ขับ Outlander ไปเที่ยวชุมพร
จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในช่วงระยะเวลาเกือบสองปีที่ผ่านมา หลายคนมองหาจุดหมายที่แท้จริงของชีวิต เพราะเหตุการณ์นี้ทำให้เราเห็นแล้วว่าชีวิตคนเราสั้น และไม่มีอะไรแน่นอน
ดังนั้นในช่วงเวลาที่ยังเหลืออยู่ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะอีกยาวนานแค่ไหน อาจฟังดูเป็นการเกริ่นที่ค่อนข้างดราม่า แต่เชื่อเถอะว่า หลังจากที่คุณอ่าน และเก็บภาพบรรยากาศจากบทความนี้ของเราไป คุณจะอยากออกไปใช้ชีวิตให้มีความสุขที่สุด
แน่นอนว่าการเดินทางท่องเที่ยว กลายเป็นสิ่งที่เปรียบเสมือนลมหายใจหลักของหลายๆ คน ยิ่งช่วงปีที่ผ่านมา ผู้คนเดินทางออกนอกประเทศลำบาก หลายคนมีความเครียดสะสม จนต้องหาที่พึ่ง ครั้นจะสร้างแรงบันดาลใจด้วยการทำอาหาร ดูภาพยนตร์ ฟังเพลง เล่นติ๊กต๊อก ท่องโลกโซเชียลอยู่กับบ้าน นั่นก็เป็นเพียงความสนุกชั่วคราวที่ถูกจำกัดกรอบอยู่แต่ภายในห้องสี่เหลี่ยม เทียบไม่ได้กับการออกเดินทางไปตามหาแรงบันดาลใจกับธรรมชาติ และประสบการณ์ที่จะเกิดขึ้นระหว่างทาง
ครั้งนี้ เราอยากชวนคุณผู้อ่านทุกคน ออกไปใช้ชีวิตให้เต็มที่ ให้ร่างกายได้มีธรรมชาติโอบกอดอย่างนุ่มนวล มีเสียงของคลื่นลมทะเลที่คอยปลอบประโลม เยียวยาจิตใจให้ได้ผ่อนคลายลงจากความตึงเครียดรอบด้าน ด้วยการขับรถออกเดินทางไปยังจังหวัดชุมพร ประตูด่านแรกๆ ของภาคใต้บ้านเรา ที่หลายคนมองว่าไม่ได้มีอะไรน่าเที่ยวสักเท่าไหร่ หลายคนขับรถผ่าน หลายคนแค่แวะจอดพัก ก่อนที่จะเดินทางลงสู่จังหวัดอื่นๆ ทางภาคใต้
แต่รู้หรือไม่ว่าที่จังหวัดชุมพร มีหมู่บ้านเล็กๆ ในตำบลเล็กๆ ของอำเภอปะทิว ที่คุณไม่ต้องเสียเวลานั่งเรือข้ามเกาะ แต่เสมือนได้เข้าไปใช้ชีวิตในรูปแบบชาวเกาะอย่างสมบูรณ์ ด้วยสภาพแวดล้อมที่โอบล้อมด้วยขุนเขา หาดทราย เรือประมง และท้องทะเล กับรอยยิ้มของคนในชุมชน ที่ย้ำชัดถึงคำว่า ยิ้มสยาม ได้อย่างแท้จริง
“บ้านเกาะเตียบ” ในอำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร คือจุดหมายปลายของเราในครั้งนี้ แต่ก่อนที่จะเดินทางไปถึงเพื่อเสพ และซึมซับเอาบรรยากาศอันแสนสุข ระหว่างทางยังมีอีกหลายสถานที่ หลายเรื่องราวให้คุณได้เก็บเกี่ยว เพื่อสะสมความสุข ที่ก็เหมือนกระปุกออมสิน ถ้าคุณไม่หมั่นเติม หยอดเงินเข้ากระปุก กระปุกของคุณก็ไม่มีวันเต็ม เช่นกันกับการเดินทาง ถ้าคุณไม่หมั่นแสวงหาประสบการณ์ใหม่ๆ กับสถานที่ใหม่ๆ เพื่อเติมลงในกระปุกแห่งความสุขนั้น ชีวิตคุณก็คงไม่ถูกเติมเต็มเช่นกัน
การเดินทางของเราในครั้งนี้ เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ทั้งกับเพื่อนร่วมทาง และคนท้องถิ่นตลอดเส้นทางที่เราแวะ กรุงเทพฯ – ชุมพร กับระยะทางราว 450 กิโลเมตร ในเวลาประมาณ 6 ชั่วโมงกว่าๆ รวมการแวะพักเข้าห้องน้ำ และทานข้าว ไม่ได้นานเกินไป หากเทียบกับช่วงเวลาที่สถานการณ์ปกติ เพราะเรารู้ว่านี่อาจเป็นทริปการเดินทางไกล ครั้งแรก และครั้งเดียวในรอบปีนี้ก็เป็นได้ ไม่มีใครคาดเดาสถานการณ์การแพร่ระบาดได้เลย
จากกรุงเทพฯ สู่จังหวัดเพชรบุรี เพราะสมาชิกร่วมทางมีความต้องการลิ้มรสชาติความอร่อยของ “ทอดมัน ขนมจีน” ซึ่งหาทานได้เฉพาะที่จังหวัดเพชรบุรีเท่านั้น เพราะเป็นอาหารพื้นถิ่นที่จับคู่มาทานด้วยกันได้อย่างลงตัว มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์ ด้วยเป็นอาหารที่มีมาแต่โบราณ สะท้อนรากวัฒนธรรมของเพชรบุรีได้อย่างชัดเจน
ทอดมันของคนเพชร นิยมใช้ปลาอินทรีย์ ซึ่งเป็นปลาที่หาง่ายในแถบนั้น มีรสอร่อยเนื้อแน่น โดยผสมกับเครื่องแกง และใบกระเพรากรอบ เวลากินจะวางเส้นขนมจีนไว้ด้านล่าง วางชิ้นทอดมันไว้ด้านบนและราดด้วยน้ำจิ้มหวานๆ เปรี้ยวๆ หรืออาจาดน้ำราดอาหารของมุสลิมอินเดีย มีแตงกวาหันชิ้นเล็กๆ ผสมมาในน้ำจิ้ม บางร้านจะมีห่อหมกให้ด้วย รับประทานพร้อมกันได้ทั้งสามอย่างหรือแยกรับประทานก็ได้ อร่อยแปลกไปอีกแบบ
หลังจากอิ่มท้อง เราออกเดินทางต่อกันมาที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งจะไม่แวะเข้าไปชมวิว ก็เกรงว่าจะเสียเที่ยว
เพราะจังหวัดประจวบฯ ก็มีความสวยงามทางทะเลอีกรูปแบบหนึ่ง ด้วยความที่จังหวัดประจวบฯ เป็นช่วงคอขวด พื้นที่แคบที่สุดของประเทศไทย ชายหาดจึงมีความกว้าง และลาดเลียบลงไป มีทิวทัศน์ที่สวยงาม ธรรมชาติยิ่งบริสุทธิ์มากช่วงนี้ เพราะหลายพื้นที่จำกัดการเดินทางเข้าออกมาเป็นระยะเวลานาน และผู้คนต่างก็กลัว และระมัดระวังในการเดินทาง ทำให้ธรรมชาติมีการฟื้นตัวและสวยงามมากขึ้น บรรยากาศในริมถนนเลียบชายหาดของทะเลประจวบฯ นั้นค่อนข้างโล่ง คนน้อย มีพื้นที่ให้เราได้จอดรถริมทาง และเดินลงไปเก็บภาพความประทับใจ พร้อมสูดกลิ่นไปของทะเลและชายหาดได้อย่างชุ่มปอด
หลังจากนั้นออกเดินทางกันต่อไปยังจุดหมาย บ้านเกาะเตียบ ชุมชนเล็กๆ ก่อนถึงตัวอำเภอปะทิว ใช้เวลาราว 2 ชั่วโมงในการเดินทางต่อไปยังที่พัก ที่เรียกว่าได้รับความนิยมในกลุ่มของคนชอบแคมป์ปิ้ง
“บ้านเกาะเตียบ คาเฟ่หมูกระทะชาวเกาะ” ที่มีเจ้าของเป็นสาวใต้ตาคมนามว่า “น้องแป๋ม” เจ้าของพื้นที่ที่ชื่อว่า “บ้านเกาะเตียบ” แห่งนี้ ที่นี่เป็นเวิ้งหาดส่วนตัวหลังเขา พื้นที่กว้างใหญ่ จนเธอเองก็ไม่รู้ว่าพื้นที่ทั้งหมดเท่าไหร่เหมือนกัน น้องแป๋มมีความเป็นกันเอง จ้อจี้ แหลงใต้ชับปึ๋ง แหลงเร็ว แหลงคล่อง และมีความอ้อร้อดีเวลาคุยกับลูกค้าทุกท่านที่แวะเวียนเข้าไป
น้องแป๋มค่อนข้างเก่งมาก เพราะเธอเข้ามาพัฒนาพื้นที่ของพ่อแม่ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว ที่พัก ที่ได้รับความนิยมพอตัว แม้ว่าจะติดปัญหาเรื่องน้ำ ไฟ และดีไซน์การออกแบบที่พักอยู่มากก็ตาม ต้องขอปรบมือชื่นชมในความตั้งใจนี้
ที่นี่…มีครบให้คุณทุกรสชาติ กับการได้หลีกหนีความวุ่นวาย เพื่อให้กายใจ และสมอง ได้ผ่อนคลาย ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาที่คุณเลือกไป แต่ช่วงเวลาที่ดีที่สุดเจ้าของที่พักบอกว่าจะเป็นช่วงเดือนเมษายน และตั้งแต่สถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมา ทางที่พักเปิดรับนักท่องเที่ยวเพียงแค่วันละไม่เกิน 30 คนเท่านั้น ช่วงไหนที่มาตรการเข้มงวดหน่อย ก็จะรับเพียง 15 – 20 คนเท่านั้น
สำหรับห้องพักมีให้เลือกเข้าพักได้ 2 รูปแบบ ทั้งบังกะโลห้องพักติดแอร์ ที่มีทั้งหลังเล็กสำหรับสองคน และหลังใหญ่สำหรับต้องการเข้าพักเป็นหมู่คณะ แต่ส่วนใหญ่คนที่แวะเวียนมาที่นี่มักพกเต็นท์เข้ามากางริมหาด เพื่อเก็บบรรยากาศเองเสียมากกว่า .
.
นอกจากนี้ที่นี่ยังมีกิจกรรมให้คุณเลือกทำมากมาย อาทิ นั่งเรือไปกินปูห้อยขา ไปดำน้ำ (ว่ากันว่าโลกใต้น้ำชุมพรก็สวยใช่เล่น) เล่นซัพบอร์ด พายคายัค ไฮไลท์ คือหมูกระทะ ท่ามกลางบรรยากาศพระอาทิตย์ลับขอบทะเลตรงหน้า หรือจะนั่งชิลล์ริมชายหาดที่ทอดยาว เพื่อกินบรรยากาศหลักล้านตรงหน้าก็เป็นการเก็บเกี่ยวความสุขได้อย่างดีในช่วงเวลานี้
ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวใกล้ๆ กับที่พักของเราก็มีวัดแก้วประเสริฐ ซึ่งมีจุดเด่นคือพระนาคปรก 9 เศียร ขนาดสูง 9.99 เมตร ตั้งอยู่บนหน้าผา ซึ่งสามารถมองเห็นได้จากตัวที่พักของบ้านเกาะเตียบ เป็นวัดที่ชาวบ้านเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า วัดเจ้าแม่กวนอิม โดยวัดนี้สร้างขึ้นบนเนินเขาที่อยู่ริมชายทะเล ที่มองเห็นทิวทัศน์ของแผ่นดินเว้าแหว่งประดุจแหลมที่ยื่นล้ำเข้าไปในทะเลปะทิวได้อย่างสวยงามราวกับภาพวาด
หรือจะเลือกเดินทางต่อไปกราบสักการะเสด็จเตีย หรือกรมหลวงชุมพร กันที่พระตำหนักกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ หาดทรายรี จังหวัดชุมพรก็ต้องขับต่อออกไปอีกราวหนึ่งชั่วโมง
ซึ่งหลายคนคงทราบกันดีว่าท่านเป็น บิดาแห่งทหารเรือไทย ผู้ทรงสถาปนากองทัพเรือสมัยใหม่ให้กับประเทศไทย เป็นที่เคารพของเหล่าทหารเรือ และชาวประมง
ทุกครั้งที่มีการออกเรือจะต้องมีการทำพิธีเพื่อระลึกถึงพระองค์ท่านให้คุ้มครองแคล้วคลาด ปลอดภัย มีประชาชนทั่วไปแวะเวียนมาการกราบไหว้ขอพรต่างๆ นานา ทั้งคนในท้องที่เอง และนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาพักผ่อน เป็นสถานที่คนนิยมมากราบไหว้อย่างยาวนานจากรุ่นสู่รุ่น ตั้งแต่เล็กจนโต
จะว่าไปการเดินทางเพื่อหาความสุขให้กับชีวิตคนเรา ก็สอดคล้องกับการใช้ชีวิตในแต่ละวันเช่นกัน หากคลื่นสงบ ก็เปรียบเสมือนชีวิตที่ไม่ต้องคิดมาก ทำให้เราได้มีเวลาสงบใจ สงบความคิด หรือหากคลื่นลมแรง ก็เปรียบได้กับช่วงเวลาชีวิตที่มีปัญหาถาโถม ให้เราได้คิด หาทางออก ได้มีสติที่จะคิดแก้ไขสถานการณ์ต่างๆ ส่วนช่วงเวลาที่เราได้เดินทางท่องเที่ยวพักผ่อนแบบนี้ ก็เหมือนกับช่วงเวลาที่ทะเลมีลมพัดเย็นสบาย ให้เราได้ลอยล่องไปกับคลื่นเล็กๆ เปรียบแล้วก็เหมือนช่วงเวลาแห่งความสุขที่เราพยายามตามหา เพื่อมาทำให้ชีวิตเราเติมเต็มขึ้นได้นั่นเอง
เรื่อง : กองบรรณาธิการ
ภาพ : GiGi Blockshot
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRAND PRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th