ชีวิตที่ไร้ข้อจำกัด—New Honda Jazz RS
1 วันกับ New Honda Jazz RS ขับเที่ยวรอบกรุงเทพฯ พร้อมร่วมกิจกรรมสัมผัสไลฟ์สไตล์ในแบบ ‘สนุกกับชีวิตที่ไม่มีข้อจำกัด—Do It With My Jazz’
หลังจากเริ่มต้นเจเนอเรชั่นที่ 3 ด้วยคอนเซ็ปต์ ‘สนุกกับชีวิตที่เป็นได้มากกว่าหนึ่ง—Life It Never Too Much’ ตอนนี้ถึงเวลาเพิ่มความใหม่ลงใน New Honda Jazz 2017 ด้วยการดึงจุดเด่นความอเนกประสงค์ของรถแฮตช์แบ็ก 5 ประตูยอดนิยมรุ่นนี้ออกมาโปรโมตภายใต้นิยามใหม่ ‘สนุกกับชีวิตที่ไม่มีข้อจำกัดในแบบ—Do It With My Jazz’
การที่ Honda Jazz เป็นรถที่เจาะกลุ่มหนุ่มสาว Gen Me ที่มีไลฟ์สไตล์หลากหลาย และกิจกรรมหลักๆ ของคนวัยนี้คือการเสาะหากาแฟรสชาติดีหรือแฮงค์เอาต์ตามคาเฟ่ที่ดูชิคๆ ทำให้เราถูกนัดให้มาเจอที่ Maggio Coffee ร้านกาแฟสไตล์ลอฟต์ที่มีมุมให้เลือกนั่งหลากหลายบรรยากาศด้วยความที่ถูกใช้เป็นโชว์รูมเฟอร์นิเจอร์แบบ 2-in-1
เติมคาเฟอีนจากกาแฟสูตรเข้มข้นของ Maggio พร้อมฟังข้อมูล New Honda Jazz และรายละเอียดเส้นทางที่ต้องขับในวันนี้ ก่อนจะแนะนำ 2 เน็ตไอดอล ฟลุค-ธีรภัทร โลหนันทน์ กับ แพม-บูชิตา ปิตะกาศ ที่มาร่วมสร้างสีสันในทริปทดสอบของกลุ่มเราที่เริ่มต้นจากสุขุมวิท 101-บางบัวทอง-เจริญนคร-เอกมัย และมาจบที่สุขุมวิท 66 สถานที่ตั้งของฮอนด้า ออโตโมบิล สำนักงานใหญ่ ระยะทางราว 100 กิโลเมตร
การทดสอบครั้งนี้จัดมาเฉพาะรุ่น RS ที่เพิ่มสีพิเศษส้มฟีนิกซ์ (Phoenix Orange) ที่หลายคนคงได้เห็นผ่านตาในสื่อโฆษณาบ้างแล้ว โดยสีอื่นๆ จะมีสีขาวออร์คิด (White Orchid), เงินลูนาร์ (Lunar Metallic), เทาโมเดิร์นสตีล (Modern Steel Metallic) และดำคริสตัล (Crystal Black Pearl) ส่วนรุ่นรองจะมีสีขาวทาฟเฟต้า (Taffeta White) เป็นอีกตัวเลือก
การมีรหัส RS ต่อท้ายอย่างที่รู้กันว่าจะเน้นอารมณ์สปอร์ต กระจังหน้าดีไซน์ใหม่จะมีสัญลักษณ์ RS พร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวัน (DLR) แบบ LED (รุ่น V ขึ้นไป) รวมทั้งไฟตัดหมอก, กันชนหน้า-หลังแบบใหม่, กระจกมองข้างสีดำที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ และล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตขนาด 16 นิ้ว
เส้นทางช่วงแรกขับบนทางด่วนเป็นส่วนใหญ่ ทำให้มีโอกาสทดสอบอัตราเร่งได้อย่างเต็มที่ โดยสมาชิกในรถของเราลงความเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่า New Jazz 2017 พุ่งทะยานกว่าเดิม โดยได้รับคำตอบจากทาง Honda ว่าเป็นผลการนำหลักการออกแบบ Low Wide Gravity เข้ามาช่วย ทำให้ด้านหน้า-ด้านหลังของรถมีความกว้าง และปราดเปรียวมากขึ้นตามหลักอากาศพลศาสตร์ ส่งผลให้สมรรถนะในการขับดีกว่าเดิม
สำหรับการดีไซน์ห้องโดยสาร ในรุ่น RS จะเป็นเบาะนั่งสีดำลายใหม่เย็บด้วยด้ายสีส้มให้อารมณ์สปอร์ต มีแบ่งพื้นที่รองรับไลฟ์สไตล์ของคนยุคนี้ ด้วยการขยายช่องพนักเท้าแขนด้านหน้าให้สามารถเก็บแท็บเล็ต และมีที่วางแก้วน้ำมากถึง 9 จุด ที่ถูกใจเป็นฝั่งคนขับสามารถหยิบแก้วน้ำจากด้านขวามือใกล้กับช่องแอร์โดยไม่ต้องละสายตาจากถนน
ก่อนจะถึงจุดหมายแรกมีมินิเกมให้ทายชื่อเพลงที่อยู่ในแฟลชไดร์ฟเพื่อให้ทุกคนได้ทดสอบหน้าจอสัมผัส Multi Touch Screen ขนาด 6.8 นิ้ว (รุ่น V+ ขึ้นไป) รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth พร้อมช่องเสียบ USB และ HDMI แต่ที่พิเศษคงเป็นฟังก์ชั่นจำลองหน้าจอสมาร์ทโฟนตระกูล Android
สภาพจราจรในทริปของเราค่อนข้างเบาบาง เพียงไม่นานเรามาถึง Tanwa Design & Food Project ร้านอาหารกึ่งคาเฟ่ที่อยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟฟ้าบางพลู เพื่อทำกิจกรรม Do It With Your Ideas ในการประดิษฐ์ที่เก็บของใช้ในรถยนต์สไตล์ DIY
ถึงจะไม่ค่อยถนัดกับกิจกรรมแบบนี้ แต่การได้คุณ Hoo DIY- ณฤต เลิศอุตสาหกูล ที่มีชื่อเสียงจากการนำวัสดุต่างๆ มาสร้างสรรค์ให้กลายเป็นของตบแต่งบ้านแบบ DIY ที่ไม่เหมือนใคร ทำให้ไม่ถึงชั่วโมงทุกคนสามารถทำที่เก็บของใช้ที่เหมาะกับสไตล์ของตัวเอง
คุณ Hoo DIY (ยืน) กำลังสาธิตวิธีเย็บที่เก็บของใช้ในรถ
จากนั้นเราออกเดินทางต่อสู่โครงการ The Jam Factory ย่านคลองสาน โดยขับบนถนนราชพฤกษ์ บางช่วงที่ถนนโล่งทำให้ลองปรับเกียร์เข้าสู่โหมด Sport เพื่อสัมผัสความเร้าใจของเครื่องยนต์ i-VTEC 1.5 ลิตร 117 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 146 นิวตัน-เมตรที่ 4,700 รอบต่อนาที ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ CVT พร้อมระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Paddle Shift) แบบ 7 สปีด (เฉพาะรุ่น RS) เพื่อให้การตอบสนองที่ทันใจ และอัตราประหยัดน้ำมันตามข้อมูลในอีโคสติกเกอร์รุ่น RS และ RS+ อัตราสิ้นเปลืองจะอยู่ที่ 16.7 กิโลเมตร/ลิตร (ทดสอบในสภาวะรวม)
ช่วงทางเข้า The Jam Factory หลายคนที่เคยมาคงจะรู้ว่าถนนค่อนข้างแคบจากการเป็นย่านเมืองเก่า และพื้นที่จอดรถมีจำกัด แต่ New Honda Jazz ที่มีรัศมีวงเลี้ยวแค่ 5.1 เมตร พร้อมระบบกล้องมองหลัง Multi-angle Rearview Camera ทำให้ไม่มีอะไรต้องกังวลจากการที่สามารถปรับมุมกล้องได้ 3 ระดับ ทั้งแบบ 130 องศา, 180 องศา และมุมมองจากด้านบน
เติมพลังกับอาหารไทยต้นตำรับของร้าน Never Ending Summer ที่บรรยากาศให้ความรู้สึกขัดแย้งระหว่างอารมณ์แบบโกดังเก่ากับความร่มรื่นของต้นไม้ที่ถูกประดับอยู่ทั่วร้าน และใกล้ชิดกับทุกขั้นตอนการทำอาหารในครัวแบบโอเพ่นเหมือนร้านอาหารชื่อดังในต่างประเทศ
ในช่วงสุดท้ายของการทดสอบ มีโอกาสสลับมาเป็นคนนั่งที่เบาะหลังที่มีความกว้างสบายไม่อึดอัดเหมือนที่เคยได้ลองในรุ่นก่อนปรับโฉม แต่น่าเสียดายที่ไม่มีช่องชาร์จไฟให้คนนั่งด้านหลังเพิ่มอีกสักจุดจะเป็นแบบ USB หรือ 12V แบบดั่งเดิมก็ได้ ส่วนเรื่องความปลอดภัยสบายใจได้มีเข็มขัดนิรภัย 3 ตำแหน่ง หากต้องเดินทาง 3 คน และครอบครัวที่มีเจ้าตัวน้อย New Honda Jazz ทุกรุ่นจะมีจุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก (ISOFIX & Child Anchor) ไว้ให้ใช้งาน
2 เน็ตไอดอล ประจำทริปของเรา ฟลุค-ธีรภัทร และแพม-บูชิตา ปิตะกาศ
จุดหมายสุดท้ายของทริปนี้อยู่ที่ Nikko Cafe ซอยเอกมัย 12 ที่ตอนนี้มีการขยายถนนทำให้การเดินทางสะดวกขึ้นจากการเป็นเส้นที่เชื่อมระหว่างเอกมัย (สุขุมวิท 63) กับสุขุมวิท 71 และช่วยให้ง่ายต่อการหาที่จอดเวลามาร้านนี้เช่นกัน
ภารกิจสุดท้ายของเราคือการครีเอตถ่ายคุกกี้ Honda Jazz กับเมนูขนมที่แต่ละคนเลือก ก่อนจะโพสต์ลงในโซเชียลพร้อมติดแฮตช์แท็ก #doitwithmyjazz เป็นการส่งท้ายทริปทดสอบครั้งนี้ ก่อนจะกลับไปที่สำนักงานใหญ่ของฮอนด้า
เรื่องเดียวที่น่าเสียดายคือเรามีเวลาอยู่กับ New Honda Jazz น้อยไปหน่อย ทีมงานบอกกับเราว่าทริปนี้โชคดีไม่เจอรถติดเหมือนกลุ่มที่ขับวันก่อนหน้านี้ ทำให้ทุกอย่างเป็นไปตามตารางที่กำหนด แต่อีกไม่นาน Honda เตรียมจัดรถทดสอบให้สื่อมวลชนได้สัมผัสเพิ่มเติม อย่าลืมติดตามที่ Grandprixonline.co.th เร็วๆ นี้แน่นอน!!!
New Honda Jazz พร้อมรองรับทุกไลฟ์สไตล์ด้วยเบาะนั่งอัลตรา ซีต ปรับเปลี่ยนเพิ่มพื้นที่ใช้งานได้ถึง 4 รูปแบบ:
• Utility Mode: พับเบาะด้านหลังทั้ง 2 ด้าน เพิ่มพื้นที่เก็บของด้านหลังได้มากถึง 906 ลิตร
• Long Mode: พับเบาะด้านหน้า และด้านหลัง เพิ่มพื้นที่เก็บของในแนวยาวได้ถึง 2,480 มิลลิเมตร
• Tall Mode: พับเบาะด้านหลังขึ้น ขยายเพิ่มพื้นที่เก็บของในแนวสูง 1,280 มิลลิเมตร
• Refresh Mode: พับเบาะด้านหน้าเชื่อมต่อเบาะด้านหลัง สร้างพื้นที่ผ่อนคลายสะดวกสบายสูงสุด
เรื่อง : พูนทวี สุวัตถิกุล
ขอบคุณข้อมูล : Honda Automobile
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th