ตลาดปิกอัพ เดือด !! 5 รุ่นเด่น ปี 2018
ปีนี้ตลาดปิกอัพ ดูจะดุเดือดมากเพราะหลายค่ายเริ่มปล่อยรุ่นใหม่ออกมาให้คนไทยได้ยลโฉม และจับจองเป็นเจ้าของหวังกระชากยอดขายกันตั้งแต่ไตรมาสแรก มีทั้งไมเนอร์เชนจ์ โมเดลเชนจ์เตรียมเปิดตัวภายในปีนี้ วันนี้เรามาดูรถปิกอัพรุ่นใหม่ที่ออกมาจำหน่ายแล้ว และกำลังจะเปิดตัวในปีนี้กันว่าคันไหนโดนใจคนไทยกว่ากัน
ISUZU X-SERIES HI-LANDER ราคา 742,000 – 966,000 บาท
เรามาเริ่มจากค่ายผู้นำตลาดรถปิกอัพอย่างอีซูซุ กันเลยที่ได้ทำการไมเนอร์เชนจ์ อีซูซุ เอ็กซ์-ซีรี่ส์ 1.9 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ ที่ปรับโฉมใหม่เพิ่มเอกลักษณ์ให้โดดเด่นยิ่งขึ้น ทั้งภายนอกและภายใน Speed Cab4 ปิกอัพสปอร์ต 4 ประตูของคนพันธุ์เท่ พร้อมด้วยรุ่น Hi-Lander สปอร์ตพรีเมี่ยม เท่ หรูหรามีสไตล์ดุจรถยนต์นั่ง ราคาจำหน่าย 742,000 – 966,000 บาท
อีซูซุ เอ็กซ์-ซีรี่ส์ รุ่น Hi-Lander เติมไลฟ์สไตล์สปอร์ตให้เต็มพลัง ด้วยความหรูหรา เท่แบบมีสไตล์ ให้กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีไลฟ์สไตล์เป็นเอกลัษณ์ ได้สะท้อนตัวตนสปอร์ตพรีเมี่ยม ด้วยความลงตัวระหว่างการขับขี่ในชีวิตประจำวันกับความสปอร์ตเท่ที่หรูหรามีสไตล์แบบรถยนต์นั่ง ชุดแต่งดีไซน์ใหม่! ที่มาพร้อมกระจังหน้าสุดสปอร์ต ออกแบบลงตัวรับกับสเกิร์ตหน้าดีไซน์เท่ ทรงพลัง สะกดทุกสายตา ด้วยกันชนหน้าสีเทาดำ Front Bumper Garnish ที่ตัดรับกับเส้น Red Line สีแดงสุดสปอร์ต ดีไซน์ยาวต่อเนื่องรับกับไฟหน้าอย่างลงตัวมาพร้อมสติกเกอร์ดีไซน์เท่คาดหน้า-หลัง เติมความโดดเด่นไม่ซ้ำใครและสัญลักษณ์ ISUZU สีแดง เสริมความสปอร์ตให้มีสไตล์ ใหม่! ชุดไฟตัดหมอกสีเดียวกับตัวรถ พร้อมกรอบสีเทาดำ ดีไซน์ต่อเนื่องรับกับสเกิร์ตหน้าสปอร์ตเหนือระดับ สปอร์ตบาร์ดีไซน์ใหม่! สีทูโทน เท่ สปอร์ต ดูโฉบเฉี่ยว ใหม่! ไฟหน้าแบบ Bi-LED เทคโนโลยีสุดล้ำ ให้พื้นที่ความสว่างมากขึ้น และใช้พลังงานน้อยลง สามารถปรับความสูงต่ำได้ 4 ระดับ พร้อม Multifunctional Daylight แบบ Built-in ดีไซน์ใหม่ สปอร์ตลงตัว เป็นทั้งไฟส่องสว่างเวลากลางวัน และไฟหรี่เวลากลางคืน ใหม่! เสาข้างประตูสีดํา Blackout Film ให้ความต่อเนื่องสวยงาม เสริมความพรีเมี่ยมในรุ่น 4 ประตู บันไดข้างดีไซน์ใหม่ แบบชิ้นเดียว พร้อมตกแต่งด้วยขอบสีเงิน ดูสปอร์ตหรู ล้ออัลลอยทูโทนดีไซน์ใหม่! ขนาด 18 นิ้ว เท่สะดุดตา ในรุ่น 4 ประตู ใหม่! เบาะนั่งกึ่งหนังแท้ดีไซน์หรู แบบ Double Layer เพิ่มมิติแห่งดีไซน์ เดินด้าย สีแดงดูสปอร์ตพรีเมี่ยม พร้อมสัญลักษณ์ X-SERIES ที่เบาะคู่หน้า
ดีไซน์ห้องโดยสารใหม่! ด้วยชุดตกแต่งสีดำ Piano Black Style และผิวสัมผัสใหม่ Soft Touch เดินด้านสีแดงสุดสปอร์ต หรูหราลงตัวกับชุดโครเมียมประดับช่องแอร์ และที่เปิดประตูด้านใน พร้อมสัญลักษณ์ X-SERIES ที่คอนโซลหน้า หน้าปัด Super Vision ดีไซน์แบบ 3D Shape Point พร้อมหน้าจอ Color Display MID ฟังก์ชั่นครบครัน พวงมาลัย Multifunction ดีไซน์หุ้มหนัง เดินด้ายแดง พร้อมสัญลักษณ์ ISUZU สีแดง ควบคุมเครื่องเสียงและสั่งการจากบนพวงมาลัย ในรุ่นเกียร์อัตโนมัติ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control ที่สุดของความสะดวกสบายในทุกการเดินทาง Isuzu Media Solution หน้าจอระบบสัมผัสขนาดใหญ่ 7 นิ้ว เชื่อมต่ออุปกรณ์บันเทิงได้หลากหลาย พร้อมระบบบลูทูธ กระหึ่มไปกับ ISUZU SURROUND SOUND SYSTEM ให้มิติเสียงสมจริงกระหึ่มรอบทิศทาง สูงสุดถึง 8 ลําโพง เติมมิติเสียงให้เต็มอารมณ์สปอร์ตยิ่งขึ้นในรุ่น 4 ประตู
มาพร้อมขีดสุดของสมรรถนะกับนวัตกรรมเปลี่ยนโลก ขุมพลังสปอร์ตสไตล์เอ็กซ์ เครื่องยนต์ 1.9 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ และระบบส่งกำลังสไตล์สปอร์ต โดยทั้งรุ่นเกียร์ออโตเมติก 6 สปีด แบบ Rev Tronic และรุ่นเกียร์ธรรมดา 6 สปีด มาพร้อมโอเวอร์ไดร์ฟ 2 ตำแหน่งที่เกียร์ 5 และ 6 รุ่น Speed และ Speed Cab4 มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ ใหม่! แดงเอทนา ไมก้า (ETNA MICA RED) ขาวไซบีเรียน (SIBERIAN WHITE) และ ดำออสเตรเลียนโคล (AUSTRALIAN COAL BLACK) ส่วนรุ่น Hi-Lander 4 ประตู และ 2 ประตู มีให้เลือก 2 สี ขาวมุกเอเวอเรสต์ (EVEREST PEARL WHITE) และ ดำออสเตรเลียนโคล (AUSTRALIAN COAL BLACK)
TOYOTA REVO ROCCO ราคา 899,000 – 1,189,000 บาท
ไฮลักซ์ รีโว่ รุ่นปรับโฉมใหม่” ซึ่งถูกพัฒนาขึ้นภายใต้แนวคิด “ตัวตนของคนจริง” ซึ่งเปรียบรถกระบะไฮลักซ์ รีโว่ ที่มีดีไซน์อันแข็งแกร่งดุดัน เปี่ยมด้วยสมรรถนะที่ยอดเยี่ยม สามารถตอบสนองต่อทุกการใช้งาน และสะท้อนตัวตนของผู้เป็นเจ้าของได้อย่างชัดเจน ราคาเริ่มต้นที่ 899,000 – 1,189,000 บาท
ไฮลักซ์ รีโว่ รุ่นปรับโฉมใหม่ ได้รับการออกแบบรูปลักษณ์ภายนอกใหม่ เพื่อแสดงถึงความแข็งแกร่ง ดุดัน เต็มพลัง ให้มีความเด่นชัดมากยิ่งขึ้น ด้วยดีไซน์ใหม่ของกันชนหน้า กระจังหน้าแบบโครเมียมและสีดำเงา และกรอบไฟตัดหมอกสีดำเงา สอดรับกับสีภายในห้องโดยสารใหม่โทนสีดำ ตลอดจนอุปกรณ์มาตรฐานต่างๆที่มีการปรับเพิ่มให้ครอบคลุมทุกการใช้งาน โดยยังคงไว้ด้วยคุณภาพการผลิตมาตรฐานระดับโลก เปี่ยมอรรถประโยชน์ใช้สอย
ผสานกับสมรรถนะอันยอดเยี่ยมจากขุมกำลังของเครื่องยนต์ดีเซลระบบ คอมมอนเรล เจเนอเรชั่นล่าสุด (GD Efficient Boost) ที่ให้แรงบิดสูงสุดในช่วงรอบกว้าง (Flat torque) เครื่องยนต์ดีเซล รหัส 1GD-FTV ขนาด 2.8 ลิตร 2,755 ซีซี. VN-Turbo กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก 92.0 x 103.6 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 15.6 : 1 กำลังสูงสุด 177 แรงม้า ที่ 3,400 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 420 – 450 นิวตันเมตร ที่ 1,400 – 2,600 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ / เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ
ไฮลักซ์ รีโว่ ร็อคโค่ (ROCCO) รุ่นตกแต่งพิเศษ ที่ถูกพัฒนาขึ้นภายใต้แนวคิด “แกร่งเกินนิยาม” เป็นอีกหนึ่งทางเลือกเพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบรถกระบะที่มีดีไซน์ที่แตกต่างและโดดเด่นเหนือระดับ เปี่ยมด้วยสมรรถนะที่แข็งแกร่งเกินนิยาม สะท้อนภาพลักษณ์ของผู้ขับขี่ที่ชื่นชอบในไลฟ์สไตล์ที่มีความโดดเด่นเหนือใครและรักการผจญภัย พร้อมที่จะลุยฝ่าไปในทุกเส้นทาง โดย ไฮลักซ์ รีโว่ ร็อคโค่ (ROCCO) มาพร้อมเอกลักษณ์และความโดดเด่นของดีไซน์ที่ดุดัน ด้วยชุดแต่งพิเศษรอบคันทั้งภายนอกและภายในที่แตกต่างจาก รุ่นธรรมดา พร้อมด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ครบครัน ถือเป็นอีกรุ่นสำคัญที่จะสร้างสีสันและเติมเต็มตลาดรถกระบะของโตโยต้าให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น
NISSAN NAVARA MY2018 ราคา 796,500 – 1,090,000 บาท
นิสสัน นาวารา ใหม่ ปี 2018 ปิกอัพไฮเทคที่มากด้วยพลัง เปลี่ยนทุกอุปสรรค ให้กลายเป็นความสำเร็จ ผสานเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยในการขับขี่พร้อมสมรรถนะที่ยอดเยี่ยม ทั้งในด้านการประหยัดน้ำมัน อัตราเร่ง การควบคุมรถในการขับขี่ ด้วยโครงสร้างที่แข็งแกร่งทนทาน และรูปลักษณ์ที่ดูโฉบเฉี่ยวทันสมัยแต่คงความบึกบึน แข็งแกร่ง ภายใต้แนวคิดของ Nissan Intelligent Mobility นิสสัน นาวารา ใหม่ ปี 2018 เพิ่มฟังก์ชันการใช้งานจากกล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง (Around View Monitor-AVM) รวมทั้งเสริมความปลอดภัยสูงสุดด้วยถุงลมนิรภัยรอบคัน 7 ตำแหน่ง ได้แก่ ถุงลมนิรภัยคู่หน้า, ด้านข้าง, ม่านนิรภัย และบริเวณหัวเข่าของผู้ขับขี่ในรุ่น DC 4×4 VL 7AT
นิสสัน นาวารา ใหม่ ปี 2018 ยังคงสมรรถนะของกระบะพันธุ์แกร่งอย่างดีเยี่ยม ด้วยแชสซีส์เหล็กกล้าที่แข็งแกร่งอันเป็นเอกสิทธิ์ของนิสสัน สามารถรองรับแรงการบรรทุกหนัก และการใช้งานอย่างสมบุกสมบันในทุกสภาพถนน เครื่องยนต์มีอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันและการปล่อยมลพิษที่ดีทั้งยังคงไว้ซึ่งความทรงพลังและอัตราเร่งที่ดีเยี่ยม ด้วยเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบขนาด 2.5 ลิตร DOHC แบบ 4 สูบแถวเรียงใหม่นี้ ให้กำลังสูงสุดที่ 190 แรงม้า มีแรงบิดสูงสุดที่ 450 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000 รอบต่อนาทีในรุ่น DC VL และ KC V 4×4 ขณะที่รุ่นอื่นๆ มีเครื่องยนต์ที่ให้กำลังสูงสุดที่ 163 แรงม้า และแรงบิดสูงสุดที่ 403 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000 รอบต่อนาที นอกจากนี้ ระบบเทอร์โบชาร์จเจอร์ยังช่วยเพิ่มพละกำลังของเครื่องยนต์ ด้านระบบขับเคลื่อนสามารถเปลี่ยนสู่โหมดการเคลื่อนแบบ 4 ล้อได้ในขณะขับขี่ นอกจากนี้ยังมีระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (VDC) เฟืองท้ายแบบลิมิเต็ดสลิป (LSD) ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (HSA) และระบบช่วยควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (HDC) ช่วยเพิ่มสมรรถนะและความปลอดภัยในขณะขับขี่ทั้งแบบทั่วไปและแบบออฟโรด
นิสสัน นาวารา ใหม่ ปี 2018 มาพร้อมกับระบบเกียร์ให้เลือก 2 แบบคือ เกียร์อัตโนมัติ 7 สปีดพร้อมโหมดการเปลี่ยนเกียร์แบบธรรมดา และเกียร์ธรรมดา 6 สปีด สำหรับระบบเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด ช่วยประหยัดน้ำมันในช่วงความเร็วต่ำ แต่คงไว้ซึ่งอัตราเร่งที่ดีเยี่ยม พร้อมกับอัตราทดเกียร์ที่กว้างขึ้นเพื่อรองรับการขับขี่ในทุกความเร็ว และความนุ่มนวลในการเปลี่ยนเกียร์ ขณะที่ระบบเกียร์ธรรมดา 6 สปีด ได้รับการพัฒนาให้ประหยัดน้ำมันในทุกช่วง พร้อมพัฒนาให้มีความนุ่มนวลยิ่งขึ้นเมื่อเปลี่ยนเกียร์
การออกแบบภายในของนิสสัน นาวารามาพร้อมเส้นสายที่ต่อเนื่องจากแผงคอนโซลกลางไปยังเส้นสายด้านข้างประตูรถ โดยคำนึงถึงการออกแบบในเชิงอรรถประโยชน์ เพื่อให้มั่นใจว่าห้องโดยสารดูโปร่งสบาย นิสสันได้สร้างมาตรฐานใหม่สำหรับการออกแบบภายในรถกระบะ ด้วยแผงหน้าปัดดีไซน์หรู พวงมาลัยดีไซน์พรีเมียม พร้อมกับการใช้วัสดุแบบอลูมิเนียมในการตกแต่งคอนโซลกลาง และงานเย็บตะเข็บเบาะหนังอันประณีต สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของรถเอนกประสงค์หรือ เอสยูวี ระดับหรูของนิสสัน
นิสสัน นาวารา ใหม่ รุ่นปี 2018 มีสีให้เลือกถึง 8 สี ได้แก่ สีแดง เบิร์นนิ่ง เรด, สีส้ม สะวันนา ออเรนจ์, สีน้ำตาล เอิธ์ธ บราวน์, สีขาวไวท์ เพิร์ล, สีเงิน บริลเลียนท์ ซิลเวอร์, สีเทา ทไวไลท์ เกรย์, สีน้ำเงิน ดาร์ค บลู, และ สีดำ แบล็ค สตาร์ โดยรุ่นที่ได้รับการเพิ่มฟังก์ชันของกล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง (Around View Monitor – AVM) และเสริมความปลอดภัยสูงสุดด้วยถุงลมนิรภัยรอบคัน 7 ตำแหน่ง มีให้เลือกทั้งแบบ KC 2 ประตู และ DC 4 ประตู ราคาเริ่มต้นที่ ราคา 796,500 – 1,090,000 บาท
FORD RANGER RAPTOR ราคา คาดทะลุ 1,500,000 บาท
ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ รถกระบะออฟโรดสมรรถนะสูงรุ่นใหม่จากฟอร์ด เผยโฉมอย่างเป็นทางการครั้งแรก ณ ประเทศไทย สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับเซ็กเมนต์ตลาดรถกระบะในฐานะรถกระบะสมรรถนะสูง เรนเจอร์ แร็พเตอร์ ได้รับการออกแบบมาเพื่อนักขับขี่แบบออฟโรดตัวจริง
การออกแบบภายนอกที่ดุดัน เรนเจอร์ แร็พเตอร์ โดดเด่นด้วยการออกแบบอันเป็นเอกลักษณ์ทั้งภายนอกและภายใน ที่เน้นฟังก์ชันการใช้งานเป็นหลักเมื่อมองจากด้านหน้า กระจังหน้าใหม่อันสะดุดตาได้รับแรงบันดาลใจมาจาก ฟอร์ด เอฟ-150 แร็พเตอร์ ชุดกันชนด้านหน้าซึ่งติดกับเฟรมรถได้รับการออกแบบให้มีความทนทานดูน่าเกรงขาม แผงกันชนด้านหน้ายังมาพร้อมไฟตัดหมอกแบบ LED พร้อมช่องรีดอากาศ ที่ช่วยลดการต้านลมของตัวรถได้เป็นอย่างดี แก้มข้างรถคู่หน้าแบบใหม่ผลิตจากวัสดุคอมโพสิท ทนต่อการบุบและรอยขีดข่วน อีกทั้งแก้มข้างรถคู่หน้าที่ถูกตีโป่งขยายออกเพื่อรองรับระยะยุบตัวของโช้คที่เพิ่มมากขึ้น บันไดข้างรถของเรนเจอร์ แร็พเตอร์ออกแบบมาเพื่อป้องกันไม่ให้เศษหินกระแทกกับตัวถังรถด้านหลัง และรูที่ถูกเจาะนั้นถูกออกแบบมาเพื่อให้ระบายทราย โคลน และหิมะได้ โดยผลิตจากอะลูมิเนียมอัลลอยเพื่อเพิ่มความคงทนโดยเฉพาะ บริเวณกันชนท้ายได้ผ่านการปรับปรุงโดยเพิ่มชุดตะขอเกี่ยวจำนวน 2 ชุด ที่รองรับการลากจูงได้ถึง 3.8 ตัน
การออกแบบภายใน เรนเจอร์ แร็พเตอร์ มาพร้อมความประณีตที่ผสานสีสันต่างๆ และการเลือกสรรวัสดุที่คงทนและเหมาะสมสำหรับการขับขี่แบบออฟโรดและการใช้งานในชีวิตประจำวัน เบาะที่นั่งได้รับการออกแบบเป็นพิเศษ เพื่อรองรับการใช้งานการขับขี่แบบออฟโรดความเร็วสูง ทั้งยังมอบความสะดวกสบายระหว่างการเดินทาง เลือกใช้หนังกลับเป็นวัสดุของเบาะพร้อมเดินด้ายสีน้ำเงินช่วยให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารยึดเกาะที่นั่งได้ดียิ่งขึ้น แผงหน้าปัดที่มาในรูปแบบที่ดุดันแสดงฟีเจอร์ช่วยเหลือผู้ขับขี่แบบต่าง ๆ พวงมาลัยของเรนเจอร์ แร็พเตอร์ พร้อมกับแป้น Paddle Shift ขนาดใหญ่ที่ผลิตจากแมกนีเซียมน้ำหนักเบาทำให้ผู้ขับขี่สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้อย่างฉับไว เพิ่มความแม่นยำในการเปลี่ยนเกียร์ได้อย่างรวดเร็วตามความต้องการ
แชสซี ของเรนเจอร์ แร็พเตอร์ ได้รับการออกแบบใหม่มาเป็นพิเศษสำหรับการขับขี่ออฟโรดความเร็วสูงและทนต่อแรงกระแทกที่อาจเกิดจากการขับขี่โดยเฉพาะ แชสซีได้ถูกออกแบบมาใหม่เพื่อรองรับระบบช่วงล่างที่ใหญ่ขึ้น ทำให้เรนเจอร์ แร็พเตอร์ สามารถเพิ่มระยะช่วงล้อคู่หน้าและหลัง และยังเพิ่มระยะการให้ตัวของล้อได้มากขึ้น แชสซีผลิตจากเหล็กอัลลอย HSLA (High-Strength Low-Alloy) เกรดต่างๆ อีกทั้งยังเสริมความแข็งแรงด้านข้างของแชสซี (side-rails) เพื่อรองรับแรงกระแทกที่เกิดจากการขับขี่ด้วยความเร็วสูง มาพร้อมกับระบบเบรกอันทรงพลัง คาลิเปอร์เบรกคู่หน้าเป็นแบบลูกสูบคู่ ที่เพิ่มขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางขึ้น 9.5 มิลลิเมตร มาพร้อมกับจานเบรกคู่หน้าแบบมีครีบระบายความร้อนที่มีขนาดใหญ่ถึง 332 x 32 มิลลิเมตร ส่วนด้านหลังมาพร้อมกับดิสก์เบรกที่มาพร้อมกับระบบ brake actuation master cylinder ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเบรกให้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งยังมีจานเบรกแบบมีครีบระบายความร้อนขนาด 332 x 24 มิลลิเมตรคู่กับคาลิเปอร์เบรกใหม่ขนาด 54 มิลลิเมตร ระบบช่วงล่างได้รับการออกแบบมาเพื่อรับมือกับการขับขี่ที่ความเร็วสูงบนสภาพพื้นผิวขรุขระ ด้วยโช้คแบบ Position Sensitive Damping (PSD) ที่จะเพิ่มแรงต้านเมื่อมีการกระแทกเต็มช่วงยุบกระบอกสูบ โช้คอัพผลิตขึ้นมาเป็นพิเศษโดย Fox Racing Shox ใช้ลูกสูบขนาด 46.6 มิลลิเมตร ทั้งคู่หน้าและหลัง ช่วงล่างถูกออกแบบมาให้มีระยะการให้ตัวของล้อสูงเพื่อความสามารถในการซับแรงกระแทก นอกจากนั้น เรนเจอร์ แร็พเตอร์ ยังมีปีกนกที่ทำจากอะลูมิเนียม โดยปีกนกบนทำด้วยวิธีการฟอร์จและปีกนกล่างใช้วิธีการหล่อ เพื่อให้ระบบช่วงล่างทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ยาง All-terrain BFGoodrich 285/70 R17 เรนเจอร์ แร็พเตอร์ มาพร้อมกับระบบ Terrain Management System (TMS) สำหรับโหมดการขับขี่ทั้งหมด 6 รูปแบบ เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่หลากหลาย โดยผู้ขับขี่สามารถเลือกโหมดจากปุ่มบนพวงมาลัย
ระบบส่งกำลังของเรนเจอร์ แร็พเตอร์ มาพร้อมเทคโนโลยีอันล้ำสมัย ที่ให้กำลังและแรงบิดที่เหนือกว่า ประหยัดน้ำมันมากขึ้น น้ำหนักน้อยลง รวมถึงการปรับประสานเครื่องยนต์ ระบบเกียร์ เพลา พวงมาลัย เบรก และระบบควบคุมพวงมาลัยแบบอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Steering Program) สำหรับการขับขี่แบบออฟโรดโดยเฉพาะ มาพร้อมเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ซึ่งมาจากแร็พเตอร์ เอฟ-150 ทำงานร่วมกับเครื่องยนต์ดีเซลใหม่แบบ Bi-Turbo (เทอร์โบคู่) ขนาด 2.0 ลิตร ในเรนเจอร์ แร็พเตอร์ ที่มอบพละกำลังสูงสุดถึง 213 แรงม้า และแรงบิดที่มากถึง 500 นิวตันเมตร
เรนเจอร์ แร็พเตอร์ มีเทคโนโลยีด้านการเชื่อมต่อ ซิงค์ 3 (SYNC 3) ซึ่งเป็นระบบสั่งงานด้วยเสียง นอกจากนี้ เรนเจอร์ แร็พเตอร์ ได้รับการออกแบบมาพร้อมระบบความปลอดภัยระดับสูงทั้งแบบแอคทีฟและพาสซีฟ รวมถึงระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวที่ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้น โดยทำงานร่วมกับฟังก์ชันลดความเสี่ยงจากการพลิกคว่ำระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (Electronic Stability Program) จะคอยช่วยเมื่อเข้าโค้งหรือเบรกกะทันหันจนรถเริ่มเสียการทรงตัว ระบบนี้ยังมาพร้อมกับระบบควบคุมการทรงตัวขณะลากจูง (Trailer Sway Control) ระบบช่วยออกตัวขณะจอดรถบนทางลาดชัน (Hill Launch Assist) ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางชัน (Hill Descent Control) และระบบควบคุมการบรรทุก (Load Adaptive Control) กล้องมองหลังแสดงภาพบนจอแอลซีดีขนาด 8 นิ้ว ซึ่งทำงานร่วมกับสัญญาณเตือนระยะจอดด้านหลัง
คาดว่าคงจะเปิดตัวในประเทศไทยพร้อมประกาศราคาประมาณไตรมาส 3 ของปีนี้อย่างแน่นอน ประมาณเดือนสิงหาคม มีรุ่นนี้รุ่นเดียวนะครับ คาดว่าถ้าจัดเต็มขนาดนี้ราคาขายน่าจะประมาณ 1,500,000 บาทบวกแน่นอน
MITSUBISHI TRITON ATHLETE 2018 ราคา 879,000 – 1,111,000 บาท
มิตซูบิชิ ไทรทัน แอทลีท 2018 ใหม่ (Mitsubishi Triton Athlete 2018) มาพร้อมกับบุคลิกใหม่ ดีไซน์สปอร์ต เข้ม…เร้าใจ และจะมีให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่นย่อย ดังนี้ Mitsubishi Triton Athlete Double Cab 4WD เกียร์อัตโนมัติ (AT) ขับเคลื่อน 4 ล้อ , Mitsubishi Triton Athlete Double Cab Plus เกียร์อัตโนมัติ (AT) ขับเคลื่อน 2 ล้อ , Mitsubishi Triton Athlete Double Cab Plus เกียร์ธรรมดา (MT) ขับเคลื่อน 2 ล้อ
สำหรับดีไซน์ภายนอกของ Mitsubishi Triton Athlete 2018 ใหม่ จะมาพร้อมชุดแต่งสปอร์ตรอบคัน เริ่มด้วยกระจังหน้าสีดำลายรังผึ้งดูสปอร์ต ขอบกันชนด้านหน้าพร้อมกรอบไฟตัดหมอกสีดำเพิ่มความดุดัน ชุดตกแต่งกันชนหน้า คิ้วซุ้มล้อสีดำ ล้ออัลลอย ขนาด 17 นิ้ว สีดำ กระจกมองข้างมือเปิดประตูภายนอกบันไดข้าง สีดำทั้งหมด สปอร์ตบาร์สีเดียวกับตัวรถ พื้นปูกระบะท้ายไลน์เนอร์ สปอยเลอร์หลังที่ฝากระบะท้าย กันชนหลัง สีดำ และมีสัญลักษณ์รุ่นพิเศษ Athlete สติ๊กเกอร์ตกแต่งรอบคัน สีดำตัดด้วยสีส้ม และแถบสติ๊กเกอร์ลายกราฟิกสีส้ม-ดำ เพิ่มความโดดเด่นตัดกับสีตัวถังที่มีให้เลือก 3 สี คือ สีขาว ไวท์ เพิร์ล (White Pearl) สีเทา ไทเทเนียม เกรย์ (Titanium Gray) และ สีดำ ไดมอนด์ แบล็ค (Diamond Black)
ขณะที่ภายในห้องโดยสารจะตกแต่งอารมณ์สปอร์ตด้วยการใช้โทนสีดำตัดกับสีส้ม ทั้งในส่วนของเบาะนั่งหุ้มหนัง/หนังสังเคราะห์), พวงมาลัยและหัวเกียร์หุ้มหนังดำเดินตะเข็บด้วยด้ายสีส้ม, แผงประตูตกแต่งด้วยด้ายสีส้ม, พรมปูพื้นปักโลโก้ Athlete สีส้ม ส่วนคอนโซลกลาง แผงอุปกรณ์และฐานเกียร์ตกแต่งด้วยวัสดุสีดำเงา เปียโนแบล็ค เป็นต้น
สำหรับทางด้านขุมพลัง Mitsubishi Triton Athlete 2018 ใหม่ จะใช้เครื่องยนต์ MIVEC คลีนดีเซล ขนาดความจุ 2.4 ลิตร 16 วาล์ว DOHC เทอร์โบแปรผัน (VG Turbo) และอินเตอร์คูลเลอร์ ให้กำลังสูงสุด 181 แรงม้า ที่ 3,500 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 430 นิวตันเมตร ที่ 2,500 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด หรือเกียร์ธรรมดา 6 สปีด (เกียร์ธรรมดามีให้เลือกเฉพาะรุ่น Athlete Plus) โดยระบบขับเคลื่อนในรุ่น Athlete 4WD จะเป็นแบบ 4 ล้อ Super Select 4WD II พร้อม Differential Lock ส่วนรุ่น Athlete Plus จะขับเคลื่อน 2 ล้อหลัง
สำหรับเจ้า มิตซูบิชิ ไทรทัน แอทลีท 2018 ใหม่ คันนี้ได้รับการตกแต่งใหม่หมด ให้ดูสปอร์ต ดุดัน มากขึ้นราคาเริ่มต้นที่ 879,000 – 1,111,000 บาท
เรื่อง : ณัฐพล เดชสิงห์
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th