กล้องข้างรถ มุมมองใหม่ด้านข้างรถเพื่อลดจุดบอด
ก่อนหน้านี้การทำงานเตือนเมื่อมีรถเข้ามาในจุดบอดหือมุมอับสายตาเป็นสิ่งใหม่ที่มีให้ใช้ในรถยนต์หรูหรือรุ่นสูงๆ เท่านั้น แต่ต่อมาก็เริ่มเข้ามาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในรถยนต์รุ่นต่างๆ มากขึ้นเรื่องๆ และตอนนี้เทคโนโลยีใหม่ที่สามารถช่วยลดปัญหาเรื่องจุดบอดทั้งในขณะขับรถหรือจอดรถได้ รวมไปถึงมีการทำงานต่างๆ ที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการเดินทางมากขึ้นอย่างการใช้กล้องติดตั้งที่ประตูหน้าในตำแหน่งของกระจกมองข้างโดยหันไปด้านหลังของรถพร้อมกับใช้จอแสดงภาพในห้องโดยสารก็เริ่มมีการนำมาใช้ในรถยนต์บางรุ่น ซึ่งแม้จะดูเหมือนว่าเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ใช้เพื่อผลด้านการตลาด และยังมีใช้น้อยอยู่ แต่ลองมาดูว่ากล้องที่ใช้เพื่อแสดงภาพแทนกระจกมองข้างซึ่งปัจจุบันมีใช้ในรถสำหรับใช้งานทั่วไป 3 รุ่นจริงๆ แล้วมีการทำงานอย่างไร และช่วยให้ชีวิตดีขึ้นได้หรือไม่ กล้องข้างรถ
Lexus – Digital Side-View Monitor
Lexus เป็นผู้ผลิตรถยนต์รายแรกที่เริ่มนำเอาเทคโนโลยีกล้องแสดงภาพบนจอในห้องโดยสารมาใช้กับรถยนต์ในสายการผลิตจำนวนมากตามปกติ โดยเรียกการทำงานนี้ว่า Digital Side-View Monitor และเริ่มใช้กับเฉพาะรุ่น ES ที่ขายในญี่ปุ่นก่อน ซึ่งทาง Lexus ใช้กล้องที่อยู่ในกรอบรูปทรงเพรียว เสริมแอโรไดนามิกของรถพร้อมกับช่วยลดเสียงลมรวมไปถึงมีระบบปรับความอุ่นเพื่อป้องกันน้ำแข็งและฝ้า ร่วมกับจอสีขนาด 5 นิ้วที่ติดอยู่ฐานเสาเอในห้องโดยสาร
ทาง Lexus ระบุว่าระบบแสดงภาพแทนกระจกมองข้างของตนจะมีการเพิ่มมุมแสดงภาพด้านข้างและด้านหลังของรถอัตโนมัติเมื่อผู้ขับเปิดไฟเลี้ยวหรือเปลี่ยนเป็นเกียร์ถอยหลัง และนอกจากนี้ผู้ขับยังสามารถปรับเพื่อเพิ่มมุมมองด้วยตนเองในสถานการณ์ที่ต้องระวังพื้นที่รอบข้างรถได้ และเมื่อเลี้ยวหรือถอยหลังเสร็จระบบจะกลับมาแสดงภาพในมุมมองแบบเดิม โดยที่ผู้ขับรถสามารถปิดการทำงานปรับการแสดงภาพอัตโนมัติได้หากรู้สึกรำคาญการเปลี่ยนขนาดภาพไปมาขณะถอยหลังและเดินหน้าเพื่อจอดรถ
อีกสิ่งที่ช่วยเพิ่มความสะดวกของ Digital Side-View Monitor คือสามารถแสดงเส้นไกด์ไลน์เพื่ออ้างอิงบนจอได้ โดยเมื่อจะจอดรถ ระบบจะแสดงเส้นเพื่อแสดงระยะห่าง 20 และ 50 ซม. จากกันชนหลัง รวมทั้งเส้นแสดงระยะห่างจากด้านข้างรถ 50 ซม. นอกจากนี้ยังสามารถใช้เพื่อเพิ่มความปลอดภัยด้านหน้าของรถเมื่อขับรถตามปกติด้วยการแสดงเส้นระยะ 5, 10 และ 15 เมื่อใช้ความเร็วไม่เกิน 70 กม./ชม. แต่หากขับรถด้วยความเร็วสูงกว่านี้จะแสดงเส้นด้านหน้ารถที่ระยะ 5, 10, 15 และ 30 เมตร
นอกจากนี้ระบบ Digital Side-View Monitor ยังมาพร้อมกับเซ็นเซอร์ปรับแสดงอัตโนมัติเพื่อลดแสงแกลร์หรือแสงสะท้อนจากไฟหน้ารถเมื่อขับตอนกลางคืนเพื่อการแสดงภาพที่ชัดเจน รวมทั้งพับเก็บกล้องอัตโนมัติเมื่อจอด
Audi – Virtual Exterior Mirrors
จริงๆ แล้ว Audi ได้มีการเปิดเผยว่าจะมีการใช้ Virtual Exterior Mirrors หรือกล้องเพื่อแสดงภาพในห้องโดยสารแทนกระจกมองข้างแบบเดิมกับรถไฟฟ้า e-Tron มาก่อนที่ Lexus จะเปิดตัว Digital Side-View Monitor แต่เนื่องจากทาง Lexus เปิดตัวระบบใช้กล้องแทนกระจกมองข้างกับ ES ก่อนการเปิดตัว e-Tron ไม่กี่วัน จึงทำให้รับตำแหน่งรถยนต์ที่มีการผลิตจำนวนมากรุ่นแรกที่ใช้กล้องข้างไป ทำให้ทาง Audi ต้องเคลมว่าเป็นรถไฟฟ้ารุ่นแรกที่ใช้กล้องแทนกระจกมองข้างแทน
ข้อมูลเกี่ยวกับ Virtual Exterior Mirrors ที่ทาง Audi เปิดเผยออกมาคือใช้กล้องขนาดเล็กความละเอียด 1,280 x 1,080 พิกเซล ซึ่งสามารถปรับความสว่างอัตโนมัติตามสภาพแสง พร้อมมีระบบปรับความอุ่นเพื่อป้องกันกล้องเป็นฝ้าหรือน้ำแข็ง ส่วนจอที่แสดงภาพในห้องโดยสารมีรูปทรง 4 เหลี่ยมคางหมูโดยมีขนาดเส้นทแยงมุม 7 นิ้วเป็นจอ OLED ความละเอียด 1,280 x 800 พิกเซลที่ปรับความสว่างอัตโนมัติ โดยเมื่อผู้ขับนำนิ้วไปไว้ใกล้จอจะปรากฏสัญลักษณ์ขึ้นมาเพื่อให้ปรับตำแหน่งของภาพหรือขยับตำแหน่งกล้องทั้งฝั่งตนเอง และฝั่งผู้โดยสาร
ทาง Audi อ้างว่าด้วยการประมวลผลภาพจึงทำให้การแสดงภาพบนจอแบบใหม่ของตนดีกว่าการใช้กระจกมองข้างแบบเดิมในสถานการณ์ต่างๆ อย่างเมื่อมีแสงแดดมากระทบกระจกโดยตรง ส่วนการทำงานของ Virtual Exterior Mirrors นอกจากการแสดงภาพปกติแล้วจะมีการปรับ 3 โหมดอัตโนมัติตามลักษณะการขับคือ Highway, Turning และ Parking โดยเมื่อขับที่ความเร็วสูงกว่า 90 กม./ชม. และมีข้อมูลจากระบบนำทางว่าอยู่บนไฮเวย์ โดยระบบจะลดมุมแสดงภาพลงเพื่อให้ผู้ขับประเมินความเร็วของรถในขณะขับด้วยความเร็วได้ดีขึ้น แต่เมื่อมีการสัญญาณว่าจะเลี้ยวหรือเปลี่ยนเลนโดยการเปิดสัญญาณไฟ จะมีการขยายมุมมองด้านข้างมากขึ้นเพื่อลดจุดบอด และหากผู้ขับเข้าเกียร์ถอย จะมีการขยายมุมด้านล่างมากขึ้น
Honda – Side Camera Mirror System
Honda เลือกใช้ระบบกล้องดิจิตอลกับจอเพื่อแสดงภาพในห้องโดยสารกับ E รถไฟฟ้ารุ่นแรกของตน พร้อมกับชูจุดเด่นในเรื่องต่างๆ ของการใช้กล้องร่วมกับจอขนาด 6 ในห้องโดยสาร โดยสิ่งแรกที่ถูกหยิบขึ้นมาคือการลดการต้านอากาศของแอโรไดนามิกของรถลงได้ถึง 90 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับกระจกมองข้างแบบเก่า ซึ่งส่งผลไปถึงการเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พลังงานขึ้น 3.8 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้ยังยังช่วยลดเสียงลมเมื่อขับที่ความเร็วสูง
สำหรับการทำงานของ Side Camera Mirror System จะเลือกได้ระหว่าง Normal View หรือ Wide View โดยทาง Honda ระบุว่าหากเลือกแบบแรกจะแสดงภาพที่กว้างขึ้น 10 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับกระจกมองข้างปกติ และหากเลือกแบบหลังจะขยายการแสดงภาพขึ้นถึง 50 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้เมื่อเลือกเกียร์ถอยหลังจะมีทั้งการแสดงเส้นไกด์ไลน์แสดงด้านข้างของจอพร้อมกับเพิ่มมุมภาพให้กว้างขึ้น โดยจอภายในห้องโดยสารมีการปรับความสว่างอัตโนมัติตามลักษณะของแสง รวมไปถึงไม่มีปัญหาเรื่องแสงสะท้อนให้รำคาญเมื่อขับตอนกลางคืน กล้องข้างรถ
นอกจากรถยนต์สำหรับใช้งานทั่วไป 3 รุ่นข้างต้นที่มีตั้งแต่รถไฟฟ้าขนาดเล็ก รถไฟฟ้าเอสยูวี และรถซีดานหรูแล้ว ยังมีรถสมรรถนะสูงระดับไฮเปอร์คาร์อย่าง Lotus Evija, Aston Martin Valkyrie หรือ McLaren Speedtail ที่เลือกใช้กล้องสำหรับแสดงภาพแทนกระจกมองข้างทั้งเพื่อความสวยและแอโรไดนามิกของรถด้วย