ฮอนด้า แอคคอร์ด ไฮบริด ใหม่ ราคาน่าคบ 1.659-1.849 ล้านบาท
ฮอนด้า เปิดตัว แอคคอร์ด ไฮบริด ใหม่ ก้าวล้ำไปอีกขั้นด้วยเทคโนโลยีไฮบริดใหม่ล่าสุดและเทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูง พร้อมด้วยเทคโนโลยีไฮบริดสุดล้ำล่าสุด Sport Hybrid Intelligent Multi Mode Drive (i-MMD) ที่ให้สมรรถนะการขับขี่ ด้วยกำลังสูงสุดทั้งระบบ 215 แรงม้า โหมดการขับแบบสปอร์ต, โหมดการขับด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Drive Mode) ทำความเร็วสูงสุด 120 กิโลเมตร/ชั่วโมง ให้อัตราการประหยัดน้ำมัน 23.8 กิโลเมตร/ลิตร พร้อมด้วยมิติใหม่ของเทคโนโลยีความปลอดภัย ภายใต้ Honda SENSING ซึ่งรวมฟังก์ชั่นความปลอดภัยขั้นสูงเข้าด้วยกัน เพื่อความมั่นใจในทุกการขับขี่
สำหรับ ฮอนด้า แอคคอร์ด ไฮบริด ใหม่ มาพร้อมระบบขับเคลื่อน Sport Hybrid Intelligent Multi Mode Drive (i-MMD) ด้วยการทำงานของเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร Atkinson-Cycle DOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว ผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ทรงพลัง 2 ตัว พร้อมด้วยเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) และแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน 1.3 กิโลวัตต์-ชั่วโมง ที่ให้ประสิทธิภาพสูงในการชาร์จและจ่ายกระแสไฟได้อย่างมีประสิทธิภาพ ให้กำลังสูงสุดทั้งระบบได้ถึง 215 แรงม้า สามารถปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่ได้อย่างอัจฉริยะเพื่อให้เหมาะกับทุกสภาพการขับขี่ ได้แก่ โหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Drive Mode) ที่สามารถขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวได้ต่อเนื่อง และทำความเร็วได้สูงสุดถึง 120 กิโลเมตร/ชั่วโมง โหมดการขับขี่ด้วยระบบไฮบริด (Hybrid Drive Mode) และโหมดการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ (Engine Drive Mode) และเพื่อให้ผู้ขับขี่ได้เข้าถึงอารมณ์การขับขี่ในสไตล์สปอร์ตที่สนุกสนาน เร้าใจ ฮอนด้า แอคคอร์ด ไฮบริด ใหม่ ได้เพิ่มโหมดการขับขี่แบบสปอร์ต (Sport Drive Mode) ด้วยการใช้พลังงานจากแบตเตอรี่เข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเร่งทำความเร็วให้กับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อน โดยผู้ขับขี่สามารถใช้งานได้เพียงกดปุ่ม Sport ที่อยู่บริเวณคันเกียร์ ระบบ Sport Hybrid i-MMD จึงเป็นระบบ Full Hybrid ที่ให้สมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลังแต่ยังให้อัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยมสูงถึง 23.8 กิโลเมตร/ลิตร อีกทั้งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 99 กรัม/กิโลเมตร
โดยยังมาพร้อมกับมิติใหม่ของเทคโนโลยีความปลอดภัยอันล้ำสมัย Honda SENSING ที่ผสานการทำงานเรดาร์และกล้องด้านหน้า เพื่อตรวจจับสภาวะแวดล้อมบนท้องถนน แล้วแจ้งเตือนผู้ขับขี่หรือช่วยควบคุมรถในสถานการณ์ที่เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ และเพื่อความปลอดภัยของตัวผู้ขับและผู้โดยสารในรถ รวมถึงเพื่อนร่วมทางบนท้องถนน ประกอบด้วย 4 ระบบ ดังนี้
1) ระบบควบคุมและปรับความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน – Adaptive Cruise Control (ACC) เป็นระบบที่ไม่เพียงแต่ช่วยควบคุมความเร็วของรถให้คงที่ตามที่ผู้ขับขี่ได้ตั้งค่าไว้ แต่จะทำการตรวจจับระยะห่างและความเร็วของรถคันหน้า เพื่อปรับความเร็วของรถโดยอัตโนมัติเพื่อรักษาระยะห่างระหว่างรถคันหน้าได้อย่างเหมาะสมตลอดเวลา
2) ระบบเตือนการชนด้านหน้าและตรวจจับคนเดินถนนด้วยกล้องและเรดาร์พร้อมระบบช่วยเบรก – Collision Mitigation Braking System (CMBS) เมื่อมีรถอยู่ด้านหน้าในระยะที่ไม่ปลอดภัย ระบบจะแจ้งเตือนผ่านหน้าจอแสดงข้อมูลและสัญญาณเสียง รวมถึงมีการสั่นเตือนของพวงมาลัยในกรณีรถสวนทาง หากรถยนต์ยังเข้าใกล้ระยะที่เสี่ยงต่อการชน ระบบจะทำการเสริมแรงเบรกโดยอัตโนมัติ เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ นอกจากนี้ ระบบ CMBS ยังได้รับการพัฒนาไปอีกขั้น ให้สามารถตรวจจับคนเดินถนนได้อีกด้วย
3) ระบบแจ้งเตือนและช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ – Lane Keeping Assist System (LKAS) โดยกล้องด้านหน้าจะทำการตรวจจับเส้นแบ่งช่องทางเดินรถ และทำการหน่วงของพวงมาลัยเพื่อช่วยให้ผู้ขับควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถได้ตลอดเวลา
4) ระบบแจ้งเตือนและช่วยเหลือเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ – Road Departure Mitigation (RDM) with Lane Departure Warning (LDW) เมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถโดยไม่ตั้งใจ ระบบจะส่งสัญญาณเตือนไปที่หน้าจอแสดงข้อมูลพร้อมสั่นเตือนที่พวงมาลัย และในกรณีที่รถออกนอกช่องทางมากขึ้น ระบบจะทำการหน่วงพวงมาลัย เพื่อช่วยดึงให้รถกลับเข้าสู่ช่องทาง หากรถยังคงเบี่ยงออกนอกช่องทางมากยิ่งขึ้น ระบบเบรกจะทำงานเพื่อชะลอความเร็วอย่างเหมาะสม (ในกรณีเส้นแบ่งถนนเป็นเส้นทึบ) เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ
นอกจากนี้ ยังมาพร้อมมาตรฐานความปลอดภัยที่ครบครันรอบด้าน อาทิ ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch) ช่วยลดจุดบอดในการมองเห็นของกระจกมองข้างด้านซ้าย ด้วยการจับภาพและแสดงผลผ่านหน้าจอขนาด 7.7 นิ้ว กล้องส่องภาพด้านหลัง ปรับมุมมอง 3 ระดับ (Multi-angle Rearview Camera) ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในการถอย สามารถเลือกดูมุมกล้องที่แตกต่างกันได้ทั้งแบบ 130 องศา 180 องศา และมุมมองจากด้านบน ระบบไฟส่องสว่างด้านข้างอัตโนมัติขณะเลี้ยว (Active Cornering Light – ACL) ช่วยเพิ่มความสว่างด้านข้างของตัวรถ ขณะทำการเลี้ยวรถในเวลากลางคืน เสียงเตือนภายนอกรถขณะขับขี่โหมดมอเตอร์ไฟฟ้า (Acoustic Vehicle Alerting System – AVAS) และระบบถุงลม 6 ตำแหน่ง ประกอบด้วยถุงลมคู่หน้าอัจฉริยะ (Dual i-SRS) ถุงลมด้านข้างคู่หน้าอัจฉริยะ (i-Side Airbag) และม่านถุงลมด้านข้าง (Side Curtain Airbags) เพื่อความปลอดภัยและช่วยลดอาการบาดเจ็บของทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร เพื่อความมั่นใจในทุกการเดินทาง
ด้านการออกแบบภายนอกยังคงความหรูหราและเพิ่มความสปอร์ตมากยิ่งขึ้น ด้วยไฟหน้าพร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวัน (Daytime Running Lights) และไฟท้ายดีไซน์ใหม่แบบ LED ที่ตกแต่งด้วยกรอบสีฟ้า กระจังหน้าดีไซน์พิเศษตกแต่งด้วยเส้นสายสีฟ้า โฉบเฉี่ยวยิ่งขึ้นด้วยสปอยเลอร์หลังและล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่สไตล์สปอร์ต
ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง มอบความสะดวกสบายด้วยฟังก์ชั่นการใช้งานระดับพรีเมียม อาทิ ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท (Engine Remote Start) ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสแบบรองรับ Apple CarPlay พร้อมด้วยพวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชั่นที่ให้การควบคุมระบบต่างๆ ทำได้อย่างง่ายดายเพียงปลายนิ้วสัมผัส และเพิ่มความหรูหราด้วยเบาะหนังสีน้ำตาลใหม่ และเพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ลูกค้า ฮอนด้า แอคคอร์ด ไฮบริด ใหม่ จึงมอบการรับประกันอายุการใช้งานแบตเตอรี่ถึง 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง และพิเศษยิ่งขึ้น กับ Privilege Package ขยายเวลาการรับประกันคุณภาพ หรือ Ultimate Care เพิ่มอีก 2 ปี หรือ 40,000 กิโลเมตร รวมเป็น 5 ปี หรือ 140,000 กิโลเมตร และฟรีค่าบำรุงรักษา (ค่าแรง/ค่าอะไหล่/เช็คระยะ) เป็นเวลา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร สำหรับผู้ซื้อ ฮอนด้า แอคคอร์ด ไฮบริด ใหม่ ตั้งแต่วันนี้ – 31 สิงหาคม ศกนี้
ฮอนด้า แอคคอร์ด ไฮบริด ใหม่ มีให้เลือก 2 รุ่น ได้แก่ รุ่น HYBRID ราคา 1,659,000 บาท และ รุ่น HYBRID TECH ราคา 1,849,000 บาท โดยมีให้เลือก 4 สี ได้แก่ สีเทาโมเดิร์นสตีล (เมทัลลิก) สีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก) สีขาวออร์คิด (มุก) และสีดำคริสตัล (มุก) มาพร้อมสีภายในห้องโดยสาร 3 สี ได้แก่ สีเบจ สีดำ และสีใหม่ คือ สีน้ำตาล
หมายเหตุ:
– อุปกรณ์มาตรฐานแตกต่างกันในแต่ละรุ่น
– สีภายใน แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับสีภายนอก
– สีดำคริสตัล (มุก) เพิ่มเงิน 8,000 บาท และ สีขาวออร์คิด (มุก) เพิ่มเงิน 12,000 บาท
เรื่อง: พุทธิ ผาสุข
เรียบเรียงข้อมูลโดย กรังด์ปรีซ์ออนไลน์ GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th