ครึ่งทาง.. 4 วัน 9 จังหวัด ! คาราวาน ไฮลักซ์ รีโว่..คาราวานอีสาน ประตูอินโดจีน
เคยรู้สึกมั้ยเวลาที่คุณมีความสุขกับอะไรซักอย่าง เวลามันช่างผ่านไปรวดเร็วเหลือเกิน…ในการเดินทางในทริปนี้ก็เช่นกันขับรถเที่ยวไปกับคาราวาน ไฮลักซ์ รีโว่ เพลินๆเพลอแปปเดียวผ่านไป 4 วัน เข้าครึ่งทางของทริปนี้แล้วเหลืออีกเพียง 3 วันก็ต้องเดินทางกลับไปตั้งหน้าตั้งตาทำงานอีกแล้ว…คิดแล้วเศร้าจังยังไม่อยากกลับกรุงเทพเลย วันนี้เรามาประมวนภาพ และเหตุการณ์วันแห่งความสุขใน 4 วันที่ผ่านมากันดีกว่าว่าเราไปเที่ยวที่ไหนมาบ้าง แล้วระหว่างการเดินทางเป็นอย่างมาติดตามกันครับ
เช้าตรู่วันแรกเราปล่อยตัวกันที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร รถค่อนข้างเยอะแต่เจ้าไฮลักซ์ รีโว่ ก็ยังคงมีความคล่องตัวสูงสามารถลัดเลาะไปตามช่องว่างไปอย่างสบาย กว่าจะหลุดจากความวุ่นวายในเมืองออกมาได้ก็เกือบจะเที่ยงซะแล้วหาอะไรอร่อยกินหน่อย ก่อนออกเดินทางไปเที่ยวกันต่อเลยที่ จิม ทอมป์สันฟาร์มแหล่งเรียนรู้เกษตรเชิงวัฒนธรรมที่มุ่งสืบสานภูมิปัญญาและสานต่อองค์ความรู้ แห่ง “ถิ่นอีสาน” ให้คงอยู่อย่างยั่งยืน หลังจากชมความสวยงานของจิมทอมป์สันฟาร์มเรียบร้อย เรามุ่งหน้าสู่จังหวัดบุรีรัมย์ซึ่งเราก็จะพักกันทีนี่ในคืนแรก มาบุรีรัมย์ทั้งทีถ้าไม่ได้ไปไฮไลท์เด็ดของจังหวัดนี้คือ ปราสาทหินพนมรุ้ง ก็จะเหมือนว่ามาไม่ถึง คาราวาน ไฮลักซ์ รีโว่ของเรามีหรอจะพลาด มุ่งหน้าไปกันเลย เส้นทางที่จะมุ่งหน้าไปสู่บุรีรัมย์นั้นบางช่วงจะเป็นทางขึ้น-ลงเขา แต่ด้วยพละกำลัง เครื่องยนต์ดีเซล เครื่องยนต์ดีเซล 2.4 ลิตร 2GD-FTV ที่ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้าที่ 3,400 รอบต่อนาที พร้อมด้วยแรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตรที่ 1,600-2,000 รอบต่อนาที ของเจ้ารีโว่ พรีรันเนอร์ คันนี้ทำให้การขับขึ้น-ลงเขาเป็นเรื่องง่ายเลยทีเดียวกำลังเหลือเฟือ ในที่สุดเราก็เดินทางมาถึง ปราสาทหินพนมรุ้ง ซึ่งก็ไม่ผิดหวังงดงามสมคำร่ำลือ ปิดท้ายวันแรกด้วยอาหารเย็นเด็ดสุดๆ ขาหมูนางรอง
เช้าวันรุ่งขึ้นเส้นทางเราเริ่มออกเดินทางกันแต่เช้าจากอำเภอนางรอง มุ่งหน้าสู่ตัวเมืองบุรีรัมย์ นั่งอยู่ตำแหน่งคนขับเข้าวันที่สองขับรถนานๆ ไม่มีอะไรทำเลยนั่งมองการออกแบบดีไซน์ภายในไปเพลินๆ ดูหรูหราเหมือนรถเก๋งเลยทีเดียว มีแผงคอนโซลที่น่าสนใจ เริ่มจากจอดิจิตอล MID 4.2 นิ้ว แสดงข้อมูลรถตรงกลางแผงมาตรวัดโดยแสดงผลแบบ 3 มิติ, พวงมาลัยปรับระดับ 4 ทิศทาง, ระบบจออินโฟเทนเมนต์ 7 นิ้วแบบหน้าจอสัมผัส รองรับระบบนำทาง T-Connect รองรับการเชื่อมต่อ USB/ AUX/ Bluetooth เบาะคู่หน้าก็นั่งสบายกระชับตัวทำให้การเดินทางในครั้งนี้แม้จะขับรถในระยะทางไกลๆทุกวันก็ไม่รู้สึกว่าเมื่อยล้ามากนัก ขับไปเล่นออฟชั่นต่างๆ ภายในรถไปเพลินๆ ก็เดินทางมาถึงจุดหมายแรกของเรา แน่นอนเมื่อมาถึงบุรีรัมย์ จะพลาดไม่ได้เลยกับแลนด์มาร์คแห่งใหม่ที่สร้างชื่อเสียงให้จังหวัดนี้ อย่างสนามแข่งรถยนต์ระดับโลก “สนามช้างอินเตอร์แชั่นแนลเซอร์กิต” สนามแห่งนี้ต้องบอกว่ามีความน่าสนใจมาก เป็นสนามแข่งรถมาตราฐานแห่งแรกของไทยที่สามารถรองรับการแข่งขันระดับโลกได้ เป็นสนามที่ใช้ระยะเวลาการสร้างน้อยที่สุด ส่วนในเรื่องความสวยงามของสนามนี้คือที่แกรนด์สแตนสามารถมองเห็นได้ทั่วทั้งสนามเรียกได้ว่าเห็นทุกโค้งเลยก็ว่าได้ถือเป็นการดีไซน์ที่ดีมากๆ ที่สำคัญสนามแห่งนี้ TOYOTA Hilux REVO ตอนที่เปิดการทดสอบครั้งแรกให้แก่สื่อมวลชนทางโตโยต้าก็เลือกใช้สนามนี้ทดสอบทั้งในส่วนของในแทร็คสนามแข่ง และจำลองสนาม Off Road
หลังจากชมความสวยงามอลังการของสนามแห่งนี้เรียบร้อยยังมีเวลาถ่ายรูปเล่นอีกนิดหน่อยเลยเดินวนดูรอบๆ รถ ชุดไฟหน้าดูโฉบเฉี่ยว ผสานกับกระจังหน้า และกันชนที่มีดีไซน์ที่ดุดันได้อย่างลงตัว เสริมด้วยไฟตัดหมอกหน้ายิ่งเท่ห์เข้าไปใหญ่ กระจกมองข้างโครเมียมพร้อมสัญญาณไฟเลี้ยวเส้นสายตัวถังที่สร้างตัวรถให้มีมิติที่สมส่วนสง่างามและรีดอากาศได้ดี เพิ่มบันไดข้างเพื่ออำนวยความสะดวกในการขึ้นลงไฟท้าย LED พร้อมไฟเบรคและไฟตัดหมอก มัวแต่ยืนชื่นชมรถ หัวหน้าคาราวานเรียกขึ้นรถพร้อมออกเดินทางไปยังจังหวัดสุรินทร์ เพื่อไปชม“ศูนย์คชศึกษา” หมู่บ้านช้างตากลาง ที่นี่ถือว่าเป็นหมู่บ้านเลี้ยงช้างที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทย แถมเปิดให้เข้าชมฟรีด้วย หมู่บ้านนี้เราจะได้เห็นวิถีชีวิตระหว่างคนกับช้างที่ใช้ชีวิตร่วมหลังคาเรือนเดียวกันอย่างมีความสุข ถึงเวลาล้อหมุนอีกครั้งเรามุ่งหน้าสู่จังหวัดศรีสะเกษเพื่อรับประทานอาหารเที่ยงแสนอร่อยกันที่สุธีโภชนา ท้องอิ่มต้องออกเดินทางต้องเพราะเราจะต้องรับไปให้ทันชมความงดงามของอุทยานแห่งชาติผาแต้ม อุทยานแห่งนี้ถือเป็นอุทยานแห่งชาติที่มีแม่น้ำโขงเป็นเส้นกั้นพรมแดนระหว่างประเทศไทยและประเทศลาว ซึ่งที่นี่มีวิวทิวทัศน์งดงาม และที่สำคัญที่สุดถาพเขียนสีโบราณอายุเกือบ 1000 ปี พวกเรานั่งสูดโอโซนเข้าจนเต็มปอด มองดวงอาทิตย์ค่อยๆ ลับขอบฟ้า เป็นภาพงดงามเกินคำบรรยายจริงๆ
ตื่นรับแสงแดดอ่อนๆ ยามเช้าที่อำเภอโขงเจียม อุบลราชธานี เก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าอีกครั้งเตรียมพร้อมออกลุยกันต่อกับการเดินทางในวันที่ 3 ของการท่องเที่ยวอีสาน กับคาราวาน ไฮลักซ์ รีโว่ วันนี้เราจะขับรถออกท่องเที่ยวประมาณ 331 กิโลเมตร ชิลล์ซิครับงานนี้ระยะทางไม่ไกลมากแต่ขอบอกว่าอัดแน่นไปด้วยความตื่นเต้นและท้าทายของเส้นทางและความงดงามตระการตาของสถานที่ต่างๆ ที่เราจะไปเยี่ยมชมในวันนี้อย่างแน่นอน
คณะไฮลักซ์ รีโว่ คาราวานทั้งหมดเริ่มออกเดินทาง อ่อ..! ลืมบอกไปวันนี้คณะคาราวานของเราจะต้องแยกจากคาราวาน ไฮลักซ์ รีโว่ ในเส้นทาง AEC แล้วเพราะคณะ AEC เค้าจะเดินทางข้ามไปยังฝั่งลาวหลังจากโบกมือร่ำลาพวกเราที่เหลือในเส้นทางอีสานก็พร้อมเดินทางกันเลย เรามุ่งหน้าสู่จุดหมายแรกของเราในวันนี้เพื่อไปลงเรือกันที่หาดสลึงเพื่อไปชมความงดงามของธรรมชาติที่สร้างสรรได้อย่างวิจิตรตระกาลตานั้นคือ สามพันโบก แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของจังหวัดอุบลราชธานี จะปรากฎในเห็นในช่วงฤดูแล้งที่น้ำแห้งขอดเท่านั้น หลังการที่เราเก็บภาพกันจนเมมโมรี่เต็มก็พร้อมออกเดินทางกันไปยังจุดหมายต่อไปนั้นก็คือ..! ร้านอาหารกลางวัน ฮาฮา เพราะเริ่มหิวซะแล้วเราจะไปรับประทานอาหารกลางวันกันที่สวนอาหารนรินทร์ จังหวัดมุกดาหาร เส้นทางระหว่างอุบลราชธานี ไปมุกดาหาร เป็นเส้นทางที่ขับสนุกเพราะมีทั้งวิ่งในเมือง และนอกเมือง มีโค้งสลับซ้าย-ขวา ทางตรงยาว เลนสวน และทางขึ้น-ลงเขาครบรสทีเดียวครับสำหรับเส้นทางในวันนี้ เลยทำให้เราได้ทดลองสรรถนะพละกำลัง เครื่องยนต์ดีเซล เครื่องยนต์ดีเซล เครื่องยนต์ดีเซล 2.4 ลิตร 2GD-FTV ที่ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้าที่ 3,400 รอบต่อนาที พร้อมด้วยแรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตรที่ 1,600-2,000 ของเจ้า โตโยต้าไฮลักซ์ รีโว่ ได้เป็นอย่างดี แถมยังมีตัวช่วยเป็นโหมดการขับขี่มีทั้งโหมด eco และ power ให้เลือกใช้ตามความเหมาะสม ช่วงวิ่งทางตรงยาวอัตราเร่งต้องบอกว่าใช่ได้เลยทีเดียวกดคันเร่งลงไปความเร็วไหลขึ้นอย่างต่อเนื่องและนุ่มนวล การเร่งแซงก็ทำได้แบบรวดเร็วทันใจดีไม่ต้องมาลุ้นว่าจะแซงพ้นมั้ยขับสนุกจริงๆ ครับ ยิ่งในช่วงขึ้นเขากดโหมด power เลยจร้าแรงเหลือๆ ขึ้นเขา หรือทางเนินชันได้แบบสบายหายห่วง ขับสนุกมากขอบอก
ท้องอิ่มออกเดินทางกันต่อเพราะจุดหมายต่อไปของเราอยู่ที่นครพนม เส้นทางในช่วงนี้ต้องวิ่งเข้าเมืองใช้ความเร็วไม่มากนักเลยปรับเป็นโหมด eco จะได้ประหยัดน้ำมันซะหน่อย ขับเพลินๆ ก็เดินทางมาถึงนครพนมเพื่อมาสักการะพระธาตุพนม แต่ก่อนที่เราจะไปสักการะพระธาตุพนม ทางโตโยต้ามีจัดการแข่งขัน eco run หรือการขับทดสอบประหยัดน้ำมันโดยมีผู้เชี่ยวชาญด้านรถยนต์เป็นกรรมการ คณะคาราวานของเราต้องมาร่วมปล่อยตัว และเป็นสักขีพยาน โดยใช้ระยะทางประมาณ 100 กว่ากิโลเมตร ผลปรากฎว่าเจ้าไฮลักซ์ รีโว่สามารถทำอัตราสิ้นเปลืองได้โดยเฉลี่ย 31.4 กม./ลิตร โอ้โห!! ทั้งขับสนุกทั้งประหยัดเจ๋งดีอ่ะ จากนั้นเราเข้าไปสักการะพระธาตุพนม ร่วมทำบุญและถวายผ้าห่มพระธาตุ แถมครั้งนี้คณะคาราวานของเราได้เข้าไปด้านในตัวพระธาตุด้วย ซึ่งปกติไม่ได้เปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้า ซึ่งด้านในพระธาตุจะมีพระบรมสารีริกธาตุ และมีของมีค่ามากมายนับหมื่นชิ้น โดยเฉพาะฉัตรทองคำน้ำหนักถึง 110 กิโลกรัมบนยอดพระธาตุ นับเป็นบุญตาที่ได้เข้าไปเห็นกับตา ขอบคุณครับโตโยต้า เมื่ออิ่มบุญเป็นที่เรียบร้อย พวกเรามุ่งหน้าไปสะพานมิตรภาพไทยลาวแห่งที่3 ที่เชื่อมระหว่างประเทศไทยที่จังหวัดนครพนม และประเทศลาวที่คำม่วนเป็นอีกหนึ่งสะพานที่มีความสวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย คาราวานของเราขึ้นไปวิ่งชมความงดงาม ชมแสงสุดท้ายก่อนพระอาทิตย์จะลับขอบฟ้าของการเดินทางในวันที่ 3
ในวันที่ 4 ของการเดินทางวันนี้เราได้ตื่นสายขึ้นอีกนิดเพราะวันนี้เราเดินทางกันสั้นๆ แค่ 298 กิโลเมตรเอง คณะคาราวานของเราเลยถือโอกาศเที่ยวชิลล์ในช่วงเช้านั้งรถราง เที่ยวชมวัดวาอาราม และสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในตัวเมืองนครพนมอากาศเย็นกำลังดีเลยได้ใช้ชีวิตแบบ slow life นั่งบนรถรางชิลล์ๆ ชมทัศนียภาพ 2 ฝั่งโขงไทย – ลาว
หลังจากเราได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศสุดชิลล์เป็นที่เรียบร้อยเราก็กลับมาหาเจ้า ไฮลักซ์ รีโว่ เตรียมพร้อมออกเดินทางท่องเที่ยวกันต่อเลย จุดหมายแรกของเราในวันนี้จะมุ่งหน้าไปยังจังหวัดสกลนครเพื่อไปสักการะพระธาตุคู่บ้านคู่เมืองชาวสกลนครกันที่วัดพระธาตุเชิงชุม หลังอิ่มบุญแต่ท้องยังไม่อิ่มครับท่านเพราะตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงพอดี เรากระโดดขึ้นรถพร้อมออกเดินทางไปยังร้านอาหารซึ่งอยู่ไม่ไกลพระธาตุมากนักที่ร้านจานเปล จากนั้นมุ่งหน้าสู่แหล่งโบราณคดีกันที่อำเภอบ้านเชียง ในช่วงนี้ถนนขับค่อนข้างยากเพราะเป็น 2 เลนสวนกันทำให้ต้องมีการเร่งแซงบ่อยครั้ง ในบางจังหวะต้องกดคันเร่งเพื่อแซงขบวน เครื่องยนต์ของเจ้าไฮลักซ์ รีโว่ ให้การตอบสนองที่ทันใจแต่ควบคุมง่าย มีแรงบิดที่ดีในรอบต่ำให้กำลังที่ต่อเนื่องและไม่กระชากกระชั้น ความนุ่มนวลและต่อเนื่องในการขับต้องยกความดีความชอบส่วนหนึ่งให้ระบบส่งกำลังแบบเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะรุ่นใหม่ที่มีการเปลี่ยนเกียร์ทั้งในจังหวะขึ้นและลงที่รวดเร็วและนุ่มนวล พร้อมโหมดการขับ ECO และ POWER ซึ่งจะปรับเปลี่ยนในส่วนของการฉีดน้ำมันเชื้อเพลิง และปริมาณอากาศที่เข้าสู่ห้องเผาไหม้มีผลโดยตรงต่อกำลังของเครื่องยนต์ ถ้าไม่ได้กดเลือกทั้ง 2 โหมดการขับ เกียร์ก็จะอยู่ในโหมด Normal อีกข้อดีของเกียร์อัตโนมัติรุ่นนี้คือ เมื่อเบรกชะลอความเร็ว เกียร์จะเปลี่ยนลงต่ำให้เมื่อถึงรอบเครื่องยนต์ที่เหมาะสม ช่วยลดภาระระบบเบรกเมื่อขับลงเนิน และเพิ่มความฉับไวเมื่อจะกดคันเร่งอีกครั้ง เพราะเกียร์เปลี่ยนลงต่ำรอไว้แล้ว
ขับมาซักพักเราก็เดินทางมาถึงแหล่งโบราณคดีบ้านเชียง จังหวัดอุดรธานีพวกเราแวะเข้าชมเมืองมรดกโลกบ้านเชียง นั่งรถรางอีกแล้วครับท่านเพื่อไปชมกลุ่มทอผ้าบ้านเชียง หลังจากนั้นเข้าชมที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติบ้านเชียง จะแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนที่ 1 ตั้งอยู่ทางด้านขวาของทางเข้าอยู่ในบริเวณวัดโพธิ์ศรีในเป็นพิพิธภัณฑ์เปิดที่เป็นแหล่งโบราณคดีแห่งแรกในประเทศไทยเป็นนิทรรศการถาวร ซึ่งแสดงขั้นตอนการขุดค้นทางโบราณคดีที่ ยังคงลักษณะของศิลปวัตถุที่พบตามชั้น- ดิน เพื่อให้ผู้เข้าชมได้ ศึกษาถึงการขุดค้นทางโบราณคดี และโบราณวัตถุซึ่งส่วนใหญ่ เป็นภาชนะเผาที่ฝังรวมกับศพ ส่วนที่ 2 ตั้งอยู่ทางด้านซ้ายของทางเข้า เป็นอาคารที่จัดแสดงเกี่ยวกับเรื่องราวและวัฒนธรรมของบ้านเชียงในอดีตตลอดจนเครื่องมือเครื่องใช้ที่แสดงถึงเทคโนโลยีในสมัยโบราณ รวมทั้งโบราณวัตถุ และนิทรรศการบ้านเชียงที่เคยจัดแสดง ณ ประเทศสหรัฐอเมริกา นอกจากนั้นภายในบริเวณอาคารส่วนที่ 2 ยังมีห้องนิทรรศการ ห้องบรรยาย ฉายภาพยนตร์ ภาพนิ่ง และการให้บริการการศึกษาต่าง ๆ หลังจากนั้นพวกเราเข้าไปทำ work shop วาดลวดลายหม้อกันอย่างสนุกสนานที่กลุ่มปั้นหม้อ
หลังจากสนุกสนานกับการใช้จินตนาการในการวาดลวดลายลงไปในหม้อเป็นที่เรียบร้อยเราก็ออกเดินทางมายังศูนย์วัฒนธรรมไทย-จีน ที่จัดแสดงเรื่องราวต่างๆไว้อย่างงดงาม พร้อมชมการแสดงต้อนรับพร้อมรับประทานอาหารเย็นให้อิ่มท้องก่อนในวันพรุ่งนี้เราจะไปลุยกันต่อกลับอีก 3 วันที่เหลือ
เรื่อง : ณัฐพล เดชสิงห์
ภาพ : พิสิษฐ์ ธนะสารเจริญ
ถ่ายภาพ/ตัดต่อ : จิตรกร หลวงยศ
เรียบเรียงข้อมูลโดย กรังด์ปรีซ์ออนไลน์ GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th