ไทยเตรียมรับมือ-นับถอยหลัง 4 ปี จีนประกาศเปิดเสรีค่ายรถยนต์ต่างชาติถือหุ้น 100%
กลายเป็นข่าวสั่นสะเทือนวงการรถยนต์โลกอีกครั้ง หลังจากรัฐบาลจีน ประกาศเปิดเสรีอุตสาหกรรมรถยนต์ ยอมให้ผู้ผลิตยักษ์ใหญ่ต่างชาติถือหุ้นแบบร้อยเปอร์เซ็นต์เต็มในการเข้ามาลงทุนที่แดนมังกรนับตั้งแต่ปี 2022 โดยไม่ต้องจับมือกับแบรนด์รถยนต์ท้องถิ่นเหมือนในปัจจุบัน และเชื่อว่าเป็นแผนสำคัญสู่การเป็นฐานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของโลกอีกด้วย
ตามแถลงการณ์ของรัฐบาลปักกิ่ง เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ระบุว่าจะยกเลิกข้อกำหนดการลงทุนของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ต่างชาติที่สามารถถือหุ้นสูงสุด 50 เปอร์เซ็นต์ที่มีมายาวนานตั้งแต่ปี 1994 โดยเริ่มจากรถยนต์พลังงานไฟฟ้า และเครื่องยนต์ลูกผสมปลั๊ก-อิน ไฮบริด ภายในปีนี้ ก่อนจะตามด้วยรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ในปี 2020 และขยายสู่รถยนต์นั่ง (Passenger Car) ในปี 2022
ความเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เกิดขึ้นเพียง 1 สัปดาห์หลังจาก สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ขึ้นกล่าวปราศรัยระหว่างงานสัมนา Boao Forum for Asia ที่เกาะไห่หนาน โดยแสดงความมุ่งมั่นจะเปิดกว้างทางเศรษฐกิจด้วยการพิจารณาลดภาษีนำเข้าสินค้าต่างๆ รวมถึงรถยนต์ เพื่อลดความตึงเครียดทางการค้าที่โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ พยายามสร้างแรงกดดันอย่างหนักมาตลอด
บรรดานักวิเคราะห์มองว่าผลประโยชน์หลักที่อุตสาหกรรมรถยนต์จีนจะได้รับในระยะสั้น จะเป็นการผลิตรถยนต์พลังงานทางเลือกจากเดิมที่มีค่ายระดับโลกที่คุ้นชื่อกันดีอย่าง เมอร์เซเดส-เบนซ์, บีเอ็มดับเบิ้ลยู, โฟลค์สวาเก้น, โตโยต้า, ฮอนด้า, นิสสัน ฯลฯ จะมีผู้เล่นใหม่อย่าง เทสล่า แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าชื่อดังเข้ามาลงทุน หลังจากพวกเขามีแผนจะตั้งโรงงานผลิตขึ้นที่เมืองเซียงไฮ้
เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา Elon Musk ประธานบริหารเทสล่า ออกมาให้ความเห็นว่าข้อกำหนดการลงทุนในอุตสาหกรรมรถยนต์จีน มีความเข้มงวดมากเกินไป จนทำให้เกิดความไม่ยุติธรรมในการแข่งขันทั้งที่เป็นประเทศซึ่งถูกคาดหมายว่าจะมีการเติบโตของรถยนต์พลังงานไฟฟ้ารวดเร็วที่สุดของโลกก็ตาม
Did you Know? จีนเป็นตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดของโลก โดยปีที่ผ่านมามียอดขาย 770,000 คัน +53% จากปี 2016 ด้วยการใช้ข้อกำหนดโควตาการจำหน่ายและมาตรฐานความประหยัดเชื้อเพลิงเพื่อให้ผู้ผลิตรถยนต์ต่างชาติช่วยเร่งพัฒนาเทคโนโลยีแบตเตอรี่ร่วมกับผู้ผลิตชิ้นส่วนในประเทศ
ชาร์ตอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างค่ายรถยนต์จีนกับแบรนด์ต่างชาติ ข้อมูล: Bloomberg
อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์อุตสาหกรรมรถยนต์มองว่าต้องใช้เวลาติดตามสถานการณ์อีกระยะหนึ่งว่าจะส่งผลกระทบโดยตรงกับบรรดาผู้ผลิตรถยนต์รายเดิม โดยส่วนหนึ่งมองว่าอาจเกิดความเสี่ยงทางธุรกิจมากขึ้นหากไม่จับมือเป็นพันธมิตรกับค่ายรถยนต์แดนมังกรที่เกือบทั้งหมดได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีน
ผู้บริหารระดับสูงที่ไม่เปิดเผยชื่อของเจเนอรัล มอเตอร์ส ผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำสัญชาติอเมริกัน ที่มีการลงทุนร่วมกับเอสเอไอซี มอเตอร์ คอร์ป ในประเทศจีน ให้ความเห็นว่า “การเติบโตของบริษัทในประเทศจีนเป็นผลลัพธ์จากการทำงานร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจที่เราสามารถเชื่อถือได้”
ในปี 2017 เจเนอรัล มอเตอร์ส ที่มีแบรนด์ย่อยทำตลาดในแดนมังกรทั้ง Chevrolet, Cadillac, Buick และ Baojun สามารถทำยอดขายเป็นสถิติใหม่ 4.04 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 4 เปอร์เซ็นต์จากปี 2016
Fact: นับตั้งแต่ปี 2009 จีน กลายเป็นตลาดรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดของโลกแทนที่สหรัฐฯ โดยปี 2017 รถยนต์ซีดาน, เอสยูวี และมินิแวน มียอดขายรวม 24.8 ล้านคัน โดยราว 55% เป็นแบรนด์อเมริกา, ยุโรป, ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้
เช่นเดียวกับ นิสสัน มอเตอร์ และฮอนด้า ค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นที่มีตงฟง มอเตอร์ เป็นพันธมิตรร่วมกัน แสดงความเห็นในทำนองเดียวกันว่าต้องใช้เวลาประเมินสถานการณ์นโยบายใหม่ของรัฐบาลจีน ก่อนจะตัดสินใจแผนการลงทุนในอนาคต
ตอนนี้ยังไม่มีค่ายรถยนต์รายใดแสดงท่าทีที่ชัดเจน หลังการตัดสินใจเปลี่ยนแปลงนโยบายของรัฐบาลปักกิ่ง แต่ส่งผลให้ราคาหุ้นของผู้ผลิตรถยนต์แดนมังกรไม่ว่าจะเป็น บีเอไอซี มอเตอร์, ตงฟง มอเตอร์, บริลเลียนซ์ ออโต้, กว่างโจว ออโตโมบิล และเอสเอไอซี ร่วงกราวรูดในช่วงเปิดตลาดที่ฮ่องกง และเซียงไฮ้ เมื่อเช้าวันพุธที่ 18 เมษายนที่ผ่านมา
ข้อกำหนดการลงทุนของรัฐบาลจีนที่รู้จักกันในชื่อ “50:50 Rule” เป็นเหมือนการซื้อเวลาให้ผู้ผลิตรถยนต์แดนมังกรเพื่อพัฒนาเทคโนโลยี และสร้างความแข็งแกร่งให้แบรนด์ของตัวเองเพื่อให้พร้อมสำหรับการเปิดเสรีอุตสาหกรรมยานยนต์ ทำให้อีกมุมหนึ่งการเตรียมจะยกเลิกข้อกำหนดนี้แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลจีนมีความมั่นใจว่าพร้อมจะแข่งขันกับบริษัทรถยนต์ระดับโลก
ความเห็นจาก Yale Zhang นักวิเคราะห์ของ Automotive Foresight สรุปสถานการณ์ตอนนี้ได้ชัดเจนมากที่สุด “การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะกระตุ้นให้บริษัทรถยนต์จีน เพิ่มความแข็งแกร่งให้แบรนด์ของตัวเองเร็วขึ้นกว่าที่จะรอให้บริษัทต่างชาติที่ร่วมทุนคอยป้อนอาหารให้เหมือนในอดีต และหลังจากผ่านมาหลายปีในสายตาของบริษัทรถยนต์ต่างชาติมองว่าพันธมิตรจีนของพวกเขามีส่วนในการสนับสนุนแบรนด์ และพัฒนารถยนต์เพียงเล็กน้อยเท่านั้น”
เรื่อง: พูนทวี สุวัตถิกุล
ขอบคุณข้อมูล: autonews.com/bloomberg.com
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th