วันที่ 5 คาราวานไฮลักซ์ รีโว่ ช่วงที่3 อุสเบกิสถาน – อิหร่าน
เช้าวันที่ 5 ของการเดินทางวันนี้เราตื่นมาแต่เช้าตรู เพื่อเดินออกไปชมเมือง Mary กันซะหน่อยแสงแดดอ่อนๆ ยามเช้าช่วยเสริมให้เมืองเล็กๆ แห่งนี้ดูมีชีวิตชีวามากขึ้น เดินชมเมืองชมตึกที่มีรูปทรงแปลกตา คาดว่าที่พักของเราคงจะเป็นโซนคล้ายๆ แถวศูนย์ราชการ เพราะตึกต่างๆ รูปทรงสวยงามมาก แต่บ้านเรือนที่ดูเหมือนจะมีแต่ทรงเหลี่ยมบ้านชั้นเดียว
เพราะระหว่างทางเข้าเมืองเห็นบ้านเรือนเหมือนกันหมดทุกหลัง สูดอากาศแบบชิลล์ในยามเช้าอากาศประมาณ 26 องศา เดินเล่นถ่ายรูปอยู่พักใหญ่(อ่อ เมืองนี้ไม่มี wifi นะจ๊ะจริงๆแล้วที่โรงแรมมี แต่ห่วยจัดเลยจ้าส่งแค่คำสั้นๆ ยังไม่ไปเลยจ้า)
8 โมงเช้ารถรีโว่ และผู้ร่วมคาราวานทั้งหมดพร้อมออกเดินทางสู่เมืองหลวงของเติร์กเมนิสถาน เมือง Ashgabad ระยะทางประมาณ 380 กิโลเมตร วันนี้เราวางแผนว่าจะไปทานข้าวกลางวันที่เมืองนี้เลย เย้ๆๆๆ วันนี้ถึงเมืองเร็วแน่นอน แต่ต้องมาลุ้นกันว่าอินเตอร์เน็ตจะมีหรือเปล่า เส้นทางในช่วงนี้เป็นทางลาดยาง4 เลนใหญ่ๆ สภาพถนนดีกว่าเมื่อวาน แต่ก็ยังคงเป็นคลื่นอยู่ที่ขับแล้วเหมือนขับอยู่บนทะเล ผมว่าสาเหตุที่ถนนเป็นแบบนี้เพราะรถบรรทุกที่บรรทุกสินค้าวิ่งระห่างประเทศใช้เส้นทางนี้เยอะ ทำให้ถนนพัง แต่รัฐบาลของเติร์กเมนิสถานก็ไม่ซ่อมแซมมากเพราะไม่ค่อยมีคนอาศัยอยู่มากเท่าไหร่นัก ขับทางตรงๆ ยาวๆ มาจนถึงถนนที่วิ่งขนานกับชายแดนอิหร่าน ถนนยังคงแย่เหมือนเดิม แต่วิวของเทือกเขาที่อยู่ทางซ้ายมือ เทือกเขานี้เป็นเทือกเขาที่ขั้นระหว่างเติร์กเมนิสถาน กับ อิหร่าน โดยมีความยาวทั้งหมด 400 กิโลเมตร เพราะช่วงล่างที่ดี และระบบต่างๆ ช่วยให้ดูดซับแรงสั้นสะเทือนของพื้นผิวที่ขรุขระ เป็นคลื่นลอนของถนนได้ดี คุมรถง่ายดายมากขึ้น และวิวทิวทัศน์ของเทือกเขาที่อยุ่ด้านข้าง ทำให้เพลิดเพลินกับการขับรถจนไม่รู้สึกว่าเมื้อยล้าหรือเหนื่อยมากนัก การเดินทางวันนี้หลายช่วงเราต้องวิ่งผ่านเมืองเล็ก ซึ่งมีทั้งแยกไฟแดง การจราจรที่ขับกันแบบไม่สนใจรถคันอื่น ทำให้เราต้องเบรกกระทันหันหลายต่อหลายครั้ง แต่ด้วยระบบเบรกแบบหน้าดิสก์ หลังดรัม ที่สามารถหยุดรถได้อย่างรวดเร็วฉับไว และนุ่มนวล ทำให้เรามั่นใจในการขับมากขึ้น มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ผมสังเกตุมาตั้งแต่อุสเบกิสถาน มาถึงเติร์กเมนิสถาน ผมชอบมากเลย คือผู้คนสามารถโบกรถใครก็ได้ที่ไปทางเดียวกันและติดรถไปด้วยโดยตกลงค่าตอบแทนกันเอง ผมว่ามันเจ๋งและแปลกดี เป็นแบบนี้ทั้งสองประเทศ
ขับมาจนเริ่มเข้าเขตเมือง Ashgabad ตอนแรกเราได้รับข้อมูลมาว่าประเทศนี้รวยมากครับ บริหารโมเดลแบบประมาณประเทศสิงค์โปร แต่มีทรัพยากรมากกว่า มีน้ำมันขุดขายได้ นั้นคือเหตุผลส่วนหนึ่งที่ทำไมไม่จำเป็นต้องเปิดประเทศ ก็ไม่เคยคาดคิดว่าเมืองหลวงของประเทศนี้จะอลังกาลงานสร้างขนาดนี้ ขับรถเข้าเขตเมืองถนนลาดยางเรียบ สองข้างทางเป็นตึกที่อยู่อาศัย สำนักงาน สถานที่ราชการ ทั้งหมดทั้งเมืองเป็นสีขาว ทำจากหินอ่อนนำเข้าจากอิตาลีทั้งหมด ย้ำๆอ่านไม่ผิดครับ บ้าน ตึกที่พัก สำนักงาน สถานที่ราชการ สถานที่ต่างๆ ทำจากหินอ่อนสีขาวทั้งหมด โอ้แม่เจ้า มาเห็นด้วยตาตัวเองแบบนี้นับมาโชคดีสุดๆ เลยครับ สะอาดมากๆ ถนนสวยงาม สีขาวทั้งเมือง ไม่มีขยะแม้แต่ชิ้นเดียว อีกอย่างที่ผมชอบใจประเทศและเมืองนี้มากคือประชาชนที่อยู่ทำงานในเมืองนี้ทั้งหมดรัฐบาลออกเงินค่าเช่าให้ จ่ายค่าแก๊ซ ค่าน้ำให้ สุดจริงๆ ครับ เมืองนี้ ไม่ซิไม่เฉพาะเมืองนี้แต่ทั้งประเทศนี้มีรถยนต์หรูๆ ดีๆ วิ่งกันทั่วไปหมด ซึ่งผิดจากอุสเบกิสถานโดยสิ้นเชิง สอบถามไปได้ข้อมูลมาว่า ภาษีรถยนต์นำเข้าแค่ 300 us และรถยนต์ส่วนมากจะเป็นโตโยต้า กับ เล็กซัส ราคาน้ำมันก็ถูกแสนถูกดีเซลลิตรละ 9 บาท แม่เจ้าเติมใส่ขวดกลับไทยได้มั้ยนี่
วันนี้เรามาถึงที่พักเร็วเลยออกไปเยี่ยมชมเมืองที่อลังกาลงานสร้างเมืองนี้ซะหน่อย สะอาดมากจริงๆ งดงามเกินคำบรรยายครับสำหรับเมือง Ashgabad เมืองหลวงของประเทศเติร์กเมนิสถาน น่าเสียดายที่เป็นประเทศปิด เข้ายากไปหน่อยแต่ถ้ามีโอกาศต้องกลับมาอีกครั้งแน่นอน ในวันรุ่งขึ้นคาราวานไฮลักซ์รีโว่ทั้งหมดจะออกเดินทางข้ามประเทศอีกครั้งจากเติร์กเมนิสถานไปยังประเทศอิหร่าน เรามาคอยติดตามและลุ้นกันว่าพรุ่งนี้เราจะอยู่ด่านตรวจคนเข้าเมืองนานขนาดไหน เส้นทาง ภูมิประเทศ เมือง และผู้คนของประเทศอิหร่านจะเป็นเช่นไร จะมีอุปสรรคอะไรขวางเราอีกหรือไม่ คอยติดตามไปพร้อมๆ กันครับกับคาราวานไฮลักซ์รีโว่ กรุงเทพ – อิตาลี ช่วงที่ 3
เรื่อง : ณัฐพล เดชสิงห์
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th