จำเป็นต้องขับรถลุยน้ำต้องทำอย่างไร
เป็นเรื่องที่หนีไม่พ้นสำหรับเมืองไทยกับการจราจรที่ต้องเจอกับถนนน้ำท่วม บอกเลยว่าตอนนี้ไม่ใช่แค่กรุงเทพฯ เท่านั้นที่เจอปัญหานี้ตอนนี้หัวเมืองจังหวัดใหญ่ๆ ก็ประสบปัญหาเช่นกัน ในเมื่อหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็ต้องรับมือเพื่อให้ผ่านอุปสรรค์ไปให้ได้แต่จะต้องทำอย่างไรบ้างมาดูกัน
อย่างแรกเลยหยั่งระดับความลึกของปริมาณน้ำบนถนนกะเกณ์ว่าระดับน้ำสูงแค่ไหน โดยสังเกตุจากรถรอบข้าง หากเกินครึ่งล้อ หรือเกิน 30 เซนติเมตร ถือเป็นความเสี่ยงในระดับสูง ไม่ควรขับผ่านเป็นอย่างยิ่ง แต่หากน้ำอยู่ในระดับไม่เกิน 30 เซนติเมตรก็สามารถขับลุยต่อไปได้
อย่าเปิดแอร์ ในกรณีที่ขับรถลุยน้ำควรปิดแอร์ทั้งระบบ (ระบบคอมเพรสเซอร์ และพัดลมแอร์) เนื่องจากกรณีน้ำสูงขึ้นมาถึงห้องเครื่อง หากพัดลมแอร์ยังทำงานอาจจะตีกับน้ำที่ท่วมจนทำให้ใบพัดหักได้ รวมถึงเป็นการตัดการทำงานของระบบไฟฟ้าเพื่อความปลอดภัยอีกด้วย
อย่างขับเร็ว บนถนนที่มีน้ำท่วมสูงเราไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าพื้นถนนที่อยู่ใต้น้ำมีสถาพอย่างไร มีวัตถุที่ไม่พึงประสงค์ถูกน้ำพัดมาหรือไม่ ดังนั้นการขับรถช้าๆ จะช่วยให้เราปลอดภัยมากยิ่งขึ้น แถยยังเป็นการช่วยเหลือเพื่อนร่วมทาง หรือรถคันอื่นที่ขับในเส้นทางเดียวกัน หรืออีกฟากฝั่งถนนด้วย เนื่องจากหากเราทำความเร็วสูง ก็จะทำให้คลื่นน้ำที่เคลื่อนตัวมาปะทะกันจะแรงขึ้นไปด้วย ซึ่งจะส่งผลให้ระดับน้ำสูงขึ้นและมีความเสี่ยงที่น้ำจะเข้าห้องเครื่องได้
อย่าจี้ตูดรถคันหน้า อย่าลืมว่าในขณะที่ขับรถลุยน้ำจานเบรกและปั๊มเบรกของเราแช่อยู่ในน้ำซึ่งทำให้ประสิทธิภาพในการเบรกลดลง ฉะนั้นการขับจี้คันหน้า เพื่อลดช่องห่าง ไม่ได้ทำให้เราถึงที่หมายได้เร็วขึ้นแต่อย่างใด หากแต่จะมีความเสี่ยงที่เพิ่มมากขึ้น
รักษารอบเครื่องยนต์ให้คงที่ การพยายามเร่งเครื่อง ด้วยความเข้าใจที่ว่า จะเป็นการไล่น้ำออกไปจากท่อไอเสีย ถือเป็นความคิดที่ผิดมหันต์ เพราะการเร่งเครื่องยนต์ในรอบสูงระดับ 3-4 พันรอบต่อนาที จะทำให้เครื่องยนต์มีความร้อนสูง และพัดลมระบายความร้อนก็จะทำงาน อาจพัดน้ำเข้าห้องเครื่องได้ ซึ่งจะส่งผลเสียคล้ายๆกับการเปิดแอร์นั่นเอง
เจอถนนไม่มีน้ำให้รีดเบรกทันที อย่าลืมว่า ชุดเบรกของคุณยังชุ่มน้ำ รวมถึงอาจจะมีเข้าไปในบางส่วงของอุปกรณ์เครื่องยนต์ ฉะนั้นเพื่อพ้นเส้นทางน้ำท่วมแล้ว ควรหยุดรถและย้ำเบรกเพื่อรีดน้ำออกให้มากที่สุด รวมถึงไม่ควรดับเครื่องทันทีเมื่อถึงที่หมาย แต่ควรจะติดเครื่องทิ้งไว้อีกราว 10-20 นาที เพื่อไล่ความชื้นในระบบออกให้หมด และหากเห็นควันพ่นออกมาจากท่อไอเสียก็ไม่ต้องตกใจ เพราะมันคือไอน้ำที่ระเหยออกมานั่นเอง
เรื่อง: กองบรรณาธิการ
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th