ซูบารุ ฟอเรสเตอร์ 2.0i-P ใหม่ นั่งสบาย ช่วงล่างนุ่ม เค้าโค้งเยี่ยม
ช่วงนี้ทาง บริษัท ทีซี ซูบารุ (ประเทศไทย) จำกัด รู้สึกจะเน้นดันเจ้าSUV อย่าง ซูบารุ ฟอเรสเตอร์ กันยกใหญ่ แถมตอนนี้ยังปรับราคาลงมาอีก เรียกได้ว่าดึงดูดความสนใจสุดๆ และครั้งนี้ทางซูบารุ ได้จัดให้สื่อมวลชนได้ทดสอบสรรมถนะของเจ้า ซูบารุ ฟอเรสเตอร์ ใหม่ โดยใช้เส้นทาง กรุงเทพ – กาญจนบุรี ประมาณ 400 กว่ากิโล เรามาดูกันดีกว่าว่าเจ้า ซูบารุ ฟอเรสเตอร์ คันนี้มันจะเจ๋งขนาดไหน สู้คู่แข่งได้หรือไม่ เห็นว่ารุ่นล่าสุด มีการปรับในส่วนของกระจังหน้าใหม่ ไฟท้ายใหม่ และล้อแม็กลายใหม่ ไปดูพร้อมกันเลย ครั้งนี้ทางซูบารุ จัดรถ ซูบารุ ฟอเรสเตอร์รุ่นท็อปสุดมาให้ทดลองขับกัน รุ่น 2.0i-P ที่ตอนแรกราคา 1,498,000 บาท ตอนนี้ลดกระหน่ำเหลืองเพียง 1,398,000 บาท หายไปหนึ่งแสนบาทเห็นๆเราไปดูกันว่าเจ้าคันนี้มันเจ๋งแค่ไหน
เริ่มจากด้านหน้าดุดันด้วยโคมไฟทรงเฉี่ยว ไฟหน้ามีระบบ SRH หรือ Steering Responsive Headlights ที่ไฟหน้าจะหมุนตามองศาการหมุนพวงมาลัย ช่วยให้เห็นทางก่อนเลี้ยวได้ชัดเจนขึ้น ด้านล่างของกันชนติดตั้งไฟ Daytime แนวตั้ง ใช้หลอด LED พร้อมสปอตไลต์ทรงกลม ล้อแม็กลายใหม่ พร้อมยางขนาด 225/60/17 ด้านท้ายเปลี่ยนชุดไฟใหม่แต่ทรงเดิม โดยรวมดูสปอร์ตและดุดันกว่ารุ่นก่อน แต่บางท่านอาจจะไม่ชอบทรงเพราะมันดูออกเหลี่ยมๆเรียบๆเชยๆไปหน่อย ขนาดของตัวรถพอๆกับคู่แข่งขนาดกลางๆ ขับในเมืองคล่องตัว มิติตัวถังมีความยาว 4,595 มิลลิเมตร กว้าง 1,795 มิลลิเมตร สูง 1,735 มิลลิเมตร ฐานล้อ 2,640 มิลลิเมตร น้ำหนัก 1,528 กิโลกรัม
ภายในอุปกรณ์มาตรฐานให้มาอย่างครบครัน ตั้งแต่ระบบ Easy Entry เพียงพกรีโมทคอนโทรลไว้กับตัว ก็สามารถล็อกและปลดล็อกรถได้ พร้อมปุ่มสตาร์ตเครื่องยนต์ ชุดมาตรวัดทรงกลมดูดีทีเดียว เบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้าพร้อมหน่วยความจำ 2 ตำแหน่ง นั่งสบายกระชับตัวนั่งสบาย พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นปรับได้ 4 ทิศทาง พร้อมสวิตช์ควบคุมต่างๆ ครูสคอนโทรลก็มีให้นะครับ คอนโซลกลางด้านบนมีหน้าจอเอนกประสงค์ แสดงข้อมูลของระบบขับเคลื่อน อัตราสิ้นเปลือง หน้าจอสัมผัสควบคุมระบบนำทางและระบบข้อมูลความบันเทิงต่างๆ คอนโซลเกียร์ตกแต่งสีดำเงาขลิบขอบสีโครเมียม มีโหมด M พร้อม Paddle Shift ที่พวงมาลัย มีสวิตช์เปิด-ปิดระบบ X Mode แป้น เบาะหลังแยกพับได้ 60:40 พับสะดวกด้วยสวิตช์แยกซ้าย-ขวาไฮโซไม่ใช่เล่น ที่เก็บของด้านหลังมีความจุ 505 ลิตร ประตูบานท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมหน่วยความจำ ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง ผู้โดยสารด้านหลังมีที่วางขาเหลือเฟือ เพดานที่สูงให้ความโปร่งโล่งสบาย ทัศนวิสัยในการขับดีทีเดียวครับ
เริ่มออกเดินทางจากโชว์รูมแถวถนนเสรีไทย เจ้า ฟอเรสเตอร์ ใหม่คันนี้ใช้เครื่องยนต์ตัวเดียวกับเอ็กซ์วี เป็นเบนซิน 4 สูบนอน 1,995 ซีซี กำลังสูงสุด 110 กิโลวัตต์ หรือ 150 แรงม้า ที่ 6,200 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 20.2 กก.-ม. ที่ 4,200 รอบต่อนาที เกียร์อัตโนมัติ CVT ซึ่งซูบารุเรียกว่า Lineartronic CVT มาพร้อมโหมด Manual 6 จังหวะ ขับเคลื่อน 4 ล้อ Full Time Symmetrical AWD การขับขี่ในเมืองทำได้ดีทีเดียวครับ สามารถลัดเลาะได้อย่างคล่องตัว อัตราเร่งช่วงต้นมาดีขับสนุกครับเมื่อขับขี่ในเมือง เมื่อวิ่งออกนอกเมืองทางตรงยาวๆรอบปลายดูจะวิ่งไม่ค่อยจื๊ดจ๊าดเท่าที่ควร แต่ถ้าดูน้ำหนักรถ 1,580 กิโลกรัม ก็ถือว่าพอใช้ได้ครับเพียงพอต่อการใช้งาน การเร่งแซงต้องใช้การคิ๊กดาวน์ลากรอบสูงช่วย อัตราเร่งทางตรงยาวๆกดคันเร่งลงไปความเร็วค่อยเพิ่มขึ้น เกียร์อัตโนมัติแบบ CVT ช่วยเสริมให้ความเร็วเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและนิ่มนวล อัตราเร่งไม่โดนใจซะเท่าไหร่ ผมว่ามันหนืดไปนิดเมื่อขับขี่ทางไกลๆ แต่ก็สามารถไปแตะที่ 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 11.8 วินาที อัตราสิ้นเปลืองทำได้เฉลี่ย 12.6 กิโลเมตรต่อลิตร
มาถึงกาญจนบุรีเรามาทดลองระบบ X Mode กันหน่อยดีกว่าขับออกจากถนนดำไปลุยกันหน่อย กดปุ่ม X Mode ลงไปปุ่มนี้จะทำให้เจ้าฟอเรสเตอร์ ใหม่ เพิ่มประสิทธิภาพเมื่อขับบนทางวิบากด้วยระบบ ทำงานที่ความเร็วประมาณ 20-40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เมื่อเปิดใช้งาน X Mode จะควบคุม 5 ระบบหลักของรถ คือ คันเร่ง หน่วงการเปิดลิ้นปีกผีเสื้อไม่ให้เปิดเร็วเกินไป เพื่อให้ขับได้อย่างนุ่มนวล รักษาความเร็วได้ง่ายขึ้นเมื่อขับบนทางวิบาก, ควบคุมระบบส่งกำลังให้อยู่ในเกียร์ต่ำ เพื่อสร้างกำลังแรงบิด, ควบคุมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ โดยเพิ่มการจับตัวของชุดแบ่งกำลังที่เพลาล้อหน้าและล้อหลัง เพิ่มพลังในการขับเคลื่อน และยางมีการยึดเกาะถนนที่ดีขึ้น, ควบคุมระบบ VDC หรือ Vehicle Dynamic Control เมื่อล้อฝั่งใดมีการหมุนฟรี เบรกจะทำงานที่ล้อนั้น และสุดท้ายคือ ระบบ HDC หรือ Hill Descent Control ระบบช่วยลงทางลาดชันจะทำงานที่ความเร็วต่ำกว่า 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง รถจะควบคุมคันเร่งและเบรกให้โดยอัตโนมัติ พูดเลยว่าระบบนี้รถจัดการให้หมดคนที่ไม่เคยขับออฟโรดก็สามารถเข้าไปขับได้ เพราะผู้ขับมีหน้าที่แค่คุมคันเร่ง และพวงมาลัยอย่างเดียว ผ่านได้ทุกสภาพถนนอย่างแน่นอน (แต่อย่าโหดมากนะจ๊ะ)
ฟอเรสเตอร์ใช้ระบบกันสะเทือนอิสระพร้อมเหล็กกันโคลงทั้ง 4 ล้อ ด้านหน้าแม็กเฟอร์สัน ด้านหลังปีกนก 2 ชั้น ขับทางไกลใช้ความเร็วสูงตัวรถยังคงนิ่งและนุ่มนวล แต่ผมว่ามันนิ่มไม่นิด การเค้าโค้งตัวรถไม่อาการโคลง ควบคุมง่ายและเฉียบคม พวงมาลัยมีการผ่อนแรงที่พอเหมาะ ช่วงล่างสามารถดูดซับแรงสั่นสะเทือนจากพื้นผิวของถนนได้ดี นุ่มนวลดีครับ ระบบเบรกดิสก์ 4 ล้อ สร้างแรงเบรกได้อย่างเหลือเฟือ
ซูบารุ ฟอเรสเตอร์ 2.0i-P เอสยูวี ที่ใช้งานในเมืองได้คล่องแคล่ว ภายในห้องโดยสารกว้างขวางนั่งสบาย อุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน ช่วงล่างนุ่มนวล เครื่องยนต์บ๊อกเซอร์สูบนอน ขับสนุก และความปลอดภัย อาจจะไม่จื๊ดจาดแต่เพียงพอสำหรับการใช้งาน ภาพลักษณ์และสมรรถนะโดดเด่นต่างจากคู่แข่งราคาเริ่ม 1,198,000 – 1,398,000 บาทน่าสนใจไม่น้อยครับ
เรื่อง : ณัฐพล เดชสิงห์
เรียบเรียงข้อมูลโดย กรังด์ปรีซ์ออนไลน์ GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th