3 วันแรกของ คาราวานไฮลักซ์รีโว่ ช่วงที่3 อุสเบกิสถาน – อิหร่าน
หลังจากคณะคาราวานไฮลักซ์รีโว่ ได้ออกเดินทางผ่านไปแล้ว 2 ช่วงจากไทยสู่จีน และจีนสู่อุซเบกิสถานผ่านระยะทางไปแล้วกว่า 8,000 กิโลเมตร มาถึงคร่าวผมต้องไปรับไม้ต่อที่ในช่วงที่ 3 อุสเบกิสถาน – อิหร่าน
โดยในช่วงที่ 3 นี้เราออกเดินทางกันแต่ช้าตรู่จากกรุงเทพเหินฟ้าโดยสายการบิน air astana ซึ่งชื่อมันไม่ค่อยคุ้นหูซักเท่าไหร่นักแต่เค้าบอกว่าเป็นสายการบินแห่งชาติของประเทศคาซัคสถานเลยเชียวนะ
ถึงสนามบินสุวรรณภูมิเรียบร้อยเช็คอินโหลดกระเป๋าพร้อมออกเดินทาง ได้บอร์ดดิ้งพลาสเรียบร้อยเดินมาสุดทางกันเลยที่เดียว เครื่องบินจอดรออยู่แล้วไม่มีดีเลย์ ภายนอกเครื่องดูลำเล็กเก่าๆ แต่เมื่อเดินเข้ามาภายใน โอ้โห!!! ใหม่กริบเลยจ้า แอร์โฮสเตทสวยสุดๆ พูดเลย แต่ไม่กล้าถ่ายรูปมากลัวเขาด่าเอา เราใช้เวลาเดินทางประมาณ 7 ชั่วโมง เพื่อบินไปลงยังเมือง อามาตี้ ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศคาซัคสถาน แล้วไปรอเปลี่ยนเครื่องอีก 3 ชั่วโมง จากนั้นเราเดินทางต่อโดยสายการบิน Uzbekistan airway อีก 40 นาที เพื่อเดินทางต่อไปยังเมืองทาซเค้นท์ ประเทศอุซเบกิสถานและออกเดินทางต่อไปยัง กรุงเตฮาราน ประเทศอิหร่าน เส้นทางนี้เป็นเส้นทางสายแพรไหมไข่มุกเอเชียกลางเชื่อมต่อยุโรปและแอฟริกา ผ่านต้นกำเนิดอาหรับราตรี สู่ดินแดนเปอร์เซีย ระยะกว่า 3,990 กิโลเมตร ซึ่งจะผ่าน 3 ประเทศ คือ อุสเบกิสถาน เติร์กเมนิสถานและอิหร่าน
เช้าวันออกเดินทางในวันแรกเราเริ่มออกเดินทางกันตอน 11 โมงเช้า ซึ่งเวลาที่นี่ช้ากว่าบ้านเรา 2 ชั่วโมง เพราะพวกเรากว่าจะเดินทางมาถึง ที่เมือง ทาซเค้นท์ก็ประมาณตี 2.30 แล้ว เช้าวันรุ่งขึ้นเราจะชิลล์กันอยู่ที่เมืองทาซเค้นท์ กันก่อนในครึ่งเช้า เราเดินทางไปเยี่ยมชมสถานที่สำคัญๆ ขอเมืองนี้กัน และจะเริ่มล้อหมุนกันประมาณบ่าย 3 โมง ในวันแรกเราเดินทางแค่ 300 กิโลเมตร จากเมือง ทาซเค้นท์ สู่เมือง สมาคานส์ซิตี้ทัวร์ ทานข้าวเที่ยงกันจนอิ่มหน่ำสำราญ ซึมซับบรรยากาศให้ได้มากที่สุดเพราะให้เรามาเที่ยวเองก็คงไม่มีโอกาศได้มา มันเข้ายากมากจริงๆ ครับ แถมไม่ค่อยมีอะไรให้ดูซักเท่าไหร่
กลับมาถึงโรงแรมเพื่อเตรียมตัวออกเดินทาง รถยนต์พร้อม คนพร้อม แต่ !! เราได้รับข่าวมาว่าทหารปิดเมืองไม่ให้เข้าและออก เพราะช่วงนี้กำลังจะมีการประชุมใหญ่ของผู้นำจากหลายๆ ประเทศ เลยมีการตรวจตราอยากหนักเข้มกว่าปกติ ทางคณะคาราวานของเราพยายามติดต่อกับทางตำรวจ และทหารว่าพอจะเป็นไปได้มั้ยที่เราจะออกเดินทางกันในวันนี้ตามแพลนเดิม เรานั่งรอลุ้นกันอยู่ที่โรงแรมประมาณ 2 ชั่วโมง ก็ได้รับข่าวว่าไม่สามารถจะออกเดินทางได้ในวันนี้ คณะเราเลยจำเป็นต้องนอนที่เมือง ทาซเค้นส์ ต่ออีกหนึ่งคืน และในวันรุ่งขึ้นเราจะต้องรวบยอด ควบเจ้ารีโว่รวดเดียว 600 กิโลเมตรข้ามเมือง สมาคานส์ ไปไม่นอนค้างเลยมาที่เมืองบุคคาร่าเลย ซึ่งเมืองนี้เป็นเมืองสุดท้ายของอุสเบกิสถาน เพราะห่างจากชายแดนของประเทศเติร์กเมนิสถานเพียง 90 กิโลเมตรเท่านั้น นี้ละครับมนต์เสน่ห์ของการเดินทางท่องเที่ยวทางรถยนต์ ไม่สามารถคาดเดาอะไรได้
เริ่มออกเดินทางจากเมือง ทาซเค้นท์ กันแต่เช้าตรู เพราะวันนี้อย่างที่บอกระยะทางดับเบิ้ลจาก 300 กิโลเมตร เป็น 600 กิโลเมตร เดินลงมาจากโรงแรมเราก็พบกับเจ้าไฮลักซ์ รีโว่ ยานพาหนะคู่ใจของเรา ซึ่งรูปลักษณ์ภายนอกดูสปอร์ตและบึกบึนมาก เส้นสายของตัวรถเสริมให้ดูบึกบึน แข็งแกร่ง และหรูหรา มากขึ้นโตโยต้า รีโว่ ใหม่ ถูกออกแบบให้ถูกคล้ายกับรถเก๋งมากขึ้น โฉบเฉี่ยว ลงตัวไม่เบา มีกลิ่นอายของเก๋งซีดานอยู่ไม่น้อย ไฟหน้าแบบ LED โปรเจคเตอร์ พร้อมไฟ Daytime Running Light แบบ LED ร่วมสมัยดูโฉบเฉี่ยวไม่น้อย กระจังหน้าโครเมี่ยมซี่แนวนอนขนาดใหญ่ออกแบบให้เชื่อมไฟหน้าทั้งสองข้างเข้าไว้ด้วยกัน กันชนด้านล่างติดตั้งไฟตัดหมอกแบบฮาโลเจนทรงกลม ล้อมด้วยกรอบสีดำ ไฟหน้าของ ไฮลักซ์ รีโว่ ทุกรุ่น มาพร้อมระบบเปิด-ปิดไฟอัตโนมัติ แถมยังเสริมความหรูหราด้วย Daytime Running Light ไล่มาทางด้านข้าง จะเห็นเส้นสายที่ออกแบบให้โป่งนูนกว่ารุ่นก่อน ช่วยเพิ่มลุคบึกบึนมากขึ้น ติดตั้งมือจับประตูแบบโครเมี่ยม บันไดข้างสีดำ ตัวถังวางอยู่บนล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว พร้อมยางแบบ All Terrain ขนาด 265/65 R17 ด้านท้ายติดตั้งไฟท้ายทรงสามเหลี่ยมแนวตั้ง พร้อมไฟตัดหมอกหลังช่วยเพิ่มความปลอดภัยในกรณีฝนตกหนัก หรือหมอกลงจัด ติดตั้งไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED บริเวณฝากระบะท้าย พร้อมกันชนท้ายตกแต่งด้วยโครเมี่ยมพร้อมแผ่นกันลื่นสีดำขนสัมภาระใส่ท้ายกระบะพร้อมออกเดินทาง เส้นทางช่วงนี้เป็นทางลาดยาง 4 เลน แถมยังเป็นทางราบ ขับง่ายสบายมากมีถนนที่มีการก่อสร้างบางช่วงเท่านั้น เราใช้เวลาเดินทางประมาณ 4-5 ชั่วโมง เพราะประเทศอุสเบกิสถานเขาจำกัดความเร็วนอกเมืองห้ามเกิน 100 ก.ม./ชม. ในเขตชุมชน 70 ก.ม/ชม. ขับมาแบบเพลินๆ ชมวิวทิวทัศน์ที่แปลกตามาเรื่อยๆ สักเกตุว่าทุกสายตาของคนอุสเบกิจสถานจับจ้องมาที่ขบวนคาราวานของเราเพราะไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวผ่านมาเท่าไหร่ แถมยังขับรถมาอีกและเจ้าโตโยต้ารีโว่ ยังมีรูปลักษณ์ภานนอกที่สวยงามบึกบึน หรูหรา สะดุดตา อีกต่างหากจอดหรือขับผ่านที่ไหน มีแต่คนมาถ่ายรูปกันเพียบเลย
เผลอแปปเดียวเราก็เดินทางมาถึงเมืองซามาร์คานด์ ซึ่งเมืองนี้เป็นเมืองที่เก่าแก่ที่สุดเมืองหนึ่งในเอเซียกลาง มีสมญานามว่า เมืองแห่งโดมสีฟ้า เข้าเขตเมืองพูดเลยว่ารู้สึกเสียดายมากที่ไม่ได้นอนค้างคืนที่เมืองนี้ สวยงามสมคำล่ำลือ มองดูเวลาเที่ยงกว่าเลยแวะเติมพลังให้คนขับกันหน่อย บอกเลยประเทศนี้ ผัก ผลไม้ เป็นอาหารราคาแพง และคนส่วนมากก็นิยมกินผักคณะเราก็เลยต้องกินผักเป็นอาหารหลัก หลังจากเติมพลังกันจนเต็ม คาราวานรีโว่ทั้งหมดก็ออกเดินทางไปเยี่ยมชม มัดสะยิดที่เป็นจุดไฮไลท์มองเมืองนี้ หรือจะเรียกได้ว่าใครมาเที่ยวอุสเบกิสถานแล้วไม่ได้มาชมที่นี่ถือว่ามาไม่ถึง นั้นคือ Registan มัดสะยิดที่งดงามติดอันดับ 1 ใน 5 ของโลกเยี่ยมชมความงดงามเก็บภาพไว้เป็นที่ระลึกและเก็นไว้ในความทรงจำ เพราะเรามีเวลาแค่เพียงแปปเดียว
จากนั้นเราเดินทางกันต่ออีก 300 กิโลเมตรมุ่งหน้าสู่เมืองชายแดนบุคคาร่า ทางในช่วงนี้ก็เป็น 4 เลนลาดยางอีกเช่นเคยวิว 2 ข้างทางเหมือนขับอยู่ต่างจังหวัดบ้านเรา บางช่วงก็เป็น 2 เลนสวนกัน แถมยังต้องลุ้นกับด่านตำรวจตลอดเวลาว่าจะให้เราผ่านไปได้หรือไม่ สนุกและลุ้นตลอดการเดินทางเลยครับ ใช้เวลาอีก 4 ชั่วโมงเราก็เดินทางมาถึงเมืองบุคคาร่า เมืองนี้ก็สวยงามใช่เล่นเหมือนกัน วิวสองข้างทางดูแปลกตา เพราะบ้านเรือนและสถาปัตยกรรมต่างๆ รวมถึงใบหน้าของผู้คนออกไปทางอาหรับมากขึ้น นำสัมภาระลงจากรถเช็คอินเข้าโรงแรม ออกมาทานข้าวเย็นเดินชมเมือง ช็อปปิ้งอีกเล็กน้อยก่อนจะเข้านอนพร้อมออกเดินทางข้ามประเทศไปเติร์กเมนิสถาน เราต้องออกกันแต่เช้าหน่อยเพราะเขาแจ้งมาว่า ด่านเติร์กเมนิสถานเข้ายากกว่าอุซเบกิสถานอีกจึงต้องใช้เวลาที่ด่านนานพอสมควร
คอยติดตามกนนะครับ ว่าการเดินทางในวันพรุ่งนี้จะสนุกและตื่นเต้นขนาดไหน เพราะเราไม่สามารถคาดเดาอะไรได้จริงๆ เส้นทางในประเทศเติร์กเมนิสถานจะเป็นอย่างไร สองข้างทางและเมืองจะสวยขนาดไหนมาคอยติดตามกันครับ
เรื่อง : ณัฐพล เดชสิงห์
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th