ซื้อประกันรถยนต์ชั้น1อย่างไรให้ได้ราคาถูก
เชื่อว่าหลายท่านคงเป็นเหมือนกัน เมื่อถึงเวลาที่เราจะต้องต่อประกันรถยนต์ประจำปี เรามักจะปวดหัวกับราคา ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 ที่มีราคาค่อนข้างสูง ยิ่งในสถานการณ์ในยุคโควิด-19 แบบนี้ด้วย ยิ่งต้องประหยัด อะไรสามารถเซฟเงินได้ก็ต้องทำ แต่ประกันรถยนต์ชั้น 1 ก็จำเป็นไม่น้อย เพราะรถยังใหม่ป้ายแดง เอาไงดีละทีนี้ ไม่ต้องกังวลครับ หากคุณกำลังมองหาวิธีประหยัดเงินค่าเบี้ยประกันภัยรถยนต์ชั้น1 ที่คุณต้องจ่ายในแต่ละปี จะทำอย่างไรให้จ่ายเงินค่าประกันชั้น1 ถูกลง เรามีเคล็ดลับดีๆ ที่จะช่วยคุณลดภาระค่าใช้จ่ายจากเบี้ย ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 ลงได้ด้วยวิธีการง่ายๆ ไม่ซับซ้อน มาติดตามกันเลยรับรองประหยัดได้หลายบาทเลยครับ
- เลือกประเภทความคุ้มครอง
เราควรศึกษาก่อนซื้อว่าความคุ้มครองแบบไหนที่คุณต้องการ ซึ่งมีทั้งแบบภาคบังคับและภาคสมัครใจ เช่น คุ้มครองทรัพย์สินของบุคคลอื่น คุ้มครองการซ่อมรถคันที่เอาประกันภัยของคู่กรณี หรือคุ้มครองทั้งสองฝ่าย คุ้มครองรถหาย-ไฟไหม้ เป็นต้น จากนั้นดูสภาพแวดล้อมของคุณเอง ทั้งอายุของรถ ลักษณะนิสัยการขับขี่ รวมถึงระยะทางการใช้งาน สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้คุณสามารถตัดสินใจได้ว่า ควรจะซื้อประกันภัยรถยนต์ประเภทไหนดี? ซึ่งความคุ้มครองภาคสมัครใจที่มากกว่าภาคบังคับก็จะเสียค่าเบี้ยประกันที่สูงกว่า
- อยากได้ราคาเบี้ยประกันรถยนต์ถูกลง ต้องเปรียบเทียบก่อนซื้อ
ค่าประกันภัยรถยนต์ของแต่ละบริษัทมักมีราคาต่างกัน ก่อนซื้อควรเปรียบเทียบอย่างน้อย 3 บริษัท เริ่มจากความน่าเชื่อถือของบริษัทที่ให้บริการ ความสะดวกรวดเร็วในการติดต่อและประสานงาน การให้คำปรึกษาและแก้ปัญหา รวมถึงอัตราค่าเช็คเบี้ยประกันภัยรถยนต์ต้องเป็นธรรม
- ขอส่วนลดจากตัวแทนประกัน
ส่วนลดแรกเข้า โดยปกติรถยนต์ที่เคยทำประกันกับบริษัทประกันภัยอื่นมาแล้ว เมื่อเปลี่ยนบริษัทประกันภัยมักจะได้รับส่วนลดจากบริษัทประกันใหม่ แม้รถจะเคยผ่านการเคลมประกันมาแล้ว
ส่วนลดจากคอมมิชชั่น เมื่อตัวแทนประกันหรือโบรกเกอร์ต้องการทำยอด บางครั้งก็ให้ส่วนลด มากถึง 30-40% ซึ่งถ้าผู้เอาประกันภัยได้ส่วนลดนี้ ก็จะเป็นเบี้ยประกันภัยที่ถูกที่สุด
- ประกันกลุ่มถูกกว่า
หากคุณมีรถยนต์มากกว่า 1 คันที่จดทะเบียนชื่อเดียวกัน การซื้อประกันภัยแบบกลุ่มจะได้รับส่วนลดจากจำนวนรถ นอกจากนี้ บางบริษัทหรือองค์กรขนาดใหญ่จะมีนโยบายทำประกันอยู่แล้ว หากซื้อประกันผ่านบริษัทนายจ้างก็จะได้ส่วนลดที่ดีจากบริษัทประกันภัย
- ซ่อมอู่หรือซ่อมศูนย์
ผู้ขับขี่รถยนต์ทราบกันดีอยู่แล้วว่า ค่าเบี้ยประกันภัยรถยนต์ในกรณีนำรถไปซ่อมที่ศูนย์รถจะแพงกว่าซ่อมรถที่อู่ หากซ่อมอู่อาจมีเบี้ยประกันที่ต่างกันถึง 10-30% โดยอาจดูจากลักษณะการใช้รถของคุณว่าจำเป็นหรือไม่ที่ต้องซ่อมศูนย์ เพราะปัจจุบันอู่ซ่อมหลายแห่งมีมาตรฐานค่อนข้างสูงเพื่อให้ทัดเทียมกับศูนย์ จึงช่วยประหยัดในส่วนของขั้นตอนเช็คเบี้ยประกันรถยนต์แต่ยังได้การบริการทีมีมาตรฐานที่ดีไม่ต่างกัน
- รักษาประวัติดีมีส่วนลด
ในแต่ละปีที่ทำประกันรถยนต์ไว้ ถ้าไม่มีการเคลมเลยในปีที่ผ่านมา หรือมีเคลมแต่ไม่ได้เป็นฝ่ายผิด ก็จะได้รับส่วนลดประวัติดีตามลำดับขั้นของเบี้ยประกันภัยรถยนต์ในปีที่ต่ออายุ
แต่หากคุณเป็นฝ่ายผิด ส่วนลดประวัติดีก็จะลดลง เช่น หากคุณมีประวัติดี ไม่เคยเฉี่ยวชนเลย อาจได้ส่วนลดอยู่ที่ 40% แต่หากเป็นฝ่ายผิด 1 ครั้ง ส่วนลดก็จะลดลงเหลือ 30% ในทางกลับกัน หากมีประวัติไม่ดีเกี่ยวกับการขับขี่ ค่าประกันภัยก็จะเพิ่มสูงขึ้นจากปกติได้เช่นกัน
- ระบุชื่อผู้ขับขี่มีส่วนลด
หากรถที่คุณใช้อยู่เป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคลที่สามารถระบุชื่อผู้ขับขี่ได้ไม่เกิน 2 คน ในการทำประกันรถนั้น แนะนำว่าควรจะระบุชื่อบุคคลใดบุคคลหนึ่งลงไป ทั้งนี้แม้จะระบุชื่อคนขับ แต่ก็มีปัจจัยพิจารณาค่าเบี้ยหลายอย่าง เช่น หากเป็นเจ้าของรถขับเอง อยู่ในช่วงอายุที่อยู่ในเกณฑ์ความเชี่ยวชาญและมีความรอบคอบตามวัยวุฒิ ก็จะได้ส่วนลดสูงกว่าการระบุชื่อคนขับที่ไม่ใช่เจ้าของรถ คนขับที่อายุยังน้อยหรือมือใหม่หัดขับ
- มีประกันอื่นๆ ร่วมด้วย
ตรวจสอบดูว่าบริษัทประกันภัยรถของคุณเป็นเจ้าเดียวกับที่คุณทำประกันชนิดอื่นๆ หรือไม่เช่น ประกันที่อยู่อาศัย ประกันอัคคีภัย ประกันชีวิตหรือประกันสุขภาพ เพราะบางทีคุณอาจขอส่วนลดเพิ่มได้ในฐานะเป็นลูกค้าเก่า
- เลือกซื้อรถที่เบี้ยประกันถูกกว่า
ตามหลักการเสี่ยงน้อยจ่ายน้อย เสี่ยงมากจ่ายมาก อย่างรถอีโค-คาร์ความจุเครื่องยนต์ประมาณ 1,200 ซีซี ที่ถูกผลิตขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อความประหยัด ทั้งราคา การบำรุงรักษา ค่าเชื้อเพลิง มักจะมีค่าเบี้ยประกันภัยรถยนต์ที่ถูกกว่ารถยนต์ประเภทอื่นๆ ดังนั้นการเลือกใช้รถอีโคคาร์จึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคนที่ต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายได้ทุกรูปแบบ รวมทั้งค่าเบี้ยประกันรถยนต์ด้วย
10 .ติดตั้งกล้อง CCTV ในรถ
อีกวิธีที่สามารถช่วยลดค่าเบี้ยประกันรถยนต์ได้ 5-10% ไม่ว่าคุณจะเป็นลูกค้าเก่าหรือใหม่ รวมถึงประกันชั้นใดก็ทำได้ เพียงแค่มีหลักฐานเป็นรูปถ่ายรถคุณที่ติดกล้องหน้ารถยนต์แล้ว โดยจะต้องติดตลอดระยะเวลาเอาประกัน ไม่ต้องกังวลเรื่องสเปกกล้อง แค่บันทึกภาพเคลื่อนไหวได้ และไม่ใช่อุปกรณ์อื่นที่นำมาดัดแปลงให้ใช้งานเหมือนกล้องติดรถยนต์ก็พอ
เรื่อง : ณัฐพล เดชสิงห์
ข้อมูล : scb.co.th
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th