การแก้ปัญหาฉุกเฉิน เพื่อเอาตัวรอดถ้าเกิดเหตุเหล่านี้
- เครื่องดับกลางอากาศ
อาจจะเป็นเพราะความบกพร่องอย่างใดอย่างหนึ่งของเครื่องยนต์ทั้งในส่วนระบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือเมคานิกอย่างสายพานราวลิ้นขาด ทำให้เครื่องยนต์อยู่ดีๆ ก็ดับไปซ่ะอย่างนั้น ของอย่างนี้ไม่ต้องตกใจ โดยเฉพาะหลายคนที่กดเบรกแล้วปรากฏว่ากดไปได้แค่ทีหรือ 2 ทีแป้นเบรกก็แข็งโป้กขึ้นมา ไม่สามารถกดลงไปได้อีก
ทางออกคือ ต้องมีสติ แล้วใช้ทางออกเหมือนกับเวลาเบรกแตก เพียงแต่คราวนี้ต้องพึ่งแค่การลดตำแหน่งเกียร์กับการดึงเบรกมือเข้าช่วย พร้อมกับเปิดไฟฉุกเฉินเพื่อบอกให้รถคันอื่นทราบ ซึ่งถ้าแล่นมาด้วยความเร็วไม่มาก สัก 50-60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และการจราจรบนถนนไม่แน่นมาก ก็คงไม่ใช่เรื่องยากในการนำรถเข้าจอดข้างทาง
- ลืมกุญแจเอาไว้ในรถ
สำหรับรถยนต์รุ่นเก่าๆ ที่ไม่มีระบบอิเล็กทรอนิกส์ซับซ้อน ก็โทรเรียกช่างกุญแจได้เลย ส่วนรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ที่มีความซับซ้อนของระบบที่เป็นเรื่องของสัญญาณกันขโมย ควรใช้บริการของช่างที่มีความเชี่ยวชาญดีกว่า โดยโทรเข้าไปทาง Call Center ของผู้ผลิตรถยนต์แต่ละราย เพื่อขอทราบรายละเอียด และติดต่อช่างที่จะเข้ามาแก้ไข เพราะถ้าใช้วิธีทั่วไปอาจทำให้เกิดความเสียหายกับระบบได้
- ยางระเบิดขณะขับ
เป็นเหตุที่เกิดขึ้นได้ และเมื่อเกิดขึ้นแล้วต้องอาศัยสติในการแก้ไขปัญหา ซึ่งในกรณีนี้เมื่อรู้ว่ายางระเบิด หรือแตก พยายามประคองพวงมาลัยเอาไว้ให้นิ่ง พร้อมกับถอนคันเร่ง เพราะเมื่อยางระเบิด คือ ไม่ว่ายางด้านใดจะระเบิด ล้อหน้าหรือล้อหลังก็ตาม เมื่อระเบิดด้านซ้าย รถก็จะแฉลบไปด้านซ้าย แล้วก็จะสะบัดกลับและสะบัดไปด้านซ้ายอีกสลับกันไป และในทำนองตรงกันข้าม หากระเบิดด้านขวาอาการก็จะกลับเป็นตรงกันข้าม
แตะคันเร่งเบาๆ สลับกันหลายครั้งเพื่อลดความเร็ว และไม่ควรดึงเบรกมือเพราะจากการที่ล้อไม่ได้สมดุลอาจทำให้เกิดการหมุน ในรถยนต์ที่ใช้เกียร์ธรรมดา ไม่ควรเหยียบคลัตช์ เพราะนั่นเท่ากับว่ารถจะเปรียบเสมือนอยู่ในตำแหน่งเกียร์ว่าง ทำให้ไม่มีการหน่วงของเครื่องยนต์เพื่อช่วยชะลอความเร็วของตัวรถ เมื่อความเร็วลดลงอยู่ในระดับต่ำแล้ว ก็สามารถใช้การลดตำแหน่งเกียร์เพื่อช่วยชะลอความเร็วอีกทางได้ จากนั้นก็นำรถเข้าจอดข้างทาง
อุบัติเหตุร้ายแรงที่เกิดขึ้นส่วนมากก็คือ หากขณะยางระเบิดรถวิ่งอยู่ที่ความเร็วสูงมากๆ พอยางระเบิดขึ้นมารถก็จะกลิ้งทันที ทำอะไรไม่ได้ ดังนั้นการขับรถที่ใช้ความเร็วสูงๆจึงมักจะแก้ไขอะไรในเรื่องนี้ไม่ได้ เพื่อเป็นการป้องกันอุบัติเหตุร้ายแรงที่จะเกิดขึ้น ในขณะขับรถ จึงไม่ควรขับรถเร็ว (ความเร็วทีถือว่าปลอดภัยใน DEFENSIVE DRIVING คือ ความเร็วไม่เกิน 100 กิโลเมตร ต่อชั่วโมง)
รถมีเอบีเอสเบรกแล้วอย่าลืม….
เอบีเอส หรือระบบป้องกันล้อล็อกตายเวลาเบรกนั้นมีจุดประสงค์มาเพื่อทำให้ล้อไม่ล็อกตายเวลาเบรกกะทันหัน เพื่อให้คนขับสามารถหมุนพวงมาลัยพารถหักหลบสิ่งที่กีดขวางอยู่บนเส้นทางข้างหน้า ไม่ใช่ระบบที่ออกแบบมาเพื่อลดระยะเบรกอย่างที่หลายคนเข้าใจ
การใช้งานเอบีเอสให้มีประสิทธิภาพมีวิธีง่ายๆ ในกรณีที่มีอะไรโผล่ออกมาตัดหน้ารถ คือ กระแทกเบรกอย่างแรงและรวดเร็วจากนั้นก็กดค้างเอาไว้อย่างนั้น ซึ่งสิ่งที่สามารถรู้ได้ถึงการทำงานของระบบคือ แป้นเบรกจะมีการสั่นสู้เท้าเป็นระยะ และสิ่งที่ขาดไม่ได้คือ การหมุนพวงมาลัยเพื่อหักหลบสิ่งกีดขวาง หลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดการชน เพราะถ้ามีสติเพียงแค่การกดแป้นเบรกค้างเอาไว้ แต่มือไม่ยอมหมุนพวงมาลัยหักหลบ สุดท้ายเอบีเอสที่มีอยู่ในรถก็ไม่มีประโยชน์แต่อย่างใด
เรื่อง : กองบรรณาธิการ
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th