร์อัตโนมัติถูกพัฒนาขึ้นจากเดิม) แต่โฉมนี้ ก็เป็นโฉมสุดท้ายที่ซีวิคผลิตรถเกียร์อัตโนมัติแบบ 2 ระดับเกียร์ขาย
ในรุ่นที่ 3 โฉมนี้ ผลิตมาทั้งสิ้น 4 รุ่นปี ตั้งแต่รุ่นปี 2527- 2530 โดยทั้ง 4 รุ่นปี มีความยาว 150 นิ้ว หรือ 3.81 เมตร สูง 1.35 เมตร กว้าง 1.62 เมตร เป็นโฉมแรกที่มีการทำตลาดในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ (ซีวิค 2 รุ่นก่อนหน้านั้นเคยนำมาจำหน่าย แต่เป็นการจำหน่ายโดยเอเชี่ยน ฮอนด้า โดยนำเข้ามาเพียงไม่กี่คัน) โดยบริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัดเมื่อปี 2527 ในยุคที่ฮอนด้ายังเพิ่งเริ่มเข้ามาลงทุนในประเทศไทย และเป็น Civic รุ่นแรกที่ประกอบในประเทศโดยโรงงานบางชัน เจเนอรัล แอสเซมบลี ในเครือพระนครยนตรการ ผู้จำหน่ายรถยนต์โอเปิล โฮลเด้น และไดฮัทสุในขณะนั้น มีตัวถัง 4 แบบ คือ hatchback 3 ประตู, ซีดาน 4 ประตู, คูเป้ 3 ประตู และ station wagon 5 ประตู มีเครื่องยนต์ขนาดเดียว คือ 1.5 ลิตร มี 3 ระบบเกียร์ คือเกียร์ธรรมดา 5 สปีด เกียร์อัตโนมัติ 3 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด (ไม่มีระบบเกียร์ธรรมดา 4 สปีด กับเกียร์อัตโนมัติ 2 สปีด) และโฉมนี้เป็นโฉมสุดท้ายที่มีการผลิตเกียร์อัตโนมัติ แบบ3สปีด
รุ่นที่ 4 โฉมนี้ ผลิตมาทั้งสิ้น 4 รุ่นปี ตั้งแต่รุ่นปี 2531 – 2534 โฉมนี้ มีการผลิตตัวถัง 4 รูปแบบ คือ hatchback 3 ประตู , ซีดาน 4 ประตู , คูเป้ 3 ประตู และ station wagon 5 ประตู มีระบบเกียร์ให้เลือกถึง 4 ระบบ คือเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด, เกียร์ธรรมดา 4 สปีด, เกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์ธรรมดา 6 สปีด เครื่องยนต์ 4 ขนาด คือ 1.3, 1.4, 1.5 และ 1.6 ลิตร โฉมนี้ พ่อค้ารถในไทยนิยมเรียกว่า “โฉมไฟท้าย 2 ชั้น” เป็นโฉมสุดท้ายที่มีการผลิตเกียร์ธรรมดา 4 สปีด นับเป็นโฉมที่มีความหลากหลาย และเครื่องยนต์ที่ทนทาน ปัจจุบันนี้ ก็ยังสามารถเห็นรถซีวิคโฉมไฟท้าย 2 ชั้นนี้ บนท้องถนนได้ แม้จะเลิกผลิตไปมากกว่า 20 ปีแล้ว และเป็น Civic รุ่นเดียวในประเทศไทยที่ไม่มีภาพยนตร์โฆษณาออกอากาศ แต่เป็นรุ่นที่ยังพบเห็นได้มากกว่ารุ่นที่ 3 ที่มีภาพยนตร์โฆษณาซะอีก
รุ่นที่ 5 โฉมนี้ มีการผลิตมาทั้งสิ้น 4 รุ่นปี ตั้งแต่รุ่นปี 2535 – 2538 มีตัวถัง 3 แบบ คือแบบคูเป้ 2 ประตู, hatchback 3 ประตู และแบบซีดาน 4 ประตู มีระบบเกียร์ 2 ระบบ คือเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด และเกียร์ธรรมดา 5 สปีด มีเครื่องยนต์ 2 ขนาด คือ 1.3, 1.5, 1.6 และ 1.8 ลิตร พ่อค้ารถในไทย นิยมเรียกโฉมนี้ว่า “โฉมเตารีด” โฉมนี้ เป็นโฉมที่รูปลักษณ์ภายนอกของซีวิคเริ่มเปลี่ยนไป เพราะ 4 โฉมแรก ภายนอกจะมีลักษณะตรง แล้วหักเป็นมุมๆ ทำให้มีลักษณะเป็นรูปทรงเหลี่ยมๆ แต่โฉมนี้จะเริ่มเปลี่ยนเป็นความโค้งมน และโฉมจากนี้ จะเพิ่มความโค้งมนมากขึ้นเรื่อยๆ จนถึงโฉมล่าสุด ที่มีความโค้งมนมาก ในประเทศไทย นอกจากการขายตัวถังแบบ 4 ประตูแล้ว ยังมีการขายตัวถังแบบ 3 ประตูด้วย โดยรุ่นซีดานนำมาจำหน่ายเมื่อปี 2535 ส่วนรุ่น 3 ประตูนำมาจำหน่ายเมื่อปี 2536 เป็นซีวิคโฉมแรกในประเทศไทย ที่มีการนำรุ่น 3 ประตูมาจำหน่ายนอกจากนี้ ในประเทศไทย ช่วงกลางๆ ของโฉมนี้ ซีวิคเริ่มเปลี่ยนไปใช้เครื่องยนต์แบบหัวฉีด แทนระบบคาร์บูเรเตอร์
รุ่นที่ 6 โฉมนี้ มีการผลิตมาทั้งสิ้น 5 รุ่นปี ตั้งแต่รุ่นปี 2539- 2543 โฉมนี้ มีตัวถัง 5 แบบ คือแบบคูเป้ 2 ประตู, hatchback 3 ประตู, ซีดาน 4 ประตู, hatchback 5 ประตู และ station wagon 4 ประตู โดยในประเทศไทยมีจำหน่ายรุ่นซีดาน 4 ประตู และคูเป้ 2 ประตู มีขนาดเครื่องยนต์ 3 ขนาด คือ 1.3, 1.4, 1.5 และ 1.6 ลิตร และฮอนด้ายังผลิตให้กับอีซูซุเฉพาะในไทยเท่านั้นในชื่อ อีซูซุ เวอร์เท็กซ์ ระบบเกียร์ 3 ระบบ คือเกียร์อัตโนมัติ CVT, เกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด และเกียร์ธรรมดา 5 สปีด โฉมนี้พ่อค้ารถในประเทศไทยนิยมเรียกว่า “โฉมตาโต” ซึ่งโฉมนี้ เครื่องยนต์ระบบคาร์บูเรเตอร์ค่อยๆ หายไป และในที่สุด ฮอนด้าก็เลิกผลิตรถยนต์นั่งแบบคาร์บูเรเตอร์อย่างสมบูรณ์ และรถยนต์นั่งฮอนด้าทุกคันที่ผลิตตั้งแต่ปี 2539 เป็นต้นไป เติมแก๊สโซฮอล์ได้ทุกคัน
รุ่นที่ 7 โฉมนี้ มีการผลิตมาทั้งสิ้น 5 รุ่นปี ตั้งแต่รุ่นปี 2543- 2548 โฉมนี้ มีตัวถัง 4 แบบ คือแบบคูเป้ 2 ประตู , hatchback 3 ประตู , ซีดาน 4 ประตู และ hatchback 5 ประตู และเพิ่มความหลากหลายของขนาดเครื่องยนต์ โดยมี 5 ขนาด คือ 1.3, 1.5, 1.6, 1.7 และ 2.0 ลิตร โดยในประเทศไทยฮอนด้าจะจำหน่ายเฉพาะรุ่น 1.7 และ 2.0 ลิตรเท่านั้น และโฉมนี้ มีระบบเกียร์ 5 ระบบ คือเกียร์อัตโนมัติ CVT, เกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด, เกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด, เกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์ธรรมดา 6 สปีด โฉมนี้ เป็นโฉมแรก ที่ฮอนด้าได้ทำระบบไฮบริดมาติดกับรถซีวิค เป็นรุ่นพิเศษ โดยได้นำเข้าในประเทศไทย แต่ก็มีคนซื้อไม่มาก ขายไปได้ทั้งหมด 50 คัน ส่วนใหญ่จะเป็นซัพพลายเออร์รายต่างๆ ปัจจุบันยังสามารถพบได้ไม่มากนัก โฉมนี้เป็นโฉมสุดท้ายที่มีการผลิตเกียร์อัตโนมัติแบบ 4 สปีด พ่อค้ารถเรียกซีวิคโฉมนี้ว่า “โฉม Dimension”
รุ่นที่ 8 โฉมนี้ เป็นโฉมล่าสุด เริ่มผลิตตั้งแต่รุ่นปี 2548 จนถึงรุ่นปีล่าสุดของฮอนด้าซิวิคที่ฮอนด้ายังผลิตอยู่ในปัจจุบันก็ยังคงเป็นโฉมนี้ มีตัวถัง 4 แบบ คือแบบคูเป้ 2 ประตู , hatchback 3 ประตู , ซีดาน 4 ประตู และ station wagon 5 ประตู โดยในประเทศไทยนั้นทางฮอนด้าจะจำหน่ายเฉพาะแบบซีดาน 4 ประตู โฉมนี้ มีระบบเกียร์ 3 แบบ คือเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด, เกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์ธรรมดา 6 สปีด มีเครื่องยนต์ 7 ขนาด คือ 1.3, 1.4, 1.6, 1.8, 2.0, 2.2 และ 2.4 ลิตร แต่ในประเทศไทยมีการจำหน่ายเฉพาะรุ่น 1.8 และ 2.0 ลิตร
รุ่นที่ 9 โฉมนี้ มีตัวถัง 3 แบบ คือแบบคูเป้ 2 ประตู ซีดาน 4 ประตู และแฮทช์แบค 5 ประตู โดยในประเทศไทยนั้นทางฮอนด้าจะจำหน่ายเฉพาะแบบซีดาน 4 ประตู มีเครื่องยนต์ให้เลือก 7 ขนาด คือ 1.4, 1.5, 1.8, 2.0, 2.2 และ 2.4 ลิตร โดยในประเทศไทยจะมีจำหน่ายเฉพาะรุ่น 1.8 และ 2.0 ลิตรเท่านั้น
ในรุ่นที่ 10 ฮอนด้าออโตโมบิล (ประเทศไทย) ได้มีการเปิดตัวรถฮอนด้า ซีวิค เจเนอเรชั่นที่ 10 เป็นประเทศที่สองต่อจากสหรัฐอเมริกา รุ่นนี้แบ่งเครื่องยนต์เป็น 2 รุ่น ได้แก่ 1.5 ลิตร DOHC VTEC TURBO ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ CVT ซึ่งทั้งเครื่องยนต์และระบบเกียร์ดังกล่าวได้รับการพัฒนาภายใต้เทคโนโลยี เอิร์ธดรีม ให้กำลังสูงสุด 173 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที ด้วยแรงบิดสูงสุดที่ 220 นิวตันเมตร ที่ 1,700–5,500 รอบต่อนาที ให้กำลังเทียบเท่าเครื่องยนต์ขนาด 2.4 ลิตร แต่มีอัตราการประหยัดน้ำมันเทียบเท่าเครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร ฮอนด้า ซีวิค 2016 แบ่งออกเป็น 4 รุ่นย่อยคือ 1.8 E, 1.8 EL, 1.5 Turbo และ 1.5 Turbo RS
เรื่อง : ณัฐพล เดชสิงห์
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th