MAZDA2 & TOYOTA YARIS TRD & NISSAN NOTE & HONDA JAZZ งบ 7 แสน จัดอะไรเป็นพาหนะคู่ใจดี
ถึงแม้จะมีการแบ่งเซ็กเมนต์ของรถออกเป็นเซ็กเมนต์ต่างๆ มากมายอย่างในปัจจุบัน แต่ในความเป็นจริงที่พบได้อยู่บ่อยครั้งของผู้บริโภคในบ้านเรา มีการเลือกซื้อรถโดยการใช้งบประมาณเป็นตัวตั้ง หาใช่การเทียบในกลุ่มเซ็กเมนต์เป็นหลัก ด้วยแนวคิดนี้จึงเป็นที่มาของคอลัมน์เทสต์ไดร์ฟในฉบับนี้ ที่มีการตั้งโจทย์ออกมาดูว่า ถ้ามีงบอยู่ประมาณ 7 แสน เราจะซื้อรถแฮตช์แบ็กอะไรได้บ้าง รถ 4 รุ่นที่นำมาทดสอบในครั้งนี้เลยมีทั้งรถจากเซ็กเมนต์อีโคคาร์ และเซ็กเมนต์ซิตี้คาร์ที่มีระดับราคาใกล้เคียงงบประมาณนำมาทำการทดสอบในฉบับนี้
เรื่องของรูปลักษณ์หน้าตานั้น หากจะนำมาเทียบกันก็คงจะเป็นเรื่องที่ตัดสินกันได้ยาก เพราะต่างคนต่างก็มีความชื่นชอบมีสไตล์เป็นของตัวเอง ด้วยเหตุนี้เราจะขอข้ามหัวข้อนี้กันดีกว่า เอาเป็นมาชมภาพและพิจารณากันตามความชอบส่วนบุคคลกันไป สำหรับรูปลักษณ์ภายนอกของรถทั้ง 4 รุ่น
แต่ถ้ามาพูดถึงบรรดาอุปกรณ์อำนวยความสะดวกในการใช้งานหรือเหล่าลูกเล่นไฮเทคที่ติดตัวมาให้นั้น อันนี้สามารถที่จะว่ากันไปได้สบายๆ อย่างเรื่องของระบบไฟหน้า ทั้งฮอนด้า แจ๊ซ นิสสันโน๊ต และมาสด้า2 ล้วนให้มาด้วยไฟหน้าแบบ LED ที่ทันสมัย ให้แสงที่สว่างสำหรับการใช้งานในยามค่ำคืนได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะแจ๊ซ และมาสด้า2 นั้น ยังมาพร้อมไฟเดย์ไลต์แบบ LED ที่ช่วยเติมความโฉบเฉี่ยวและความปลอดภัยในการขับขี่ได้ดียิ่งขึ้น ในขณะที่โน๊ตนั้น ให้มาเพียงแค่ไฟหรี่แบบ LED ที่ดูคล้ายไฟเดย์ไลต์แต่กลับไม่สามารถทำงานในทันทีที่สตาร์ตรถได้ จะต้องเปิดใช้งานในเวลาที่เปิดไฟหรี่หรือไฟหน้าเท่านั้น ส่วนยาริสนั้น ก็มีไฟเดย์ไลต์ติดตั้งมาให้กับชุดแต่ง TRD ที่เพิ่มเติมมา
นอกเหนือจากเรื่องระบบไฟหน้าไฟท้ายแล้ว อีกหนึ่งเรื่องที่ช่วยเติมความสบายในการใช้งานกับระบบกุญแจอัจฉริยะที่มีให้มานั้น งานนี้ทั้งมาสด้า2 นิสสัน โน๊ต และฮอนด้า แจ๊ซ นั้นมีติดตั้งมาให้พร้อมจากโรงงาน เติมความสบายให้การควบคุมการล็อกและคลายล็อก ไปจนถึงการสตาร์ตเครื่องยนต์ที่สามารถทำได้โดยไม่ต้องหยิบกุญแจออกมาจากกระเป๋าเลย ในขณะที่ยาริสนั้น มีเพียงแค่รีโมตควบคุมการล็อกคลายล็อกให้มาเท่านั้นในหัวข้อนี้
JAZZ กับ NOTE นำโด่งในเรื่องของความกว้างขวาง
หากพูดถึงขนาดของห้องโดยสารกันแล้ว งานนี้คู่ที่มีคะแนนนำแบบสูสีกันมากระหว่างแจ๊ซกับโน๊ต ด้วยขนาดของรถที่มีพิกัดใกล้เคียงกัน ทำให้ห้องโดยสารของทั้งคู่มีความโดดเด่นในเรื่องของขนาดและพื้นที่ใช้สอยที่มีให้มาก สามารถให้ความสะดวกสบายได้ดี ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ตอนหน้าไปจนถึงพื้นที่ตอนหลัง อีกทั้งในส่วนของห้องสัมภาระหลังก็ยังมีพื้นที่ที่เพียงพอต่อการขนสัมภาระได้อย่างเหลือๆ หมดกังวลสำหรับขาช็อป ด้วยเหตุนี้เอง ที่ทำให้ทั้งแจ๊ซและโน๊ตนั้นมีคะแนนนำโด่งออกมาในหัวข้อนี้ ส่วนอันดับสามที่ตามมาติดๆ นั่นตกเป็นของยาริส ที่ดูจะเป็นรองสองคันแรกอยู่เล็กน้อย จากรูปทรงของรถที่มีความสูงของหลังคาที่น้อยกว่า ทำให้พื้นที่ด้านบนศีรษะนั้นตกเป็นรองอย่างเห็นได้ชัด ส่วนมาสด้า2 นั้นตกเป็นรองที่สุดในเรื่องของพื้นที่ภายในห้องโดยสารที่ถูกจำกัดมาจากขนาดของตัวรถที่กะทัดรัดกว่าเพื่อน เลยทำให้ทั้งพื้นที่วางขาไปจนถึงพื้นที่ด้านบนศีรษะของตำแหน่งเบาะหลังนั้นมีค่อนข้างจำกัดอยู่มาก
ว่ากันด้วยเรื่องของความปลอดภัยที่มีมาให้
ในเรื่องของอุปกรณ์เสริมเพื่อความปลอดภัยนั้น นิสสัน โน๊ต ให้มากันแบบจัดเต็ม อย่างระบบเตือนการชนด้านหน้า และระบบเตือนการออกนอกเลน ที่จะคอยส่งเสียงเตือนหากมีการขับเข้าใกล้รถคันหน้าจนถึงระยะที่เสี่ยงต่อการชน และยังคอยเตือนเป็นสัญญาณเสียงหากตัวรถมีการเบี่ยงออกนอกเลนโดยที่ไม่มีการเปิดไฟเลี้ยว ไปจนถึงระบบกล้องมองภาพแบบ 360 องศา ที่สามารถแสดงภาพรอบคัน ช่วยเติมความสะดวกในการขับขี่ในที่แคบได้ดี แต่จะเสียอยู่นิดก็ตรงที่ใช้การแสดงผลที่มุมของกระจกมองหลัง ซึ่งมีขนาดจอภาพที่ค่อนข้างเล็กมาก และอยู่ในตำแหน่งที่ไม่ค่อยคุ้นเคยสักเท่าไหร่ ในการใช้งานแรกๆ ส่วนคันถัดมาอย่างมาสด้า2 ก็มีอุปกรณ์มาตรฐานอย่างระบบป้องกันการลื่นไถลขณะออกตัว (TC) ติดตัวมาให้เป็นมาตรฐานจากโรงงาน แต่ไฮไลต์ของมาสด้า2 ใหม่ น่าจะเป็นชุดจอแสดงผลทางด้านบนคอนโซล ที่ช่วยให้ผู้ขับไม่ต้องละสายตาลงไปหามาตรวัด โดยตัวจอนี้สามารถบอกความเร็วเป็นตัวเลขดิจิทัลที่เห็นได้ชัดเจน แม้ใช้งานในเวลากลางวันที่มีแสงแดดแรง และจะพับเก็บให้โดยอัตโนมัติในทันทีที่ดับเครื่องยนต์
มาถึงฮอนด้า แจ๊ซ ที่ให้มาด้วยอุปกรณ์มาตรฐานอย่างระบบช่วยควบคุมการทรงตัว (VSA) ไปจนถึงชุดถุงลมที่มีมากถึง 6 ตำแหน่ง เติมความปลอดภัยให้มีมากยิ่งขึ้นในยามที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ระบบกล้องมองหลังที่เพิ่มความพิเศษให้มากขึ้น ตรงที่ผู้ขับสามารถเลือกมุมมองของภาพในขณะที่กำลังถอยหลังรถได้ถึง 3 แบบ จากมุมมองแบบปกติ เพิ่มเป็นมุมมองภาพแบบกว้าง และมุมมองแบบเน้นระยะใกล้ ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ถอยหลัง
1.3 ลิตร มาแรงสุดในกลุ่ม
เรื่องของขุมพลังนั้น หากจะเทียบกันในรถทั้ง 4 รุ่นก็อาจจะดูมีความเหลื่อมล้ำกันไปนิด เพราะ 1 ใน 4 คันนี้มีฮอนด้า แจ๊ซ ใหม่ ที่อยู่คนละพิกัดกัน ด้วยแจ๊ซนั้น ขยับขึ้นไปอยู่ในกลุ่มรถซิตี้คาร์ ในขณะที่มาสด้า2 นิสสัน โน๊ต และโตโยต้า ยาริสนั้น อยู่ในกลุ่มอีโคคาร์ แต่ถ้ามาดูในกลุ่มอีโคคาร์นั้นก็มีทั้ง 1.2 และ 1.3 ลิตร นับว่ามีความใกล้เคียงกัน ถึงแม้จะมีความจุของเครื่องยนต์ที่ต่างกันอยู่หนึ่งร้อย ซี.ซี. เพราะในกลุ่มนี้ล้วนเป็นกลุ่มที่มีแรงม้าให้ใช้งานไม่เกิน 100 ตัว ที่จะแตกต่างจากแจ๊ซที่จะขยับพละกำลังขึ้นไปถึง 117 แรงม้า กับแรงบิดสูงสุดที่มากถึง 14.9 กก.-ม. จากพิกัดเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร ที่ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT ให้สมรรถนะอัตราเร่งที่ดี เพียงพอต่อการใช้งาน แต่ก็หาใช่ที่จะประมาทอีโคคาร์ที่มีความจุเครื่องยนต์ที่น้อยกว่าได้ เพราะมาสด้า2 ที่มีเครื่องยนต์แค่ 1.3 ลิตร แต่ด้วยชุดเกียร์อัตโนมัติแบบ 6 สปีด (คันเดียวในกลุ่มทดสอบนี้ที่เป็นเกียร์อัตโนมัติแบบ 6 สปีด) ที่โดดเด่นในเรื่องของความรวดเร็วในการทำงาน ตอบรับการขับขี่ได้สนุกเร้าใจ สามารถที่จะให้ความรู้สึกทันอกทันใจชนิดที่หายใจรดต้นคอเครื่อง 1.5 มาติดๆ
ส่วน 1.2 ลิตรอีกสองคันที่มาทั้งแบบเครื่อง 4 สูบ และ 3 สูบ นั้น ก็มีกำลังให้เรียกใช้งานได้อย่างพอเพียง บุคลิกออกไปในแนวนุ่มๆ แต่มีพร้อมในยามที่ต้องการ โดยทำงานร่วมกับชุดเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT ที่ยังคงชูจุดเด่นในเรื่องของความต่อเนื่องและนุ่มนวลในการทำงาน
มาถึงเรื่องของความประหยัด หัวข้อที่พลิกโผชนิดที่เกจิยังตกเก้าอี้
จากการทดสอบการใช้งานในเมืองและการขับขี่เดินทางระหว่างเมือง ตัวเลขที่ออกมาสำหรับการเดินทางในเมือง หลังจากฟันฝ่าการจราจรที่สนุกสนานของบ้านเรามาแล้ว จะเห็นได้ว่ารถในกลุ่มนี้นั้นค่อนข้างจะมีผลการทดสอบที่ได้อยู่ในกลุ่มใกล้เคียงกันในหัวข้อทดสอบนี้ โดยผู้ที่สามารถทำตัวเลขของอัตราสิ้นเปลืองสำหรับการขับขี่ในเมืองได้ถึง 13.1 กม./ลิตร นั่นก็คือ โตโยต้า ยาริส ทีอาร์ดี ตามติดมาด้วยมาสด้า2 กับตัวเลขอัตราสิ้นเปลือง 12.97 กม./ลิตร และฮอนด้า แจ๊ซ ที่ได้อัตราสิ้นเปลืองอยู่ที่ 12.2 กม./ลิตร ปล่อยให้นิสสัน โน๊ต รับตำแหน่งรั้งท้ายสุดของกลุ่ม ด้วยตัวเลข 11.0 กม./ลิตร ที่พอจะเห็นได้ถึงสาเหตุของตัวเลขที่น้อยสุดในกลุ่มนั้นน่าจะมาจากขนาดของตัวรถที่ใหญ่ แต่เครื่องยนต์กลับมีขนาดที่เล็กกว่า ทั้งความจุและจำนวนลูกสูบ เลยต้องรับภาระหนักกว่า โดยเฉพาะการใช้งานในเมืองที่มีการเร่งออกตัวที่บ่อยครั้งกว่า
มาถึงอัตราความสิ้นเปลืองของการใช้งานเดินทางนอกเมืองที่มักจะมีช่วงให้เราได้ใช้ความเร็วคงที่กันบ่อยครั้ง โดยความเร็วเฉลี่ยที่ได้ใช้จะอยู่ที่ประมาณ 100 กม./ชม. ผลออกมานั้นค่อนข้างพลิกโผเป็นอย่างมาก จากเดิมที่คาดเดากันว่ารถในกลุ่มอีโคคาร์ที่มีเครื่องเล็กอย่างยาริสหรือโน๊ต น่าจะโดดเด่นในหัวข้อนี้ แต่หลังจากการทดสอบเสร็จสิ้น ม้ามืดอย่างมาสด้า2 เจ้าของเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ สามารถกินขาดคู่แข่งด้วยตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองนอกเมืองไปถึง 26.3 กม./ลิตร ทิ้งอันดับที่ 2 นิสสัน โน๊ต ที่ตามมาห่างๆ ไว้ที่ 23.62 และโตโยต้า ยาริส ในอันดับ 3 ด้วยตัวเลข 19.28 กม./ลิตร ปล่อยให้ฮอนด้า แจ๊ซ รับตำแหน่งที่ 4 รั้งท้ายไปตามคาด ด้วยตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองที่ 15.9 กม./ลิตร เป็นการลบความคิดเดิมๆ ที่ว่าเครื่องยนต์ที่เล็กกว่านั้นจะมีภาษีที่ดีกว่าในเรื่องของความประหยัดไปในทันที เพราะถ้าเครื่องยนต์ที่มีขนาดใหญ่กว่าแต่มีความพอเหมาะกับตัวรถ และเทคโนโลยีที่ทันสมัย ก็สามารถสร้างความประหยัดได้ดี เพราะถ้ามองถึงเทคโนโลยีที่ติดมาในตัวเครื่องยนต์ของมาสด้า2 นั้น จะพบว่าเครื่องยนต์ของมาสด้า2 นี้มีกำลังอัดในห้องเผาไหม้ที่สูงถึง 12.0 : 1 สูงที่สุดในเครื่องยนต์ทั้ง 4 ตัวที่นำมาทดสอบ และยังเป็นเครื่องยนต์เพียงตัวเดียวที่ใช้ระบบจ่ายเชื้อเพลิงแบบตรงเข้าสู่ห้องเผาไหม้ (ไดเร็กอินเจ็กชัน) ประกอบกับการทำงานของชุดเกียร์อัตโนมัติลูกใหม่แบบ 6 สปีด สามารถให้ความต่อเนื่องจากอัตราทดที่มีมากขึ้น เทียบเคียงกับความต่อเนื่องของเกียร์แบบ CVT ได้เลย
ความคิดเห็นนักทดสอบที่ 1
ในมุมมองของคนวัยสี่สิบอัพนั้น จะรู้สึกว่าทั้งแจ๊ซและโน๊ตนั้น จะมีช่วงล่างที่ค่อนข้างกระด้าง โดยเฉพาะผู้นั่งหลังนั้นจะสามารถรับรู้ได้ถึงความกระด้างเมื่อเทียบกับอีกสองคัน เลยทำให้ถ้าชื่นชอบรถนั่งสบาย ยาริสจะสามารถตอบโจทย์ได้ดีกว่า แต่ถ้าพูดกันเรื่องความกว้างขวางสะดวกสบายของห้องโดยสารแล้ว โน๊ต นั้นสามารถให้ความโดดเด่นในเรื่องของห้องโดยสารแบบนำโด่ง โดยเฉพาะพื้นที่วางขาของเบาะหลังที่มีมาก ช่วยเติมความสบายในการใช้งานได้ดี จากระยะฐานล้อที่ยาวและมิติของรถที่ใหญ่สุดในกลุ่มรถทดสอบทั้ง 4 คันที่นำมา ซึ่งก็ต้องแลกความสะดวกสบายมาด้วยอัตราสิ้นเปลืองหากใช้งานในเมืองที่มากสักนิดเมื่อเทียบกันใน 4 รุ่น จากภาระที่มากของเครื่องยนต์ในการขับๆ หยุดๆ แต่ถ้าได้วิ่งยาวๆ แล้ว สามารถตีตื้นความโดดเด่นได้ดีเลยทีเดียว
ความคิดเห็นนักทดสอบที่ 2
ในมุมมองของคนที่ชอบขับ มาสด้า2 สามารถชูความสนุกในการขับขี่ได้ดี จากการตอบสนองของทั้งเครื่องยนต์ ชุดเกียร์ ไปจนถึงฟีลลิ่งของช่วงล่าง ที่มีมาในสไตล์สปอร์ต ขับสนุกจนเกือบลืมไปว่านี่เป็นเพียงรถอีโคคาร์ ในขณะที่แจ๊ซ ใหม่ ก็สามารถให้ความสนุกได้ดีไม่น้อยหน้ามาสด้า2 มากนัก แต่ให้ความเหนือกว่าตรงที่สามารถให้ความสบายของคนนั่งหลังได้ดีกว่า จากห้องโดยสารที่มีขนาดที่ใหญ่โต ซึ่งต้องแลกมาด้วยราคาค่าตัวที่สูงถึง 7.54 แสน (มากกว่ามาสด้า2 อยู่ถึง 84,000) ในขณะที่ยาริส ทีอาร์ดีนั้น ได้เปรียบตรงที่ราคาถูกที่สุดในกลุ่ม เพราะเป็นการนำรุ่นรองของตระกูลยาริสมาเพิ่มเติมสีสัน ด้วยเหตุนี้เอง ที่ทำให้ออปชันต่างๆ ที่ติดตัวมาอาจจะดูน้อยจนสู้รถอีก 3 คันไม่ค่อยได้
ข้อมูลทางเทคนิค
ยี่ห้อและรุ่นรถ MAZDA 2 HATCHBACK 1.3SP
ประเทศผู้ผลิต และรุ่นปี ประเทศไทย รุ่นปี 2017
แบบเครื่องยนต์ 4 สูบ แถวเรียง 16 วาล์ว
ปริมาตรความจุ (ซีซี.) 1,299
กระบอกสูบ x ระยะชัก (มม.) 71.0 X 82.0
อัตราส่วนกำลังอัด 12.0 : 1
ระบบควบคุมเครื่องยนต์ หัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ไดเร็คอินเจ็คชั่น
กำลังสูงสุด (แรงม้า / รอบ / นาที) 93 / 5,800
แรงบิดสูงสุด (กก.-ม. / รอบ / นาที) 12.54 / 4,000
ถังเชื้อเพลิงจุ (ลิตร) 35
ระบบขับเคลื่อน ล้อหน้า
ระบบเกียร์ อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมแมนนวลโหมด (Activematic)
ระบบพวงมาลัย แร็คแอนด์พิเนี่ยนพร้อมเพาเวอร์ช่วยแบบไฟฟ้า EPAS
ระบบกันสะเทือนหน้า อิสระ แบบแม็คเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง
ระบบกันสะเทือนหลัง แบบทอร์ชั่นบีม
ระบบเบรก หน้า/หลัง ดิสก์เบรก / ดรัมเบรก
มิติ กว้าง X ยาว X สูง (มม.) 1,695 x 4,060 x 1,495
ฐานล้อยาว (มม.) 2,570
ความกว้างของล้อหน้า (มม.) 1,495
ความกว้างของล้อหลัง (มม.) 1,485
น้ำหนักรถ (กก.) 1,054
ล้อ อัลลอย ขนาด 15”
ยาง 185 / 65 R15
อัตราความสิ้นเปลือง (กม./ลิตร)
ในเมือง 12.97
นอกเมือง 26.3
ราคาจำหน่าย (บาท) 670,000
ข้อมูลทางเทคนิค
ยี่ห้อและรุ่นรถ TOYOTA YARIS TRD Sportivo
ประเทศผู้ผลิต และรุ่นปี ประเทศไทย รุ่นปี 2017
แบบเครื่องยนต์ 4 สูบ แถวเรียง DOHC 16 วาล์ว Dual VVT-i
ปริมาตรความจุ (ซีซี.) 1,197
กระบอกสูบ x ระยะชัก (มม.) 72.5 X 72.5
อัตราส่วนกำลังอัด 11.5 : 1
ระบบควบคุมเครื่องยนต์ หัวฉีด EFI
กำลังสูงสุด (แรงม้า / รอบ / นาที) 86 / 6,000
แรงบิดสูงสุด (กก.-ม. / รอบ / นาที) 11.0 / 4,000
ถังเชื้อเพลิงจุ (ลิตร) 42
ระบบขับเคลื่อน ล้อหน้า
ระบบเกียร์ อัตโนมัติ Super CVT-i
ระบบพวงมาลัย แร็คแอนด์พิเนี่ยนพร้อมเพาเวอร์ช่วย
ระบบกันสะเทือนหน้า อิสระ แบบแม็คเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง
ระบบกันสะเทือนหลัง แบบทอร์ชั่นบีม และคอยล์สปริงพร้อมเหล็กกันโคลง
ระบบเบรก หน้า/หลัง ดิสก์เบรก / ดรัมเบรก
มิติ กว้าง X ยาว X สูง (มม.) 1,700 x 4,115 x 1,475
ฐานล้อยาว (มม.) 2,550
ความกว้างของล้อหน้า (มม.) 1,470
ความกว้างของล้อหลัง (มม.) 1,460
น้ำหนักรถ (กก.) 1,040
ล้อ อัลลอย ขนาด 15”
ยาง 185 / 60 R15
อัตราความสิ้นเปลือง (กม./ลิตร)
ในเมือง 13.1
นอกเมือง 19.28
ราคาจำหน่าย (บาท) 585,000
ข้อมูลทางเทคนิค
ยี่ห้อและรุ่นรถ NISSAN NOTE 1.2L VL CVT
ประเทศผู้ผลิต และรุ่นปี ประเทศไทย รุ่นปี 2017
แบบเครื่องยนต์ 3 สูบ แถวเรียง DOHC 12 วาล์ว
ปริมาตรความจุ (ซีซี.) 1,198
กระบอกสูบ x ระยะชัก (มม.) 78.0 X 83.6
อัตราส่วนกำลังอัด 10.2 : 1
ระบบควบคุมเครื่องยนต์ หัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์มัลติพอยท์ (ECCS) 32 bit
กำลังสูงสุด (แรงม้า / รอบ / นาที) 79 / 6,000
แรงบิดสูงสุด (กก.-ม. / รอบ / นาที) 10.8 / 4,400
ถังเชื้อเพลิงจุ (ลิตร) 41
ระบบขับเคลื่อน ล้อหน้า
ระบบเกียร์ อัตโนมัติ XTRONIC CVT
ระบบพวงมาลัย แร็คแอนด์พิเนี่ยนพร้อมเพาเวอร์ช่วยแบบไฟฟ้า EPS
ระบบกันสะเทือนหน้า อิสระ แบบแม็คเฟอร์สันสตรัท โช้คอัพ คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง
ระบบกันสะเทือนหลัง แบบทอร์ชั่นบีม พร้อมเหล็กกันโคลง
ระบบเบรก หน้า/หลัง ดิสก์เบรก / ดรัมเบรก
มิติ กว้าง X ยาว X สูง (มม.) 1,695 x 4,105 x 1,535
ฐานล้อยาว (มม.) 2,600
ความกว้างของล้อหน้า (มม.) 1,480
ความกว้างของล้อหลัง (มม.) 1,485
น้ำหนักรถ (กก.) 1,061
ล้อ อัลลอย ขนาด 15”
ยาง 185 / 65 R15
อัตราความสิ้นเปลือง (กม./ลิตร)
ในเมือง 11.0
นอกเมือง 23.62
ราคาจำหน่าย (บาท) 640,000
ข้อมูลทางเทคนิค
ยี่ห้อและรุ่นรถ HONDA JAZZ RS+
ประเทศผู้ผลิต และรุ่นปี ประเทศไทย รุ่นปี 2017
แบบเครื่องยนต์ 4 สูบ แถวเรียง SOHC 16 วาล์ว i-VTEC
ปริมาตรความจุ (ซีซี.) 1,497
กระบอกสูบ x ระยะชัก (มม.) 73.0 X 89.4
อัตราส่วนกำลังอัด 10.3 : 1
ระบบควบคุมเครื่องยนต์ หัวฉีดมัลติพอยท์ PGM-FI
กำลังสูงสุด (แรงม้า / รอบ / นาที) 117 / 6,000
แรงบิดสูงสุด (กก.-ม. / รอบ / นาที) 14.9 / 4,700
ถังเชื้อเพลิงจุ (ลิตร) 40
ระบบขับเคลื่อน ล้อหน้า
ระบบเกียร์ อัตโนมัติ CVT
ระบบพวงมาลัย แร็คแอนด์พิเนี่ยนพร้อมเพาเวอร์ช่วยแบบไฟฟ้า (EPS)
ระบบกันสะเทือนหน้า อิสระ แบบแม็คเฟอร์สันสตรัท คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง
ระบบกันสะเทือนหลัง แบบทอร์ชั่นบีม แบบ H-shape
ระบบเบรก หน้า/หลัง ดิสก์เบรก / ดรัมเบรก
มิติ กว้าง X ยาว X สูง (มม.) 1,695 x 4,035 x 1,525
ฐานล้อยาว (มม.) 2,530
ความกว้างของล้อหน้า (มม.) 1,476
ความกว้างของล้อหลัง (มม.) 1,465
น้ำหนักรถ (กก.) 1,086
ล้อ อัลลอย ขนาด 16”
ยาง 185 / 55 R16
อัตราความสิ้นเปลือง (กม./ลิตร)
ในเมือง 12.2
นอกเมือง 15.9
ราคาจำหน่าย (บาท) 754,000
เรื่อง : กิตติศักดิ์ ด้วงพิมพ์
ภาพ : ภูดิท แซ่ซื้อ
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th