จับตาสองล้อเปิดตัวใหม่ในงาน Tokyo Motor Show 2017
ใกล้เข้าไปทุกที สำหรับงาน Tokyo Motor Show งานที่เหล่าผู้ผลิตยานยนต์ในญี่ปุ่นนั้นเปิดตัวรถประเภทต่างๆ โดยจะพาชมรถมอไซค์ที่มีแนวโน้มว่าจะเปิดตัวในงานนี้ ตามมาดูว่าแต่ละค่าย จะปล่อยของดี ทีเด็ดมาให้สัมผัสมากน้อยเพียงใด และที่สำคัญทางญี่ปุ่นนั้นจะนำเทคโนโลยีอะไรมาโชว์เราในงานนั้น ต้องตามมาลุ้นกันครับ
ค่าย HONDA ที่มาพร้อมกับการเฉลิมฉลองครบรอบ 70 ปี
โมเดลแรกก็คือ Honda Super Cub ซึ่งมี 2 รุ่น 110 cc และ 50 cc โดยใช้การออกแบบ Minimalism ที่ดูสวยงามลงตัว คงความคลาสสิกตามแนวทางของรถ Super Cub ด้วยไฟหน้ากลม ที่ดูเหมือนว่าจะเป็นตัวเดียวกันกับที่อยู่ใน Honda Cb150R ที่เปิดตัวในบ้านเราและเป็นกระแสอยู่ในตอนนี้ โดดเด่นด้วยเบาะนั่งแบบสั้นหรือเบาะนั่งเดียวทำให้ช่วงท้ายนั้นสามารถบรรทุกของหรือเสริมกล่องสัมภาระเข้าไปได้ และความคลาสสิกอีกหนึ่งอย่างที่เราเห็นกันก็คือระบบสตาร์ทเครื่องยนต์ด้วยเท้า Kick Start
อีกหนึ่งโมเดลกับ Honda Cross Cub ด้วยการออกแบบ Bodywork ที่เน้นความแคบของตัวรถ โดยไม่มีแผ่นบังลมหน้าเหมือน Super Cub แต่จุดเด่นของ Cross Cub อยู่ระบบกันสะเทือนด้านหน้าสีดำ และการ์ดไฟหน้าที่เสริมให้ดูน่าสนใจมากขึ้นกว่าเดิม อีกทั้งยังจะมีการเปิดตัวรถใหม่อย่าง 2018 Super Cub C125
และ 2018 Monkey 125 อีกด้วย
New CB400SF 2018 (Super 4) อีกโมเดลที่น่าสนใจ กับการเปลี่ยนแปลงในส่วนของ ไฟหน้าแบบ LED แบบ 4 x 4 EYES (4 ดวงแบบแยก 2 ดวงด้านบนและ 2 ดวงด้านล่าง) ซึ่งจะเป็นการแยกตำแหน่งไฟสูงและไฟต่ำนั่นเอง โดยแน่นอนว่าระบบไฟแบบนี้นั้นจะถนอมอายุการใช้งานของไฟ LED ได้มากกว่าแบบปกติ รวมไปถึงสร้างรูปแบบการดีไซน์ให้เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวด้วย โดยพื้นฐานของสเปคเครื่องยนต์แล้ว คาดว่าจะใช้เครื่องยนต์ขนาด 399.00 cc 4 สูบเรียง 4 จังหวะ ให้แรงม้าอยู่ที่ 52 ตัว ที่ 10,500 รอบ ทอร์ค 38 Nm ที่ 9,500 รอบ
และอีกหนึ่งจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของรถ Scooter ตระกูล PCX ที่เตรียมจะเปิดตัวรถในเวอร์ชั่นของระบบ Hybrid ซึ่งเจ้า PCX Hybrid นั้นจะมีจุดเด่นที่การติดตั้งแบตเตอร์รี่ไฮบริดสำหรับการขับเคลื่อนโดยเฉพาะมาให้ และแยกจากแบตเตอร์รี่ไฟฟ้าปกติ (เช่นเดียวกับที่ใช้ในรถยนต์) แต่รายละเอียดในการทำงานยังไม่ได้รับการเปิดเผยข้อมูลออกมา ซึ่งคาดว่าพวกฟังก์ชั่นต่างๆ ที่อยู่ใน PCX โมเดลล่าสุดจะยังคงติดตามมาด้วย ไม่ว่าจะเป็นระบบ Idling Stop, Keyless, ไฟ LED รอบคัน
Honda Riding Assist-e รถมอเตอร์ไซค์สุดล้ำที่สามารถทรงตัวได้เอง หมัดเด็ดจากทางค่าย แม้ว่าในการเปิดตัวครั้งนี้ก็จะยังคงเป็นรถคอนเซ็ปท์อยู่ แต่ว่ามันน่าจะมีความใกล้เคียงกับการผลิตจริงมากขึ้นกว่าเดิม เพราะแนวคิดของทาง Honda นั้นชัดเจนว่าเจ้า Riding Assist-e คันนี้จะเป็นรถที่ใช้พลังงานไฟฟ้า และระบบ self-balancing ที่จะทรงตัวได้เองในย่านความเร็วต่ำ หรือแม้กระทั่งจอดอยู่นิ่งๆ โดยไม่ต้อใช้ขาตั้ง หรือพูดง่ายๆ ว่ารถสามารถยืนได้เอง และเคลื่อนที่ได้เอง (แต่แน่นอนว่าจะต้องเปิดสวิทช์การทำงานไว้ด้วย) นอกเหนือจากเรื่องของความสามารถในการทรงตัวแล้ว ที่โดดเด่นเลยก็จะเป็นในเรื่องของแชสซีที่ยังมีความเป็นรถมอเตอร์ไซค์จริงๆ อย่างเต็มรูปแบบ รวมไปถึงในส่วนของเฟรมรถด้วย, สวิงอาร์มหลังเป็นแบบโปร์อาร์ม (อาร์มเดี่ยว) ใช้ยางของ Bridgestone Battlax sport-touring, ระบบเบรก Nissin, ระบบกันสะเทือนแบบลิงค์แอสซิส (เชื่อมต่อกัน) ระหว่างด้านหน้าและด้านหลัง, คันเร่งเป็นแบบไฟฟ้า, หลอดไฟส่องสว่างแบบ LED รอบคัน ส่วนท่านั่งในการขับขี่นั้นมีความเป็น Bobber อยู่ในตัวจากทรงรถ ลักษณะของแฮนด์ และความยาวเบาะ
ตามมาติดๆ กับ 2 รุ่นใหญ่สไตล์แกรนด์ทัวร์ริ่งจากทางค่ายอย่าง GL 1800 และ F6B 2018 หรือที่รู้จักกันในนามของตระกูล GOLDWING นั่นเอง โดยทั้ง 2 คันนี้ยังคงใช้ขุมกำลังขนาด 1832 ซีซี หกลูกสูบแบบ Flat-Six โดยได้ทำการปรับเปลี่ยนรูปแบบของ Massive Block ใหม่ ที่จะช่วยลดการปล่อยก๊าซมลพิษ และเพิ่มอัตราเร่งและพละกำลังสูงสุดได้ รวมไปถึงการออกแบบใหม่ของชุดแฟร์ริ่งที่ให้อารมณ์แบบสปอร์ตเต็มพิกัด พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกตามแนวทางของรถมอเตอร์ไซค์แกรนด์ทัวร์ริ่ง ที่หรูหราและสะดวกสบาย รวมไปถึงระบบช่วงล่างที่ได้รับการออกแบบใหม่ ในรูปแบบของ Hossack-styled design ไม่ได้มาในรูปแบบของท่อกลมๆ อีกต่อไป
มาถึงไฮไลท์อีกรุ่นของค่ายปีก นั่นก็คือ All New Honda CB1000R Hornet ในขณะที่คู่แข่งเองนั้นพยายามที่จะดีไซน์ให้มันดูล้ำยุคและดุดัน แต่ว่าทาง Honda เองนั้นกลับเลือกเดินในแนวทางที่แตกต่างกันออกไป โดยจะมาในรูปทรงที่ผสมผสานกลิ่นอายของความเป็นเรโทร แต่ว่าพวกออพชั่นต่างๆ นั้นยังคงจัดมาอย่างเต็มที่ ซึ่งหากเราจะนับอายุอานามของโมเดลนี้ ก็จะต้องบอกว่าอายุมันเกิน 10 ปีเข้าไปเรียบร้อยแล้ว โดย All New CB1000R คันนี้นั้น จะใช้เครื่องยนต์และระบบต่างๆ ที่มีพื้นฐานเดียวกันกับ All New CBR1000RR Fireblade ซึ่งมีเครื่องยนต์ขนาด 1,000cc แบบ 4 สูบเรียง ที่เพิ่งจะเปิดตัวไปเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมานั่นเอง ดังนั้นแล้วนอกเหนือไปจากเครื่องยนต์เดียวกัน ก็จะมีพวกออพชั่นต่างๆ ติดรถมาให้ด้วยไม่ว่าจะเป็นคันเร่งไฟฟ้า fly-by-wire throttle, ตัวควบคุมแรงบิด torque control, ตัวป้องกันล้อยก wheelie control, ตัวป้องกันล้อหมุนฟรี traction control และตัวเลือกในการเปิด-ปิด quickshifter หรือ auto-blipper ส่วนสวิงอาร์มด้านท้ายนั้นจะเป็นแบบโปร์อาร์ม (อาร์มเดี่ยว) และใช้ระบบไฟแบบ LED รอบคันอย่างแน่นอน ในขณะที่การออกแบบถังน้ำมันนั้นจะมีความแคบลงกว่าเดิม เพื่อให้มิตินั้นกระชับมากยิ่งขึ้น และต้องผ่านมาตรฐาน Euro 4 ด้วย
Yamaha
ทางค่าย Yamaha เตรียมเปิดตัว New Yamaha MWT-9 ซุปเปอร์สามล้อคลาสยักษ์ใหญ่ โดยจะต้องบอกว่าเจ้า MWT-9 นั้นเป็นรถในตระกูล MT ของทางค่าย (เช่นเดียวกันกับ MT-10, 09, 07 และ 03) แต่ว่าโดดเด่นด้วยการใช้ล้อหน้าคู่ โดยที่แกนของล้อนั้นสามารถเอียงเวลาเราเลี้ยวรถได้ด้วย ก็ต้องถือว่าเป็นบิ๊กไบค์คันแรกของทางค่ายที่ใช้คอนเซ็ปท์นี้ในการผลิต และมีเครื่องยนต์เดียวกันกับ MT-09 เพื่อนร่วมรุ่นในความจุอยู่ที่ 847 ซีซี 3 สูบ แบบ Crossplane Crankshaft ซึ่งจุดเด่นก็คือจะเป็นการรวมเอาข้อดีขอเครื่องยนต์แบบ 2 สูบและ 4 สูบไว้ด้วยกัน กล่าวคือมันมีอัตราเร่งในย่านความเร็วต้นที่ดีกว่าเครื่องยนต์แบบ 4 สูบ และความเร็วปลายที่ไหลลื่นกว่าเครื่องยนต์แบบ 2 สูบ ด้วยเครื่องยนต์ที่มีลักษณะของการจุดระเบิดที่ไม่เหมือนเครื่องยนต์ทั่วไป โดยจะจุดระเบิดแบบไม่สม่ำเสมอกันตลอด ส่งผลให้เครื่องยนต์มีอัตราเร่งมากขึ้น บิดเป็นมา ขี่สนุก เสียงเพราะๆ แบบเป็นเอกลักษณ์นั่นเอง ซึ่งนับว่าเป็นปรัชญาในการออกแบบเครื่องยนต์อันยอดเยี่ยม
ต่อด้วย Motobot ver. 2 หุ่นยนต์นักบิดสุดอัจฉริยะ ที่จะต้องถือว่าเป็นนวัตกรรมในโลกยานยนต์อย่างแท้จริงจากทางค่าย ที่จะจำลองลักษณะการขับขี่จากมนุษย์จริงๆ เลยไม่วาจะเป็นการบิดคันเร่ง, บีบคลัทช์, เข้าเกียร์ และกดเบรก การขับขี่จริงๆ รวมไปถึงการเข้าโค้ง และการตัดสินใจในสถานการณ์ต่างๆ ได้ด้วย จากที่ก่อนหน้านี้เวอร์ชั่นแรกนั้นเปิดตัวไปเมื่อปี 2015 แต่คราวนี้มาในเวอร์ชั่นสองเชื่อว่าจะต้องมีอะไรให้ฮือฮากันมากกว่าครั้งก่อนอย่างแน่นอน
และอีกหนึ่งโมเดลปริศนาที่ยังคงเป็นความลับกันอยู่ ยังไม่มีข้อมูลชี้ชัดว่าจะเป็นอะไรกันแน่ ถือว่าเป็นรถมอเตอร์ไซค์ที่ทางค่ายนั้นเก็บข้อมูลกันไว้ได้เป็นอย่างดี อันนี้จะต้องไปลุ้นกันในวันงานจริงกันอีกครั้ง ว่ามันคืออะไร
Suzuki
มาดูทางฝั่ง Suzuki กันบ้าง นำทัพโดยรถ New SV650X สองล้อทรงคาเฟ่เรซเซอร์ที่มีพื้นฐานมาจากรุ่น SV650 โดยรูปแบบในการดีไซร์นั้นเน้นความคลาสสิกผสมกับความโมเดิร์นให้ลงตัว ภายใต้แนวคิด ‘Ne0-Retro’ (ยุคใหม่ผสมย้อนยุค) ซึ่งการออกแบบของ SV650X นั้นทางค่ายได้ให้รายละเอียดไว้ว่า มันเป็นการนำเอาความยอดเยี่ยมของสไตล์รถมอเตอร์ไซค์ในยุค 70 มาพัฒนาต่อยอดให้เป็นโมเดลนี้ ซึ่งเรามีการเติมแฟร์ริ่งบางส่วนเข้าไปในบริเวณด้านหน้ารถ, ครอบไฟหน้า, แฮนด์บาร์แบบคลิปออน ที่โดยรวมแล้วจะให้อารมณ์ความรู้สึกถึงกลิ่นอายในยุคก่อน แต่ในเรื่องของสเปคและฟีเจอร์ต่างๆ นั้นยังคงใช้ความทันสมัยของยุคปัจจุบันเข้ามาอย่างเต็มตัว โดยใช้พื้นฐานเครื่องยนต์ขนาด 645 ซีซี 2 ลูกสูบแบบ V-twin 90 องศา
ต่อกันที่ Suzuki SWISH จากตระกูล Address 125 มาในแนวพรีเมี่ยมสกู๊ตเตอร์ที่ใช้ระบบไฟแบบ LED รอบคัน ด้านหลังเป็นโช้คอัพคู่ หน้าจอแสดงผลเป็นแบบดิจิตอลเต็มรูปแบบ และมีช่องเสียบ USB ด้วย เจ้า SWISH โดยถูกวางตัวให้เป็นคู่แข่งคันสำคัญของ PCX 125 และ NMAX 125 แน่นอน
Kawasaki
อีกหนึ่งค่ายที่ถูกจับตามองเป็นพิเศษในปีนี้กับ Kawasaki ที่ลือกันอย่างหนักว่าจะเปิดตัวรถสปอร์ตแฟร์ริ่งในระดับ Entry Class ตระกูลดังอย่าง All New Ninja 250 (หรือ 300 สำหรับบ้านเรา) จุดที่น่าสนใจของ Ninja 400 และ 250/300 คันใหม่นั้นเท่าที่เราทราบมาก็คือโช้คอัพหน้านั้นจะเป็นแบบหัวกลับ Upside Down, ระบบไฟแบบ LED รอบคัน, Slipper Clutch เพื่อมาต่อกรกับคู่แข่งตัวฉกาจอย่าง CBR250RR โดยตรง แต่ในส่วนอื่นๆ นั้นจะพบว่ายางรถจะเป็นแบบยางเรเดียล, สวิงอาร์มเป็นดีไซน์แบบยาว ตัวเฟรมนั้นเป็นเฟรมใหม่ ที่คาดว่าจะมีน้ำหนักค่อนข้างเบา (ซึ่งเป็นไปได้สูงว่าจะเบากว่าคู่แข่งอย่าง CBR250RR ด้วยซ้ำ) แต่อย่างไรก็ตามสำหรับเรื่องของจำนวนสูบในเครื่องยนต์นั้นไม่น่าผิดไปจากนี้ ก็คือยังคงจะใช้เครื่องยนต์แบบ 2 สูบเรียงเหมือนกับโมเดลก่อนหน้านี้ ที่ให้แรงบิดในย่านความเร็วต้นถึงกลางอย่างไหลลื่น (ส่วนตัวเลขของเรดไลน์ยังไม่ทราบในขณะนี้) ซึ่งยังไม่ใช่เครื่องยนต์แบบ 4 สูบเรียงอย่างที่เคยเป็นกระแสข่าวก่อนหน้านี้ และเครื่องยนต์น่าจะเป็นเครื่องยนต์ลูกใหม่เลย ไม่ใช่เป็นการนำเอาเครื่องยนต์จากโมเดลก่อนหน้านี้มาปรับปรุง
ต่อด้วย New Z900Rs มาในแนวคลาสสิกเรโทร กับกลิ่นอายของต้นตระกูลอย่างเจ้า Z1 และ Z2 ซึ่งน่าจะใช้พื้นฐานเครื่องยนต์ของเจ้า Z900 เนกเกตสปอร์ตของทางค่ายที่เปิดตัวไปในช่วงปลายปีที่ผ่านมา โดยน่าจะใช้เครื่องยนต์บล็อกเดียวกัน แต่ปรับจูนค่าบางอย่างให้เหมาะกับรถทรง Modern Classic ไฟกลม โดยเจ้า Z900RS คันนี้จะใช้เครื่องยนต์ขนาด 948 ซีซี สี่สูบเรียง ระบายความร้อนด้วยหม้อน้ำ โดยได้มีการปรับลดแรงม้าลงจากเดิมที่มีอยู่ 123 PS มาอยู่ที่ 110 PS และได้ลดรอบเครื่องยนต์ให้ต่ำลงไป 1,000 รอบต่อนาที เพื่อเพิ่มทอร์คหรือว่าแรงบิด ซึ่งจะทำให้เจ้า Z900RS คันนี้มีพละกำลังแรงบิดสูงสุดที่ 7,500 รอบต่อนาที สนองต่อคอนเซ็ปต์ low-end Torque ที่ทางค่ายได้วางไว้ ในขณะที่ระบบเบรกนั้นเป็นระบบเบรกแบบเรเดียล ซึ่ง Z900 ปกตินั้นไม่มี ซึ่งอาจจะเป็นไปได้ว่า Z900Rs คันนี้จะมีราคาที่แพงกว่า Z900 ปกตินั่นเอง
ทั้งหมดนี้ก็คือภาพรวมของรถที่คาดกันว่าจะเปิดตัวกันในงาน Tokyo Motor Show ในวันที่ 25 ตุลาคมนี้ ซึ่งจะต้องย้ำกันอีกครั้งว่าภาพทั้งหมดนั้นยังคงเป็นเพียงภาพ render จากทาง young-machine.com ซึ่งรายละเอียดของรถในแต่ละรุ่นอาจจะมีความแตกต่างไปจากภาพเหล่านี้บ้าง…
เรื่อง : สมโภชน์ นันทโรจน์
ข้อมูล : www.mocyc.com , www.young-machine.com
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th