การกินยาก่อนขับรถ อีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน
ยารักษาโรคต่างๆ ที่เรากินตามใบสั่งของหมอ ส่วนใหญ่มีฤทธิ์กดประสาท ส่งผลให้ประสิทธิภาพในการขับรถและการตัดสินใจแก้ไขเหตุฉุกเฉินลดลง รวมถึงอาจทำให้เกิดอาการหลับในได้ เพื่อความปลอดภัยในการเดินทางเรามีข้อแนะนำเพื่อป้องกันอาการง่วงนอนขณะขับรถจากการทานยามาฝาก การกินยาก่อนขับรถ
ปรับเวลา ในการทานยาไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการขับรถ โดยไม่ทานยาที่มีฤทธิ์ทำให้เกิดอาการง่วงนอนในช่วงก่อนและขณะเดินทาง ควรทานยาเมื่อถึงจุดหมายแล้ว หรือเปลี่ยนเวลาทานยาเป็นช่วงก่อนนอน ร่างกายจะได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ สังเกตอาการข้างเคียงจากการทานยาในระยะแรก โดยเฉพาะยาที่มีฤทธิ์กดประสาท ซึ่งมีผลข้างเคียงทำให้เกิดอาการง่วงนอน หากขับรถจะเสี่ยงต่อการหลับใน ก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้
กรณีทานยาแล้วมีอาการง่วงนอน ให้ปรึกษาแพทย์ หรือเภสัชกร เพื่อปรับเปลี่ยน ชนิดยาหรือลดปริมาณยาที่ทำให้เกิดอาการง่วงนอน กรณีทานยาที่มีฤทธิ์ทำให้เกิดอาการง่วงนอน ควรใช้บริการรถโดยสารสาธารณะ หรือให้ผู้อื่นขับแทน หากขณะขับรถมีอาการง่วงนอนจากการทานยา ควรจอดรถพักในบริเวณที่ปลอดภัย รอจนยาหมดฤทธิ์ค่อยขับรถไปต่อ ไม่ควรฝืนขับรถในขณะที่มีอาการง่วงนอน เพราะจะทำให้หลับใน ก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้
ข้อห้ามในการทานยาเพื่อป้องกันอุบัติเหตุง่วงแล้วขับ
หลีกเลี่ยงการทานยาที่ทำให้เกิดอาการง่วงนอนก่อนขับรถ โดยเฉพาะยาแก้ปวด ยาคลายกล้ามเนื้อ ยาแก้แพ้ เพราะจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มบำรุงกำลังควบคู่กับยาที่มีฤทธิ์ทำให้เกิดอาการง่วงนอน เพราะอาจบีบหัวใจ กระตุ้นสมอง ตาค้าง มึนงง ทำให้เกิดอาการหลับในขณะขับรถได้
ห้ามทานยาร่วมกับเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ โดยเฉพาะกรณีที่จำเป็นต้องขับรถ เพราะนอกจากจะมีอาการเมาแล้ว ยังส่งผลให้ง่วงนอนเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า ทั้งนี้ การปฏิบัติตามคำแนะนำเพื่อป้องกันอุบัติเหตุง่วงแล้วขับจากการทานยา และข้อห้ามในการทานยา จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุจากการหลับใน และเพิ่มความปลอดภัยในการเดินทาง
เรื่อง: กองบรรณาธิการ
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th