ผู้ที่ถือใบขับขี่ตลอดชีพหรือมีโอกาสได้ทำใบขับขี่ประเภทนี้ก่อนที่จะมีการยกเลิกการทำไปในปีพ.ศ. 2546 แล้วคิดว่าสะดวกกว่าผู้ที่ทำใบขับขี่ภายหลังซึ่งต้องต่ออายุใหม่ทุก 5 ปี อาจต้องมีความยุ่งยากขึ้นมาอีกเล็กน้อย เพราะจากข่าวอุบัติเหตุดังก่อนหน้านี้ที่มีผู้ขับรถซึ่งมีอายุถึง 96 ปีเกี่ยวข้อง จนมีการตั้งข้อสงสัยถึงความสามารถในการขับรถของผู้สูงอายุ รวมทั้งอุบัติเหตุหลายครั้งยังเกิดจากการมีผู้สูงอายุเข้ามาเกี่ยวข้อง กรมการขนส่งทางบกจึงเกิดแนวคิดเรียกผู้ถือใบขับขี่ตลอดชีพกลับมาทดสอบใหม่

นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบกได้เปิดเผยว่ามีแนวคิดเรื่องเรียกผู้ครอบครองใบขับขี่ตลอดชีพกลับมาทดสอบซ้ำ เนื่องจากอุบัติเหตุที่เพิ่มมากขึ้นในปัจจุบัน ประกอบกับผู้ขับขี่รถที่อายุมากขึ้นอาจมีสมรรถภาพร่างกายไม่เหมือนกับตอนที่มาทำใบขับขี่วันแรก ซึ่งสภาพร่างกายที่ทรุดโทรมตามอายุ อาจทำให้เกิดปัญหาเรื่องการมองเห็น หรือการได้ยินไม่สมบูรณ์เหมือนเดิม และอาจก่อให้เกิดอันตรายระหว่างการขับขี่ทั้งต่อตนเองและผู้ร่วมทางคนอื่นได้

โดยทางอธิบดีกรมการขนส่งทางบกได้บอกว่าจะมีการหารือร่วมกันกับรองอธิบดีฝ่ายปฏิบัติการ กรมการขนส่งทางบกให้มีการจัดตั้งโครงการเรียกผู้ขับขี่รถ และมีใบอนุญาตแบบตลอดชีพกลับมารับการทดสอบอีกครั้งตามที่ทำการขนส่งทางบกทั่วประเทศ

อย่างไรก็ตามหลังข่าวนี้ออกมาจนทำเกิดประเด็นวิพากษ์วิจารณ์บนโลกโซเชียลอย่างมาก ล่าสุดทางอธิบดีกรมการขนส่งทางบกจึงออกมายืนยันเรื่องแนวคิดเรียกผู้ถือใบขับขี่ตลอดชีพกลับมาทดสอบใหม่ว่า “จะไม่มีการทดสอบใหม่แน่นอน แต่ในอนาคตอาจมีการทดสอบสมรรถภาพทางร่างกาย เพราะในที่ประชุมยกระดับมาตรฐานการขับขี่มองว่า คนขับรถที่เป็นผู้สูงวัยและมีใบขับขี่ตลอดชีพบางส่วนอาจมีปัญหาทางการได้ยิน ปัญหาสายตา และปัญหาสุขภาพ ดังนั้นเมื่อปรับปรุงใบขับขี่เป็น Electronic QR Code หรือแบบสมาร์ทการ์ด ก็ควรที่จะเรียกผู้มีใบขับขี่ตลอดชีพมาทดสอบสมรรถภาพทางร่างกายอีกครั้ง ถือเป็นความปลอดภัยต่อตัวท่านเองและผู้ร่วมทางด้วย”

รวมทั้งยังบอกเพิ่มว่า “การทดสอบสมรรถภาพทางร่างกายของผู้ถือใบขับขี่ตลอดชีพ ทางกรมการขนส่งทางบกยังไม่มีการกำหนดมาตรการหรือแนวทางการดำเนินงานเพราะอยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้”

เรื่อง: กองบรรณาธิการ

เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE

ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th