วันที่ 6 คาราวานไฮลักซ์ รีโว่ ช่วงที่3 อุสเบกิสถาน – อิหร่าน
เริ่มวันที่ 6 ของการเดินทาง วันนี้ทุกคนลงมาพร้อมหน้าพร้อมตากันแต่เช้า เตรียมตัวพร้อมออกเดินทางเพราะวันนี้เราต้องออกจากเติร์กเมนิสถาน มุ่งหน้าข้ามเขาสู่ชายแดนเพื่อข้ามมายังแดนเปอเซียประเทศอิหร่าน ตุนข้าวเช้าจนอิ่ม เพราะว่าวันนี้ต้องข้ามประเทศอีกครั้ง มีประสบการณ์จากครั้งที่แล้วที่อุสเบกิสถาน ข้ามมาเติร์กเมนิสถาน มันช่างนานเหลือเกิน แถมไม่มีอะไรกิน เมื่อท้องอิ่มก็พร้อมออกเดินทาง เดินออกมาชมเมืองหินอ่อนเป็นครั้งสุดท้าย ถ่ายภาพจนเมมโมรี่เกือบเต็ม สังเกตุเห็นหน้าโรงแรมทำไมเช้านี้ มีนักข่าวมาตั้งกล้องอยู่ก็ยังสงสัยว่ามีประชุมอะไรหรือเปล่า ความจริงเริ่มกระจ่าง เมื่อไกด์ของเราเดินเข้ามาบอกว่านักข่าวมาถ่ายขบวนคาราวานของเรา พร้อมสัมภาษณ์ผู้ร่วมคาราวานและให้โปรโมทประเทศให้หน่อย เพราะเติร์กเมนิสถานกำลังจะเป็นเจ้าภาพในการจัดการแข่งขันเอเซียนเกมส์ไปออนแอร์ทั้งในช่องท้องถิ่นและอีกหลายประเทศ ดังเลยจ้าคราวนี้สัมภาษณ์เสร็จก็ยังพาเราไปชมสถานที่จัดการแข่งขัน สนามกีฬาอันยิ่งใหญ่อลังกาลที่กำลังทำการก่อสร้างอยู่เราถือว่าเป็นคนไทยกลุ่มแรกก็ว่าได้ที่ได้มาเหยียบสนามแห่งนี้
หลังจากนั้นคณะคาราวานของเราก็โบกมืออำลา เมืองสีขาวที่แสนสะอาดแห่งนี้เก็บไว้เพียงภาพถ่ายและในความทรงจำ เราหันหัวมุ่งหน้าเดินทางออกจากเมือง Ashgabad มุ่งหน้าสู่ชายแดนระยะทางไม่ไกลมากก็จะผ่าน ตม. ข้ามแดนอีกครั้ง คราวนี้เราผ่านฝังเติร์กเมนิสถานได้อย่างไม่อยากเย็นนักเพราะมีคนใหญ่คนโตที่นำนักข่าวมาทำข่าวเรามาส่งถึงขอบเขตแดน เราขับรถข้ามเทือกเขาที่กั้นกลางระหว่างสองประเทศ น่าเสียดายที่ระหว่างทางห้ามถ่ายรูป เพราะวิวทางที่ขับผ่านมันช่างงดงาม เกินคำบรรยาย ขับรถผ่านโค้งซ้ายขวา ถนนข้างหน้ายาวสุดตา ภาพเทือกเขาสูงชัน ที่มีภูมิทัศน์ที่งดงาม ราวกับภาพวาดที่อยู่ตรงหน้าทำให้คิดขึ้นมาว่า ธรรมชาติช่างยิ่งใหญ่เมื่อเทียบกับมนุษย์ตัวเล็กอย่างพวกเรา ถ้าไม่ได้มาเห็นด้วยตาคงไม่เชื่อว่ามีถนนที่งดงามเช่นนี้ จะมีกี่คนที่มีโอกาสเข้ามาวิ่งและเห็นถนนเส้นนี้เพราะเป็นเขตของทหารต้องขับรถข้ามจากเติร์กเมนิสถาน ไป อิหร่านเท่านั้นถึงจะเห็น มีเงินก็ไม่สามารถมาเห็นกับตาได้ ขับเพลินมากจนทำให้เราลืมไปเลยว่าขับรถมานานเท่าไหร่แล้ว ซึ่งตอนนี้เราก็มาถึงบนยอดเขาซึ่งเป็นจุดข้ามแดนมาสู่ฝ่งอิหร่าน ติดรอพักเที่ยงอีกแล้วครับ แต่ครั้งนี้ไม่นานเหมือนครั้งก่อน รอไม่กีชั่วโมงเราก็ข้ามสู่ประตูแห่งเปอร์เซีย ประเทศอิหร่าน
ออกจากด่านวิ่งลงจากเทือกเขาเดิม มุ่งหน้าสู่เมือง Mashhad ซึ่งเป็นเมืองที่ใหญ่อันดับ 2 ของประเทศอิหร่าน ระหว่างทางเราต้องขับผ่านเทือกเขาสูงชัน ด้วยพละกำลังเครื่องยนต์ของเจ้า โตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่ ที่ถูกพัฒนาขึ้นใหม่ทั้งหมดเป็น เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ แถวเรียง 16 วาล์ว DOHC VN Turbo พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ รหัส 1GD-FTV (High) ความจุ 2.8 ให้กำลังสูงสุด 177 แรงม้า (PS) ที่ 4,400 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 420 นิวตัน-เมตร ที่ 1,400 – 2,600 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ ทำให้การขับขี่ผ่านเทือกเขาที่สูงชันผ่านไปได้แบบสบายๆ พละกำลังเหลือเฟือ ผ่านช่วงเขาลงมาสู่ถนนไฮเวย์ ทางตรงยาวช่วงนี้เราเพิ่มความเร็วขึ้นอีกนิดเพื่อจะได้เข้าไปถึงในตัวเมืองไม่มืดมาก อัตราเร่งของเจ้ารีโว่ ทำได้ดี กดปุ่ม PWR Mode เพื่อเรียกอัตราเร่งซะหน่อย การเร่งแซงทำได้แบบไม่มีปัญหาไม่ต้องมานั่งลุ้นแต่อย่างใด การออกตัวก็ทำได้ดีรวดเร็วทันใจ รถค่อนข้างน้อยช่วงไฮเวย์ กดคันเร่งลงไปอัตราเร่งเพิ่มขึ้นแบบต่อเนื่องและลื่นไหล ลืมบอก…เจ้ารีโว่มีโหมดให้เลือกได้คือ PWR Mode และ ECO Mode ซึ่งเลือกใช้ได้ตามต้องการ
ผ่านไฮเวย์ เข้าสู่เมือง Mashhad รถค่อนข้างเยอะและวุ่นวายพอสมควรพูดเลยประเทศนี้ขับรถเอาแต่ใจตัวเองสุดๆ นึกอยากจะเลี้ยวก็เลี้ยวตัดมัน 3 เลนซะอย่างนั้นสุดยอดจริงๆ ต้องใช้ความระมัดระวังอย่างมาก ขับรถในประเทศนี้ทำให้คิดถึงตอนขับที่เวียดนาม วุ่นวายพอกันเลย แต่เจ้ารีโว่ก็มีความคล่องตัวสูงสามารถลัดเลาะไปตามช่องว่างได้อย่างสบาย ถึงแม้คันจะใหญ่แต่ก็มีความคล่องตัวสูงที่เดียวครับ เข้าสู่ใจกลางเมืองรถเยอะคนเยอะ แต่ก็แปลกตาดีครับ ปรับมาเป็นปุ่ม ECO Mode ดีกว่า อัตราเร่งลดลงมานิดนึง หน่วงนิดหน่อยเพื่อความประหยัดครับ แต่ก็เพียงพอต่อการใช้งานในเมือง แถมมีปุ่มเดิ้ลสต็อปช่วยในเรื่องการประหยัดได้อีก แต่ถ้ารำคาญก็สามารถกดปิดได้ แล้วเราก็เดินทางมาถึงที่พักในใจกลางเมืองนอนหลับพักผ่อนเก็บแรงขับรถกันต่อในวันรุ่งขี้น เส้นทางยาวๆ 900 กว่ากิโลเมตร มุ่งเมือง Yazd เมืองนี้ได้ข่าวมาว่าดูดีทีเดียว คอยติดตามนะครับวันในวันพรุ่งนี้ เส้นทาวจะงดงามขนาดไหน เมืองจะเป็นอย่างไร ค่อยติดตามนะครับ
เรื่อง : ณัฐพล เดชสิงห์
เรียบเรียงข้อมูลโดย กรังด์ปรีซ์ออนไลน์ GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th