กระจกมองข้าง ปรับอย่างไรไม่ให้มีจุดบอด
แม้รถยนต์แทบทุกรุ่นในปัจจุบันจะมีการทำงานเตือนผู้ขับเมื่อมีรถเข้ามาในจุดบอด เพื่อช่วยให้ความปลอดภัยมากขึ้น แต่ก็ไม่ได้มีครบในทุกรุ่นย่อย เพราะมักเป็นการทำงานที่อยู่ในรุ่นย่อยสูงๆ เท่านั้น ทำให้ผู้ซื้อรถที่ไม่มีการทำงานนี้มาด้วย หรือผู้ที่ขับรถรุ่นเก่าที่ไม่ว่ารุ่นย่อยใดก็ไม่มีการทำงานเตือนเมื่อมีรถเข้ามาในจุดบอดต้องทำการปรับ กระจกมองข้าง ของรถด้วยตนเอง เพื่อให้มีจุดบอดน้อยที่สุดในขณะเดินทาง
อย่างไรก็ตามก่อนจะไปถึงขั้นตอนการปรับกระจกมองข้างเพื่อไม่ให้เกิดจุดบอดสิ่งแรกที่ควรรู้ก็คือความหมายของจุดบอดว่าจริงๆ แล้วคืออะไร จุดบอดหรือมุมอับสายตาคือพื้นที่ด้านข้างของรถที่ไม่สามารถมองเห็นได้ในระยะการมองของผู้ขับรถหรือในกระจกมองข้างและกระจกมองหลัง
ปรับกระจกมองข้างเพื่อลดจุดบอด
สิ่งแรกที่ต้องปรับคือกระจกมองข้างฝั่งผู้ขับ โดยการปรับกระจกมองข้างให้ขนานกับพื้นและหันออกจนกระทั่งมองเห็นด้านข้างของรถน้อยที่สุด
ส่วนการปรับกระจกมองข้างฝั่งผู้โดยสารหรือฝั่งซ้าย ก็ไม่แตกต่างกับการปรับฝั่งผู้ขับที่ควรปรับกระจกมองข้างมองเห็นด้านข้างของรถน้อยที่สุด หรือเห็นด้านข้างของรถบางๆในกระจกมองข้าง
เมื่อปรับกระจกมองข้างอย่างถูกต้อง กระจกจะลดจุดบอดให้เหลือน้อยที่สุดจนวัตถุอย่างคนขี่จักรยานหรือคนเดินถนนไม่ถูกบังจนมองไม่เห็นอย่างสมบูรณ์ และมองเห็นได้เพียงพอจะว่าวัตถุนั้นอยู่ตำแหน่งใด
ปรับกระจกมองข้างตามคำแนะนำของ Society of Automotive Engineering
เมื่อปี 1995 ทาง Society of Automotive Engineering หรือ SAE ได้มีการเผยแพร่คำแนะนำในการปรับกระจกมองข้างเพื่อลดจุดบอดออกมา ซึ่งวิธีการอาจไม่คุ้นเคยสำหรับผู้ขับรถทั่วไปนัก แต่จะเป็นการเพิ่มมุมด้านหลังและด้านของรถให้กว้างขึ้น คือปรับให้กระจกมองข้างทั้ง 2 ฝั่งหันออกมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้จนกระทั่งภาพที่ปรากฏในขอบด้านในของกระจกมองข้างฝั่งนั้นเหลื่อมกับภาพที่ขอบฝั่งเดียวกันของกระจกมองหลังเล็กน้อยหรือแสดงภาพต่อเนื่องกับกระจกมองหลัง ซึ่งเมื่อทำอย่างถูกต้องจะส่งผลให้ไม่มีจุดบอด เพราะเมื่อรถด้านหลังพ้นระยะของกระจกมองหลังก็จะปรากฏในกระจกมองข้าง
อย่างไรก็ตามการปรับกระจกมองข้างตามคำแนะนำของ SAE ทำให้ต้องมองกระจกมองหลังเพื่อดูว่ากำลังมีรถขับขึ้นมาจากด้านหลังหรือไม่อยู่เสมอ ในขณะที่กระจกมองข้างจะถูกใช้เมื่อรถที่กำลังผ่านเข้ามาพ้นระยะของกระจกมองหลังแล้ว รวมทั้งอาจทำให้ผู้ขับรถรู้สึกแปลกและไม่มั่นใจเพราะมองไม่เห็นด้านข้างของรถตัวเอง การปรับกระจกตาม SAE จะช่วยให้ไม่ต้องหันมองข้ามไหล่ตัวเองเมื่อจะเปลี่ยนเลน
ปรับกระจกมองหลังร่วมด้วย
หนึ่งในวิธีช่วยลดจุดบอดที่สำคัญคือการใช้กระจกมองหลังร่วมกับกระจกมองข้าง ซึ่งหน้าที่ของกระจกมองหลังคือทำให้ผู้ขับสามารถมองเห็นทุกสิ่งด้านหลังรถได้ ดังนั้นวิธีปรับกระจกมองหลังที่ถูกต้องคือปรับเพื่อให้มองเห็นกระจกมองหลังทั้งหมดจากตำแหน่งของผู้ขับ รวมทั้งหากมีสิ่งใดที่จะบดบังการมองเห็นของกระจกมองหลังก็ควรนำออกไป นอกจากนี้สิ่งสำคัญในการใช้กระจกมองหลังคือผู้ขับรถจะต้องเพียงแค่ชำเลืองมองเท่านั้นไม่ใช่หันไปมอง
ตรวจสอบหลังการปรับกระจก
หลังการปรับกระจกมองข้างแล้วควรจะมีมุมมองที่กว้างเห็นทุกสิ่งที่เกิดขึ้นด้านหลังรถ โดยสามารถตรวจสอบได้ในขณะจอดรถขนานกับถนน แล้วดูรถที่เคลื่อนที่ผ่านกระจกเข้ามาในมุมมองของผู้ขับ เพื่อช่วยให้รู้ว่าจะต้องปรับกระจกมองข้างใหม่หรือไม่ก่อนนำรถออกไปขับ
อย่างไรก็ตามหลังการตรวจสอบการปรับกระจกมองข้างโดยจอดรถขนานกับถนนแล้ว เมื่อขับรถบนถนนก็ควรมีการตรวจสอบจุดบอดด้วย โดยเมื่อขับรถบนถนนที่มี 3 ช่องทางการจราจรโดยอยู่ในช่องจราจรกลาง ให้สังเกตรถที่อยู่ในช่องจราจรขวาที่กำลังเคลื่อนที่เข้ามา โดยไม่ต้องขยับศรีษะแต่ใช้การชำเลืองดูกระจกหลัง แล้วมองตามขณะที่กำลังเข้ามาใกล้ และก่อนที่รถคันนั้นจะหายไปจากกระจกหลัง ด้วยการชำเลืองมองกระจกมองข้างฝั่งขวาก็จะสามารถมองเห็นรถคันนั้นได้และสามารถมองตามได้ขณะที่รถกำลังผ่านไป โดยก่อนที่จะไม่เห็นรถในกระจกมองข้างควรจะสังเกตเห็นรถคันนั้นได้ในมุมมองของตัวเอง
ส่วนการตรวจสอบกระจกมองข้างฝั่งซ้ายจะทำในลักษณะตรงกันข้ามกับฝั่งขวา โดยเริ่มจากการมองเห็นรถที่คุณกำลังผ่านในช่องจราจรซ้ายในระยะมุมมองของตนเอง ก่อนที่จะมองเห็นในกระจกมองข้างฝั่งซ้าย แล้วเห็นรถที่เพิ่งผ่านไปในกระจกมองหลัง
เรื่อง : กองบรรณาธิการ
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th