นายวัลลภ ตรีฤกษ์งาม กรรมการบริการ ด้านการขาย และการตลาด บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า แม้ในปีนี้บริษัทจะไม่มีการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ออกมากระตุ้นยอดขาย และมีเพียงแค่การปรับปรุงผลิตภัณฑ์ที่มีวางจำหน่ายแต่ละรุ่นให้มีความสดใหม่ออกมาเพียงเท่านั้น แต่รถยนต์ของซูซูกิในทุกรุ่นกลับได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลุ่มลูกค้า  โดยเฉพาะกับ ซูซูกิ เซียส รถยนต์พรีเมียมอีโคคาร์ ซึ่งถือเป็นผลิตภัณฑ์หลักที่สร้างยอดขายให้กับบริษัทในปีนี้ ล่าสุด ซูซูกิได้มีการเติมออฟชั่นให้กับ เซียส อาร์เอส ด้วยการเพิ่มอุปกรณ์อำนวยความสะดวกอย่าง ช่องปรับอากาศ และช่องจ่ายไฟสำรองสำหรับผู้โดยสารตอนหลังเข้ามาช่วยยกระดับให้กับรถอีโคคาร์มีความพรีเมียมและตอบโจทย์ลูกค้ามากยิ่งขึ้น และยังคงใช้ราคาเดิม

นายวัลลภ ยังเปิดเผยอีกว่า จากตัวเลขยอดขายในช่วง 11 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค-พ.ย. 60) ซูซูกิมีอัตราการเติบโตขึ้นราว 7% โดยซูซูกิ เซียส มียอดขายมากสุดอยู่ที่ 10,342 คัน ซูซูกิ สวิฟท์ มียอดขายอยู่ที่ 7,432 คัน ซูซูกิ แครี่ มียอดขายอยู่ที่ 2,541 คัน ส่วน ซูซูกิ เซเลริโอ และ ซูซูกิ เออร์ติกา มียอดขายรวมกันอยู่ที่ 1,583 คัน

จากตัวเลขยอดขายดังกล่าว รวมถึงสถานการณ์ตลาดรถยนต์ที่มีแนวโน้มดีขึ้นในช่วงท้ายปี รวมถึงยอดจองรถยนต์ที่เกิดขึ้นภายในงานมหกรรมยานยนต์ที่ผ่านมา เชื่อมั่นว่าซูซูกิจะปิดยอดขายของปี 2560 อยู่ที่ 24,600 คัน ซึ่งมากกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ตั้งแต่ต้นปีที่ 24,000 คัน โดยเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา อัตราการเติบโตอยู่ที่ 7-8% และมีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ราว 3%

ทั้งนี้ ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ซูซูกิมียอดขายเติบโตมากขึ้นในปีนี้ ส่วนหนึ่งมาจากการปรับกระบวนการด้านงานขายตั้งแต่หน้าบ้านถึงหลังบ้าน โดยเฉพาะการได้พันธมิตรทางธุรกิจอย่าง ธนาคารเกียรตินาคิน ในการให้บริการสินเชื่อรถยนต์ (แคปทีฟลีสซิ่ง) และสถาบันการเงินอื่นๆ ที่คอยสนับสนุน ช่วยให้บริษัทสามารถติดตามลูกค้าและมอบข้อเสนอพิเศษให้เหมาะสมตามแต่ความต้องการของลูกค้าแต่ละรายให้สามารถเป็นเจ้าของรถยนต์ได้ง่ายขึ้น

สำหรับปี 2561 บริษัทมีแผนเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างน้อย 1-2 รุ่น ซึ่งจะส่งผลให้ปีหน้าจะเติบโตมากกว่าปีนี้อย่างแน่นอน และจะสามารถสร้างความคึกคักให้กับตลาดได้ไม่น้อย  รวมถึงน่าจะมีกลุ่มผู้ใช้สิทธิ์รถยนต์คันแรก เริ่มกลับมามองหารถยนต์คันใหม่เพื่อทดแทนคันเก่า และยังต้องดูว่ามีผู้สนใจเปลี่ยนรถคันใหม่มากน้อยเพียงใด บวกกับปัจจัยบวกรอบด้าน ทั้งภาวะเศรษฐกิจโดยรวม และสถานการณ์ทางการเมือง ทำให้คาดว่าปีหน้าอาจจะมียอดขายขึ้นไปอยู่ระดับ 900,000 คัน เติบโตขึ้น 10% จากปี 2560 ที่คาดว่าจะมียอดขายที่ 850,000-860,000 คัน นายวัลลภ กล่าวทิ้งท้าย

เรื่อง : ณัฐพล เดชสิงห์

เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE

ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th