ตรวจสอบยาง เพิ่มความปลอดภัย
รถหนึ่งคันประกอบด้วยหลายหมื่นชิ้นส่วน แต่สิ่งเดียวที่สัมผัสพื้นถนนคือ ยางและเป็นปัจจัยหลักที่มีผลตลอดเวลาที่ล้อหมุน การตรวจสภาพยางให้พร้อมใช้งาน ไม่ใช่เรื่องยุ่งยาก ใช้เวลาไม่นาน และสามารถทำได้ด้วยตัวเอง
4 สัญญาณเตือนจากยาง
- รอยแตกหรือรอยบาดลึกบนแก้มยาง
แก้มยางเป็นส่วนที่ต้องมีการยืดหยุ่นตลอดการขับ ถ้าแก้มยางมีรอยบาดหรือฉีดขาดลึก ควรเปลี่ยนยางเส้นใหม่โดยเร็วที่สุด - ดอกยางสูงน้อยกว่า 1.5 มิลลิเมตร
แสดงว่าดอกยางสึกถึงระดับที่กำหนดไว้ สังเกตว่าสะพานยางจะเสมอกับหน้ายาง แม้จะยังเห็นร่องยางอยู่ แต่ก็ควรเปลี่ยนยางเส้นใหม่ - รอยบวมปูดที่แก้มยาง
รอยบวมหรือที่มักเรียกกันว่า ลูกมะนาว บนแก้มยาง แสดงว่าโครงสร้างภายในตรงส่วนนั้นเสียหายหนัก ทำให้ลมยางดันแก้มยางให้ปูดบวมออกมา ถ้ายังใช้ต่อไปจะเสี่ยงต่อการระเบิด ควรเปลี่ยนยางเส้นใหม่ - การสั่นสะเทือนที่เกิดจากยาง
เกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น ศูนย์ล้อไม่ได้มาตรฐาน ยางไม่สมดุล หรือโครงยางเกิดความเสียหาย ควรรีบตรวจสอบและแก้ไข
ปัญหาจากลมยางอ่อน
จากการสำรวจพบว่า รถเกิน 50% วิ่งด้วยลมยางที่อ่อนกว่าค่ามาตรฐาน ส่วนใหญ่เป็นเพราะละเลยที่จะตรวจสอบแรงดันลมยางเป็นประจำ หลายคนนึกได้เมื่อไรก็ค่อยเติมโดยไม่รู้ว่า ลมยางซึมออกผ่านเนื้อยางและวาล์วตลอดเวลา แต่ส่วนใหญ่จะค่อยๆ ซึม เจ้าของรถจึงมักไม่รู้ว่าลมยางอ่อน
เมื่อลมยางอ่อน แก้มยางจะยึดหยุ่นมากกว่าปกติ ส่งผลกระทบต่อการควบคุมรถ และยางจะไม่ได้ทำงานเต็มประสิทธิภาพตามที่ได้รับการออกแบบมา ยกตัวอย่างลมยางอ่อนกว่ามาตรฐาน 4 ปอนด์/ตารางนิ้ว ผู้ขับอาจรู้สึกว่ารถวิ่งนุ่ม แต่ข้อเสียคือ ทำให้ควบคุมรถได้ยากขึ้น และกินน้ำมันเชื้อเพลิงมากขึ้น
แก้มยางที่ยืดหยุ่นตัวมากกว่าปกติ เป็นสาเหตุให้เกิดความร้อนสูงที่แก้มยาง ถ้าขับด้วยความเร็วสูงเป็นเวลานาน โครงสร้างของยางอาจเสียหายและยางอาจจะนะเบิด ส่วนในระยะยาวจะส่งผลให้ยางมีอายุการใช้งานสั้นลง
ศูนย์วิจัยด้านความปลอดภัย ในกรมการขนส่งของรัฐเพนซิลแวเนีย ใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ ซิมูเลเตอร์ ในการศึกษาว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อขับรถที่ลมยางอ่อนกว่ามาตรฐาน และพบว่าเมื่อถึงความเร็วหนึ่ง ยางทุกเส้นที่ทำการทดสอบ จะเกิดการเปลี่ยนรูปร่างที่เรียกว่า STANDING WAVE ที่บริเวณแก้มยาง ส่งผลให้อุณหภูมิสูงผิดปกติ
ผลจากการวิจัยระบุว่า การขับด้วยลมยางอ่อน จะทำให้เครื่องยนต์ทำงานหนักขึ้น ใช้พลังงานมากขึ้นในการขับเคลื่อน ยางร้อนเร็วผิดปกติ เกิดแรงต้านการหมุน และยางทำงานหนักผิดปกติ
การตรวจสอบลมยาง
- อย่าวัดลมยางด้วยสายตา เพราะยางรุ่นใหม่ๆ มักออกแบบให้แก้มยางยื่นออกด้านข้างมากขึ้น ทำให้ดูแล้วเหมือนลมยางอ่อนไปเล็กน้อย ทั้งที่ความจริงอาจไม่ได้เป็นเช่นนั้น
- อย่างน้อยควรตรวจสอบลมยางเดือนละ 1 ครั้ง โดยใช้มาตรวัดแรงดันลมยางที่ได้มาตฐาน ราคาประมาณ 150-200 บาทก็ใช้งานได้ดี
- เติมลมยางตามที่ผู้ผลิตรถระบุไว้ โดยมักติดสติ๊กเกอร์ไว้ในบานพับประตูฝั่งผู้ขับ ด้านหลังฝาปิดที่เติมน้ำมัน หรือในกล่องใส่เครื่องมือ แต่ไม่ใช่เติมด้วยตัวเลขของ MAXIMUM INFLATION PRESSURE ซึ่งเป็นค่าแรงดันลมยางสูงสุดที่ยางรับได้
ถ้ามีการเปลี่ยนยางต่างขนาดไปจากเดิม ให้ยึดตัวเลขของผู้ผลิตยางเป็นหลัก และอย่าลืมตรวจสอบแรงดันลมยางอะไหล่ด้วย ซึ่งโดยปกติมักเติมไว้ที่ 60 ปอนด์/ตารางนิ้ว - ตรวจสอบลมยางขณะที่ยางเย็น หรือขับไปน้อยกว่า 3-5 กม. เพราะเมื่อขับระยะทางไกลๆ อุณหภูมิยางจะสูงขึ้น แรงดันลมยางก็จะสูงตามไปด้วย ทำให้การวัดลมยางไม่แม่นยำ
ในยุคน้ำมันแพง หลายคนสรรหาสารพัดวิธี หรืออุปกรณ์ช่วยประหยัดน้ำมัน ลองผิดลองถูกหรือถูกหลอกไปก็มาก ทั้งที่แค่เติมลมยางให้ถูกต้อง ก็ช่วยประหยัดน้ำมันได้ไม่น้อย
เรื่อง: กองบรรณาธิการ
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th