5 วิธีต่อเบี้ยประกันรถยนต์อย่างไรให้ถูกลง
ประกันรถยนต์ รถยนต์ย่อมมาคู่กับประกันภัย แน่นอนถ้าคุณมีรถยนต์หนึ่งคันคุณก็จะต้องมีประกันภัยไว้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นชั้น1 ชั้น2 หรือชั้น3 ก็ต้องทำติดรถคุณไว้ครับเสมอ และต่อมันก่อนหน้าที่จะหมดความคุ้มครองนะครับ อย่าคิดว่ามันไม่สำคัญนะครับ ไอ้ประเภท โอ้ย!! ผมเป็นคนขับรถระวัง ขับช้า ไม่เกิดอุบัติเหตุ ไม่ชน ใครแน่นอน ปล่อยๆมันยังไม่ต้องทำก็ได้ เอาไว้ก่อน คิดแบบนี้ผมบอกเลยว่าหายนะมาเยือนคุณแน่นอน เพราะฉะนั้นทำประกันไว้ ต่อประกันอย่าให้ขาด ดีที่สุดครับ เพราะถ้าเกิดว่าคุณขับรถชน เกิดอุบัติเหตุ ไอ้ประกันภัยนี่ละครับที่จะช่วยไม่ให้คุณต้องเอาเท้าก่ายหน้าผากว่าจะหาเงินจากไหนมาซ่อมทั้งรถคุณและคู่กรณี จำเอาไว้อุบัติเหตุมันเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อนะครับ
มนุษย์เงินเดือนอย่างเราๆคงจะปวดหัวกับราคาของประกันภัยโดยเฉพาะประกันชั้น1 เพราะราคามันค่อนข้างสูงทีเดียว ไอ้จะไม่ทำก็กลัวว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นแล้วจะต้องจ่ายหนักกว่าเดิม ในเมื่อไม่ทำไม่ได้ ยังไงก็ต้องทำ แล้วจะทำอย่างไรละ จะทำประกัน หรือจะต่อประกันทีคิดหนักเลยครับเพราะต้องจ่ายเงินก้อนหลักหมื่น วันนี้เรามาดูกันครับว่าการซื้อประกัน หรือการต่อประกันอย่างไรให้ได้ราคาถูกจ่ายน้อยคุ้มครองตอบโจทย์คุณมากที่สุด
- เปรียบเทียบราคาประกันรถยนต์ก่อนซื้อ
จำเอาไว้ครับก่อนการซื้อประกันรถยนต์ หรือการต่อประกันรถยนต์นั้น สิ่งที่สำคัญเป็นอันดับแรกเลยนั้นก็คือ การเปรียบเทียบราคาเบี้ยประกันรถยนต์ อย่าขี้เกียจเช็คเด็ดขาด เพราะไม่ใช่เพียงแค่ว่าในปีที่ผ่านมาคุณไม่เคยเคลมเลย การต่อประกันเจ้าเดิมอย่างเดียวจะทำให้คุณได้เบี้ยประกันในราคาที่สมเหตุสมผล และเหมาะสมกับคุณที่สุด ประกันภัยบริษัทอื่นๆอาจจะทำราคาได้ถูกกว่าก็เป็นได้ เพราะฉะนั้น เปรียบเทียบก่อนซักนิด
- ตรวจดูความคุ้มครองมากน้อยแค่ไหน
คุณต้องรู้ว่า ความคุ้มครองหลักๆ ที่ประกันรถยนต์ทั่วไปมีคือ ความคุ้มครองบุคคลอื่น รถคันเอาประกัน รถหาย ไฟไหม้ น้ำท่วม พอรู้แล้ว คุณก็มาดูลักษณะรถของคุณ การขับขี่ของคุณ ระยะทางการใช้งานรถของคุณ เพราะบางทีคุณไม่ค่อยได้ใช้รถ ขับนานๆ ที อาจจะไม่จำเป็นต้องซื้อประกันรถยนต์ชั้นหนึ่งราคาแพง แต่อาจมองที่ตัวถูกลงไป เช่น ประกัน2+ หรือ 3+ เป็นต้น
- ศึกษาเรื่องค่าเสียหายส่วนแรก
ควรดูและเช็คให้ดี ในข้อที่ว่าด้วยการตกลงของผู้เอาประกัน และบริษัทประกัน โดยเป็นการตกลงว่า ถ้ามีการเคลมเกิดขึ้น ผู้เอาประกันจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายส่วนแรกเอง ซึ่งมันควรอยู่ที่ราว 2,000 – 5,000 บาท อย่ามากกว่านี้เด็ดขาดเพราะจะไม่คุ้ม และบริษัทจะนำจำนวนนี้ไปหักจากเบี้ยประกันที่เราต้องจ่าย ยกตัวอย่าง เบี้ยประกันของเราอยู่ที่ 18,000 บาท ค่าเสียหายส่วนแรกอยู่ที่ 5,000 บาท คุณก็จ่ายเบี้ยแค่ 13,000 บาทนั่นเองจ้า !
- การระบุผู้ขับขี่
การระบุผู้ขับขี่ให้กับบริษัทประกันจะทำให้เบี้ยถูกลงราว 5-20% เลยทีเดียวนะ เพราะว่ารถคันที่เอาประกันจะต้องขับขี่โดยคนที่ระบุชื่อเพียงคนเดียว จะทำให้บริษัทประกันรู้สึกว่ารถคันนี้มีความเสี่ยงที่น้อยกว่า คันที่ไม่ระบุผู้ขับขี่ หรือใครจะขับก็ได้ เพราะฉะนั้น เบี้ยประกันก็จะถูกลงราว 5-20% ซึ่งขึ้นอยู่กับอายุของผู้ขับขี่ที่ระบุด้วย โดยคุณสามารถระบุผู้ขับขี่ได้มากที่สุด 2 คน และวัดจากคนที่อายุน้อยที่สุด
- ควรรักษาสิทธิ์ไม่เคลม
โดยปกติแล้ว ถ้าคุณเป็นคนที่ขับรถมีวินัย ระมัดระวัง ไม่มีเคลมเลยตลอดช่วงปีที่ผ่านมา บริษัทประกันจะถือว่าคุณเป็นผู้ขับขี่ที่มีความเสี่ยงน้อย และมีประวัติดี คุณจะได้ส่วนลดเบี้ยประกันในปีถัดไปปีละ10% ซึ่งคุณต้องแจ้งสิทธิ์นี้ต่อโบรกเกอร์ที่คุณซื้อประกันด้วยนั่นเองในกรณีที่คุณเปลี่ยนประกันเจ้าใหม่ แต่ถ้าคุณต่อประกันเจ้าเดิม คุณจะได้รับสิทธิ์นั้นโดยอัติโนมัติครับ
ประกันรถยนต์
เรื่อง : ณัฐพล เดชสิงห์
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th