โตโยต้า เซียนต้า รุ่นไหนคุ้ม !!
เมื่อเร็วๆนี้ทางโตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย ได้ทำการเปิดตัวรถยนต์อเนกประสงค์ MPV รูปแบบใหม่ภายใต้รูปแบบรถยนต์นั่งประเภท Compact Multi-purpose Vehicle ที่ออกแบบให้มี 3แถว 7 ที่นั่ง สามารถปรับเปลี่ยนตำแหน่งเบาะนั่งเพื่อบรรทุกสัมภาระได้เยอะขึ้น และมีประตูสไลด์อัตโนมัติ เครื่องยนต์1.5 ลิตร นับว่าเป็นรถยนต์ที่เหมาะสำหรับครอบครัวจริงๆครับ น่าจะใช้ประโยชน์ได้อย่างคุ้มค่า โดยเปิดตัวในชื่อว่า โตโยต้า เซียนต้าซึ่งหลายคนอาจจะเคยเห็นรถยนต์ประเภทนี้ของโตโยต้ามาบ้างแล้วอย่าง อินโนว่า และอเวนซ่า รถทั้ง 3 รุ่น นี้นำเข้าจากประเทศอินโดนิเซีย ซึ่งหลายท่านคงคิดและเห็นเหมือนผมว่าการประกอบรถยนต์ของประเทศอินโดนิเซีย ไม่ค่อยจะเรียบร้อยซะเท่าไหร่ วัสดุบางอย่างก็ดูแล้วไม่น่าพอใจเท่าไหร่นัก แล้วเจ้าเซียนต้า น้องใหม่คันนี้มันจะเหมือนรุ่นพี่หรือไม่ พูดเลยว่าไม่เหมือนครับ จากที่ได้สัมผัสการประกอบดูประนีตมากขึ้น วัสดุดูดีขึ้น เลยสงสัยสอบถามทางโตโยต้าว่าทำไมทางอินโดนิเซียถึงประกอบรถยนต์ได้ดีขึ้นผิดหูผิดตา ได้คำตอบมาว่าเจ้า โตโยต้า เซียนต้า คันนี้ประกอบจากโรงงานของโตโยต้า ที่ประเทศอินโดนิเซีย ส่วนเจ้าอินโนว่า และอเวนซ่า ที่นำเข้ามาขายก่อนหน้านี้ใช้โรงงานของไดฮัทสุ ที่อินโดนิเซีย ประกอบให้ มิน่าละโตโยต้า เซียนต้า ถึงดูประกอบดีขึ้น โดยเจ้าเซียนต้า มีด้วยกัน 2 รุ่น คือ 1.5 V เกียร์อัตโนมัติ ราคา 865,000 บาท และ 1.5 G เกียร์อัตโนมัติ ราคา 750,000 บาท ต่างกันประมาณ 1 แสนนิดๆ แล้วมันมีอะไรที่แตกต่างกันบ้างซื้อรุ่นไหนคุ้มกว่ากัน และผ่อนต่างกันขนาดไหน เลยดูไปพร้อมๆกันครับ
สำหรับเซียนต้าเป็นรถที่พัฒนาบนพื้นฐานเดียวกับเก๋งซับคอมแพกต์อย่างวีออส แต่ตัวถังยาวระดับ 4,235 มิลลิเมตร กว้าง 1,695 มิลลิเมตร และสูง 1,675 มิลลิเมตร โดดเด่นด้วยประตูสไลด์สองฝั่ง พร้อมเบาะนั่ง 3 แถว 7 ที่นั่ง ซึ่งถือเป็นคู่แข่งกับ “ฮอนด้า ฟรีด” (แต่ ฮอนด้า ฟรีด เค้าไม่ขายแล้วนี่ )
ด้านเครื่องยนต์เป็นเบนซินขนาด 1.5 ลิตร Dual VVT-i 108 แรงม้า (79 กิโลวัตต์) ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 140 นิวตัน-เมตร ที่ 4,200 รอบต่อนาที ,ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง แก๊สโซฮอล์ E20 ,มาตรฐานไอเสียยูโร 4, อัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน 16.1 กม./ลิตร ผสมกับระบบเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT พร้อมระบบ Sport Sequential Shift 7 สปีค
การออกแบบรูปลักษณ์ดีไซน์ใหม่ล้ำสมัยตลอดทั้งคัน โดดเด่นด้วย ไฟหน้าโปรเจคเตอร์ Bi-Beam LED ,ไฟส่องสว่างเวลากลางวัน Daytime Running Lights แบบ LED, ไฟหรี่ และไฟท้าย LED แบบ Light Guiding , กระจกมองข้างพับ/ปรับไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยว, ล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว ,ปลอกหุ้มท่อไอเสีย
ขณะที่ภายในมาแบบครบครันทุกฟังก์ชั่น ไม่ว่าจะเป็น พวงมาลัยไฟฟ้า พร้อมปุ่มควบคุมเครื่องเสียงและ MID ,เครื่องเล่น DVD / CD / MP3 / WMA พร้อมจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว ,ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ ควบคุมอุณหภูมิแบบ Digital ,มาตรวัดเรืองแสงแบบ Optitron ,จอแสดงข้อมูลขับขี่ MID (Multi-information display) แบบ TFT ขนาด 4.2 นิ้ว ,ระบบสตาร์ทอัจฉริยะ (Push Start) ,ระบบเปิดประตูอัจฉริยะ (Smart Entry) ประตูข้างซ้าย-ขวา สไลด์อัตโนมัติ ,เบาะที่นั่งพับ/ปรับเปลี่ยนได้ เพื่อพื้นที่สัมภาระท้ายขนาดใหญ่ ,เบาะพับง่ายแค่เพียงสัมผัส (1-Touch Tumble) ,จอ LED ขนาด 8 นิ้ว สำหรับผู้โดยสารแถวหลัง ,ที่เก็บของบริเวณคอนโซลหน้า พร้อมระบบรักษาความเย็น (Cool Box) ,ที่วางของ และช่องเก็บของสำหรับผู้โดยสารทุกแถว ,กล้องมองหลัง พร้อมเส้นกะระยะ
ด้านความปลอดภัยก็ใส่มาเพียบเช่นกัน เริ่มจาก ถุงลมเสริมความปลอดภัยด้านหน้า (SRS Airbags) 3 ตำแหน่ง ,กุญแจป้องกันการโจรกรรม Immobilizer ,ระบบกระจายแรงเบรก EBD (Electronic Brake-force Distribution) ,ระบบควบคุมการทรงตัว VSC (Vehicle Stability Control) ,ระบบเบรก ABS (Anti-lock Braking System) ,ระบบเสริมแรงเบรก BA (Brake Assist) ,ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน HAC (Hill-start Assist Control) ,ระบบป้องกันการออกตัวแบบผิดวิธี (Drive Start Control) , เข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุดทุกที่นั่ง
ทั้งหมดนี้คืออ๊อฟชั่นต่างๆที่ใส่มาให้สำหรับรุ่น 1.5 V ส่วน รุ่น 1.5 G ซึ่งเป็นรุ่นต่ำกว่าราคาต่างกัน 1 แสนนิดๆ จะต่างกันที่ ล้อเป็นขอบ 15 นิ้ว ไฟหน้าเป็นแบบโปรเจคเตอร์ ฮาโลเจน ไฟท้ายแบบ LED เบาะเป็นผ้าสีดำ พวงมาลัยเป็นยูรีเทนธรรมดาไม่มีมัลติฟังชั่น Push Start และระบบเปิดประตูอัจฉริยะไม่มี จอสัมผัส 7 นิ้วไม่มีเป็นแค่เครื่องเล่น CD 1 แผ่น ประตูข้างแบบสไลด์ไฟฟ้า ด้านซ้ายอย่างเดียวด้านขวาแบบธรรมดาไม่ไฟฟ้า แอร์แบบธรรมดา นอกนั้นเหมือนกันหมดจร้า
คราวนี้เรามาดูตารางการผ่อนของทั้ง 2 รุ่นกันบ้างเริ่มจากเงินดาวน์เอาแบบกลางๆนะดาวน์ 20 % รุ่น 1.5V ราคา 865,000 บาท ดาวน์ 173,000 บาท ส่วนรุ่น 1.5G ราคา 750,000 บาท ดาวน์ 150,000 บาท ราคาการดาวน์ 20 % ต่างกันที่ 23,000 บาท มาถึงการผ่อนเอาแบบเต็มแม็ก 72 เดือนหรือ 6 ปี รุ่น1.5Vจะผ่อนอยู่ที่ 13,293บาท/เดือน ส่วนรุ่น1.5G จะผ่อนอยู่ที่ 9,934 บาท/เดือน ต่างกันอยู่ที่ 3,359 บาท/เดือน รายการของแถมคร่าวๆ กรอบป้าย ผ้ายาง เคลือบสี พ้นกันสนิม ฟิล์ม ค่าใช้จ่ายวันออกรถ เงินดาวน์ รุ่น1.5V 173,000 รุ่น1.5G 150,000บาท ค่าจดทะเบียน3,000 ประกัน20,000บาท ค่ามัดจำป้ายแดง5,000บาท(ได้คืน) รวม178,000บาท หักเงินจอง10,000บาท ยอดวันออกรถรุ่น1.5V 201,000 บาท รุ่น1.5G 168,000บาท รวมแล้ววันออกรถค่าใจจ่ายรุ่น1.5V จะต่างจาก 1.5G ที่ประมาณ 33,000 บาท
รู้แบบนี้แล้วเราต้องลองพิจราณาดูกันนะครับว่า ผ่อนต่อเดือนต่างกันประมาณ 3,000 บาท กับออฟชั่นที่ได้เพิ่มมา ประมาณ 9 อย่างประตูข้างแบบสไลด์ไฟฟ้าหรอก็มีไฟฟ้าด้านซ้ายให้แล้วไง จำเป็นต้องให้เป็นไฟฟ้าทั้งสองข้างหรือไม่เกิดเหตุฉุกเฉินด้านที่ไม่ไฟฟ้ายังเปิดได้นะ เบาะหนังข้างนอกก็มีรับทำเยอะแยะเลยถ้าอยากได้ แต่เบาะผ้านั่งแล้วไม่ร้อนก้นนะครับ ถึงจะทำความสะอาดยากกว่าก็ตาม Push Start จำเป็นมั้ย จอ 7 นิ้วผมก็ว่าจะจะหาซื้อได้ไม่ยาก ผมว่าถ้าไม่คิดอะไรมากซื้เอรถมาใช้งานจริงๆออฟชั่นต่างๆถามว่าดีมั้ย ตอบเลยง่าดีมากครับ และมูลค่ามันมากกว่า 1 แสนบาทแน่นอนคุ้มแน่ถ้าใครอยากได้ตัวท็อป แต่ถ้ามองมุมกลับกันต้องถามตัวคุณเองครับว่าถ้าซื้อรุ่นทีอปสุดไป ออฟชั่นต่างเหล่านั้นคุณได้ใช้มันหรือเปล่า เพราะรูปทรงภายนอก เครื่องยนต์ ช่วงล่าง มันเหมือนกันหมด กับเงินที่ต้องจ่ายเพิ่มต่อเดือน 3,359 บาท 6ปีมันก็หลายสตางค์อยู่นะครับ (เป็นผมนะครับผมเลือกตัวต่ำออฟชั่นไหนอยากได้ค่อยไปหาซื้อมาใส่เอา ผมว่ารุ่นต่ำคุ้มค่าเงินครับ ความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ)
เรื่อง : ณัฐพล เดชสิงห์
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th