ชมพู่ อารยา ในหนังสั้นของเป็นเอก: Loopbreaker – นิยามที่กำลังเปลี่ยนไปของเมอร์เซเดส
ในระยะหลังเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย พยายามปรับอิมเมจให้โปรดักส์หรือรถยนต์ของพวกเขามีความดึงดูดใจคนรุ่นใหม่ที่กำลังเข้ามารับช่วงบริหารธุรกิจครอบครัวเป็นเจนเนอเรชั่นที่ 2-3 หลังจากต้องเสียลูกค้ากลุ่มนี้ให้ค่ายรถยนต์คู่แข่งสัญชาติเดียวกันไปพอสมควร
แผนการตลาดใหม่ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ในการเปิดแคมเปญ Define Tomorrow ด้วยการนำเสนอผ่านภาพยนตร์สั้น Loopbreaker ที่ได้ ชมพู่-อารยา เอ. ฮาร์เก็ต นางเอกซูเปอร์สตาร์มารับบทนำ คงไม่เซอร์ไพรส์เท่าไรนัก เพราะเธอมีตำแหน่งเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของเมอร์เซเดส แต่พอได้ยินชื่อผู้กำกับ เป็นเอก รัตนเรือง รู้สึกได้เลยว่าครั้งนี้ผู้บริหารเยอรมันกล้าที่จะเปลี่ยนจริงๆ
Loopbreaker เปิดเรื่องด้วยเสียงสบถของชมพู่ ทำให้หลายคนที่คุ้นเคยภาพหรูๆ ของเมอร์เซเดส นึกว่าตัวเองฟังผิด แต่สำหรับแฟนหนังของเป็นเอก ถือเป็นไดอะล็อกปกติในผลงานของผู้กำกับรายนี้ที่ชอบใช้คำพูดแบบที่เราคุยกันในชีวิตประจำวันมากกว่าประดิดประดอยแบบละครทีวี เป็นเหมือนการละลายพฤติกรรมด่านแรกให้ผู้ชมได้รู้สึกว่ากำลังเข้าสู่นิยามใหม่ที่บางครั้งบางคราวทุกอย่างในชีวิตไม่จำเป็นต้องยึดติดความเพอร์เฟ็กต์ระดับ The Best or Nothing เสมอไป
เรื่องราวดำเนินไปเพียงไม่กี่ฉาก ใครที่เป็นนักดูหนังคงเริ่มจับทางได้ว่ามีการหยิบยืมพล็อตชีวิตวนลูปของพระเอกจาก Groundhog Day หนังแนวโรแมนติกแฟนตาซียุค 90 ที่หลายคนหลงรัก และยังเป็นที่พูดถึงจนทุกวันนี้ แต่เพื่อไม่ให้เกิดข้อครหาจากบรรดานักสืบโซเชียล เป็นเอก กล้าพอจะยัดชื่อหนังที่เป็นแรงบันดาลใจลงไปในบทพูดของนางเอกที่หลายคนอาจงงว่าวันเทศกาลตัวอ้นคืออะไร
ถึงจะมีเวลาเพียง 9 นาที 15 วินาที เป็นเอก สามารถใส่สไตล์ของเขาลงใน Loopbreaker ไม่ต่างจากผลงานภาพยนตร์ขนาดยาว แต่ไม่อาจเลี่ยงที่จะผสมความเป็นคอมเมอร์เชียล โดยเฉพาะช่วงครึ่งหลังที่อยู่ดีๆ รถยนต์ลึกลับ Mercedes C350e มาจอดอยู่ในบ้านของนางเอก เป็นการขายของแบบตรงไปตรงมาให้ลูกค้ารู้ว่าตอนนี้ เมอร์เซเดส มีรถที่สามารถเสียบปลั๊กไฟบ้านชาร์จไฟแบบง่ายๆ ประหยัดน้ำมันตามเทรนด์รักษ์โลก แต่พร้อมให้ความตื่นเต้นเร้าใจกับโหมด Sport+ ในเวลาเดียวกัน
ส่วนผู้ชายหน้าตาเหมือนยมทูตในรถอเมริกันคลาสสิก อาจตีความให้เป็นตัวแทนมุมมืดภายในใจของนางเอกที่อยากใช้ชีวิตสุดเหวี่ยงนอกกรอบ หลังจากเธอต้องตื่นขึ้นมาวนลูปวันที่ 7 มิถุนายน ซ้ำไปซ้ำมา 8 รอบ (เลข 8 มีความหมายอีกอย่างคือความไม่มีที่สิ้นสุด – Infinity) ซึ่งไม่ต่างอะไรกับชีวิตของคนในเมืองใหญ่ปัจจุบัน ที่วันจันทร์-ศุกร์ ดำเนินไปเหมือนถูกกำหนดไว้: เช้ารถติด-โพสต์บ่นลงเฟส; กลางวัน-เบื่อไม่รู้จะกินอะไร; บ่าย-ง่วงนอนแวบออกไปซื้อกาแฟ; เย็น-เลิกงานฝนตกรถติด; ถึงบ้าน-หมดแรงกินข้าวนอน แล้วก็ต้องตื่นมาวนลูปชีวิตแบบเดิมที่มีน้อยคนจะกล้าพอแหกวงจรเพื่อหาความท้าทายในชีวิต
นอกเหนือจากภาพยนตร์สั้น ในงานเดียวกัน Mercedes-Benz GLE 500 e 4MATIC รถยนต์เอสยูวีปลั๊กอินไฮบริดที่ถูกนำมาเปิดตัวครั้งแรก เป็นการตอกย้ำให้เห็นว่ารถยนต์ของพวกเขาสามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์ที่ไร้ขีดจำกัดของคนรุ่นใหม่ที่ต้องการรถยนต์ที่มีความหรูหรา แต่สามารถพาพวกเขาไปได้ทุกที่ในเวลาเดียวกัน
มองอีกมุมหนึ่ง Loopbreaker ไม่ได้สื่อถึงการหลุดพ้นจากชีวิตแบบวนลูปของคนเมืองใหญ่เท่านั้น แต่เป็นเหมือนการประกาศอย่างไม่เป็นทางการของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ที่พร้อมก้าวไปสู่เทคโนโลยีรถยนต์พลังไฟฟ้า รอเพียงนโยบายที่ชัดเจนของรัฐบาลไทย หรือหากช้าเกินไปพวกเขาอาจขอ Define Tomorrow กำหนดอนาคตของตัวเองเสียเลยดูจะง่ายกว่าหรือคุณคิดว่ายังไง?
เรื่อง: พูนทวี สุวัตถิกุล
ขอบคุณภาพ: Mercedes-Benz Thailand
เรียบเรียงข้อมูลโดย กรังด์ปรีซ์ออนไลน์ GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th