การตรวจเช็คแบตเตอรี่ว่ามีความเสื่อมหรือไม่??
เคยสงสัยไหมว่าทำไม แบตเตอรี่ ที่เราใช้อยู่ทุกวันบนรถยนต์ทำไมมันถึงเสื่อมทั้งที่น้ำกลั่นก็เต็ม หรือตาแมวยังแสดงสัญลักษณ์ไฟเต็มปกติอยู่แต่ทำไมสตาร์ทรถไม่ติด ถ้าไม่อยากจอดเสียเวลาข้างทางเราเรามีข้อแนะนำในการตรวจเช็คแบตเตอรี่เบื้องต้นมาฝาก
- เสื่อมสภาพตามอายุการใช้งาน ถ้าแบตเตอรี่ที่ติดรถมีอายุการใช้งานเกิน 15 เดือนขึ้นไป (แบตเตอรี่จะมีการตอกตัวเลขวันใช้งานที่ตัวแบตเตอรี่จากร้านที่จำหน่าย) แล้วมีอาการเสียงไดสตาร์ทเรื่องยาวหรือมีจังหวะเว้นห่างสันนิษฐานก่อนได้ว่าแบตเตอรี่เสื่อม
- ไดชาร์จมีปัญหา มาตรฐานกระแสไฟไดชาร์จโดยมาตรฐานแล้วจะอยู่ในช่วงดังต่อไปนี้ ขณะติดเครื่องยนต์อย่างเดียว ไม่ได้เปิดไฟ, แอร์, เครื่องเสียง, เร่งเครื่องค่ากระแสไดชาร์จ จะต้องอยู่ระหว่าง 5 V. – 14.5 V. เสมอ (บวกลบได้ไม่ควรเกิน 0.5 V) ขณะขับขี่ มีการ เปิดไฟ, แอร์, เครื่องเสียง, เร่งเครื่องทั้งหมดค่ากระแสไดชาร์จ จะต้องอยู่ระหว่าง 13.0 V. – 14.5 V. เสมอ (บวกลบได้ไม่ควรเกิน 0.3 V) ถ้ากระแสไดชาร์จ เกินกว่ามาตรฐาน จะทำให้ไฟชาร์จเข้าไปในแบตเตอรี่ เกินปกติทำให้แบตเตอรี่มีอาการบวม ร้อน จนแบตเตอรี่เสื่อมไปในที่สุด
แบตเตอรี่ เสื่อม เสีย แก้ไขอย่างไร
- เปลี่ยนแบตเตอรี่ลูกใหม่ เพราะถ้าแบตเตอรี่เสื่อมแล้วจะไม่สามารถเก็บไฟได้อยู่จะมีอาการแรงไม่มีตลอด แม้ว่าจะชาร์จกี่ครั้งก็ตาม
- จัมป์แบตเตอรี่ใช้ชั่วคราว ให้หาแบตเตอรี่ลูกอื่นมาทำการจัมป์ช่วยแบตเตอรี่ที่มีปัญหา เมื่อจัมป์สตาร์ทติดแล้วให้ขับรถให้นานที่สุด เพื่อที่ไดชาร์จของรถจะได้ทำการชาร์จไฟเข้าไปในตัวแบตเตอรี่ได้เต็มที่ จากนั้นรีบไปยังร้านแบตเตอรี่ที่มีมาตรฐานเพื่อทำการเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ลูกใหม่ต่อไป
**ข้อควรระวัง ในการจัมป์แบตเตอรี่ ให้นำแบตเตอรี่ที่ขนาดใหญ่กว่ามาช่วยแบตเตอรี่ลูกที่มีปัญหาเสมอและ ระวังเรื่องการจัมป์สลับขั้วให้มากที่สุด เพราะอาจทำให้เกิดการช็อตส่งผลถึงฟิวส์รถขาดได้
เรื่อง: กองบรรณาธิการ
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th