ค็อกพิทตั้งเป้า ขึ้นอันดับ 1 ในตลาดฟาสต์ฟิตใน 3 ปี พร้อมปรับตัวเป็นศูนย์บริการครบวงจรให้ครบ 300 สาขา ภายในปีนี้
บริษัท บริดจสโตนเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะผู้นำด้านการผลิตยางรถยนต์อันดับหนึ่งในประเทศไทย และอยู่คู่ธุรกิจยางรถยนต์ในประเทศไทยมากว่า 51 ปี ส่ง ค็อกพิท (Cockpit) ลุยสู้ศึกตลาดฟาสต์ฟิต สู่การเป็น “ศูนย์บริการรถยนต์ครบวงจร”
ปี 2534 นับเป็นก้าวแรกของธุรกิจค้าปลีกของบริดจสโตนในประเทศไทย จากการเปิด “ค็อกพิท” ศูนย์บริการยางรถยนต์สาขาแรกในประเทศไทย ที่บริหารงานโดยบริษัท บริดจสโตนเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่ให้บริการด้านการขายยางรถยนต์ รวมถึงมีการให้ข่าวสารความรู้ด้านการดูแลรักษายางรถยนต์ให้แก่ลูกค้าอย่างใกล้ชิด ต่อมาในปี 2551 บริดจสโตน ได้เข้าซื้อกิจการเครือข่ายค้าปลีกของกลุ่มเชลล์ และจัดตั้งเป็น “บริษัท บริดจสโตน เอ.ซี.ที (ประเทศไทย) ขึ้นเพื่อมาดูแลศูนย์บริการรถยนต์ภายใต้แบรนด์ “แอค” ศูนย์บริการรถยนต์ที่พร้อมให้บริการแก่ผู้ใช้รถยนต์ทุกท่าน ตั้งแต่การบริการเปลี่ยนยางรถยนต์ น้ำมันเครื่อง เบรก โช้คอัพ แบตเตอรี่ และการบำรุงรักษารถยนต์
สำหรับการก้าวขึ้นเป็น “ศูนย์บริการรถยนต์ครบวงจร” ในตลาดฟาสต์ฟิตนั้น ทางบริดจสโตนเซลส์ นำโดย คุณธนวัฒน กิตติรัตนาภรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บริดจสโตน เอ.ซี.ที (ประเทศไทย) จำกัด ได้งัดกลยุทธ์สำคัญที่เหมาะสมสำหรับตลาดในปัจจุบัน และในอนาคต ชู 3 กลยุทธ์หลัก คือ 1. ยกระดับศูนย์บริการ 2. นำเสนอความหลากหลายของผลิตภัณฑ์และบริการ และ 3. ขยายสาขาทั่วไทย ตอกย้ำภาพลักษณ์ผู้นำในตลาดด้านการให้บริการลูกค้าที่ครอบคลุมพื้นที่ทั่วภูมิภาคในประเทศไทย กับสโลแกนใหม่ “คุ้มครบไว อุ่นใจที่ค็อกพิท” เพราะไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ใด ค็อกพิทพร้อมดูแลคุณได้อย่างครบครัน รวดเร็วและคุ้มค่า พร้อมคำนึงถึงความปลอดภัยของลูกค้าทุกคน
“การแข่งขันตลาด “ฟาสต์ฟิต” (Fast Fit) ในประเทศไทยนับว่ามีการแข่งขันที่รุนแรง ทั้งกิจกรรมทางการตลาด โปรโมชั่นต่างจากแบรนด์ต่างๆ และแบรนด์ใหม่ๆ ของศูนย์บริการรถยนต์เพิ่มขึ้นมาทุกปี บริดจสโตน ในฐานะเจ้าแรกของการดำเนินธุรกิจฟาสต์ฟิตในประเทศไทย พร้อมที่จะสู้ศึกนี้ โดยยึดถือ ลูกค้าต้องมาก่อน (Customer Centric) เรามุ่งมั่นที่จะตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ได้ในทุกด้าน เมื่อลูกค้าก้าวเข้ามาที่ค็อกพิทแล้ว เราเชื่อมั่นว่าลูกค้าทุกคนจะได้รับประสบการณ์ที่ดีทั้งจากผลิตภัณฑ์และบริการ กลายเป็นศูนย์บริการรถยนต์รายแรกที่ทุกคุณคิดถึง เข้าไปอยู่ในใจลูกค้า จึงเป็นเหตุให้เกิดการควบรวมทีมงานของบริดจสโตน ส่ง “ค็อกพิท” สู้ศึกฟาสต์ฟิตนี้…”
“กลยุทธ์และแผนการดำเนินงาน 3 ด้าน ได้แก่ 1. ยกระดับให้ค็อกพิทเป็น “ศูนย์บริการรถยนต์ครบวงจร 2. นำเสนอความหลากหลายของผลิตภัณฑ์และบริการ ได้แก่ ยาง (นอกจากยางรถยนต์แบรนด์ Bridgestone, Firestone และ Dayton แล้ว ค็อกพิทจะนำยางแบรนด์อื่นๆ มาให้บริการลูกค้า ณ ศูนย์บริการด้วย) น้ำมันเครื่อง (บริการเปลี่ยนถ่ายและจำหน่ายน้ำมันเครื่องคุณภาพ) แบตเตอรี่ (บริการจำหน่ายและเปลี่ยนแบตเตอรี่ด้วยผลิตภัณฑ์คุณภาพ) เบรค (บริการครบครันเพื่อประสิทธิภาพด้านระบบเบรคของรถยนต์) โช้คอัพ (บริการติดตั้งโช้คอัพด้วยเทคโนโลยีทันสมัยพร้อม คุณภาพที่ผ่านมาตรฐานกระบวนการผลิต) และการบำรุงรักษารถยนต์ (เพื่อให้รถของคุณสามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพบนความปลอดภัยในทุกการเดินทาง) และ 3. การขยายสาขาทั่วไทย โดยเริ่มจากการเปลี่ยน “แอค” ทุกสาขาเป็น “ค็อกพิท” โดยตั้งเป้าหมายให้มีสาขาทั่วประเทศไทยมากกว่า 300 สาขาในปี 2563 และจากแผนกลยุทธ์ที่กล่าวมาข้างต้น และด้วยบริการที่ครบครับ จำนวนสาขาที่เพิ่มขึ้นครอบคลุมทั่วไทย จากการปรับแผนการตลาดครั้งนี้ขึ้น สามารถคาดการณ์ยอดขายที่เติบโตขึ้น 10% โดยเทียบจากยอดขายปีที่ผ่านมา…” คุณธนวัฒนกล่าว
นอกจากนี้ค็อกพิทเปิดตัว TVC โปรโมชั่นล่าสุด ที่จะพร้อมให้รับชมทั่วประเทศในวันที่ 25 มีนาคม 2563 อาทิ *น้ำมันเครื่อง PTT กึ่งสังเคราะห์รุ่น 10W-40 เกรดหมื่นโล ขนาด 4 ลิตร ราคาเพียง 666 บาท พร้อมทั้ง ฟรี น้ำมันเครื่อง 1 ลิตร, ฟรี ไส้กรอง, ฟรี เสื้อยืด เป็นต้น และ *โปรโมชั่นยางรถยนต์เดย์ตัน ซื้อ 3 แถม 1
**โปรโมชั่น เริ่มตั้งแต่ 25 มีนาคม – 31 พฤษภาคม 2563 ทุกศูนย์บริการค็อกพิททั่วประเทศ
ค็อกพิท “ศูนย์บริการรถยนต์ครบวงจร” พร้อมแล้วที่จะให้บริการลูกค้าด้วยการบริการ ผลิตภัณฑ์และอุปกรณ์ชั้นนำคุณภาพสูงและครบครัน อำนวยความสะดวกด้านการบริการรถยนต์อย่างครบวงจร ด้วยทีมช่างมืออาชีพที่พร้อมให้คำปรึกษา จึงมั่นใจได้ว่าเมื่อใช้บริการที่ค็อกพิท ท่านจะได้รับความปลอดภัยตลอดในทุกการเดินทาง สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.cockpit.co.th, www.facebook.com/CockpitTH
เรื่อง : กองบรรณาธิการ
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRAND PRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th