ต้านกระแสไม่ไหว! โตโยต้า อิมพอร์ต ‘ไฮลักซ์ รีโว่’ จากไทยกลับไปขายญี่ปุ่น
ทนเสียงเรียกร้องของลูกค้าชาวญี่ปุ่นไม่ไหว ในที่สุดโตโยต้า ค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่แดนอาทิตย์อุทัย ตัดสินใจนำรถกระบะไฮลักซ์ เจเนอเรชั่นที่ 8 กลับมาขายในบ้านตัวเองอีกครั้ง และเป็นเรื่องน่าภูมิใจของคนไทยที่เป็นการนำเข้ารถยนต์ที่ผลิตจากโรงงานโตโยต้า ในประเทศไทย
กฎหมายที่เข้มงวดในการครอบครองรถยนต์ส่วนตัวของประเทศญี่ปุ่น เป็นหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ทำให้โตโยต้า ยุติการขายไฮลักซ์ เมื่อปี 2004 แต่หลังจากเว้นวรรคมา 1 เจเนอเรชั่น (ไฮลักซ์ วีโก้) พวกเขาตัดสินใจนำรถกระบะยอดนิยมกลับมาสู่บ้านเกิดอีกครั้ง ถึงจะติดเงื่อนไขที่จัดอยู่ในประเภท Class 1 ที่เจ้าของต้องนำรถยนต์เข้ารับการตรวจสภาพเป็นประจำทุกปี และจ่ายค่าทางด่วนสูงกว่ารถยนต์ปกติก็ตาม
Masahiko Maeda หัวหน้าฝ่ายพัฒนาวิศวกรรมของโตโยต้า อธิบายเหตุผลว่า “ไฮลักซ์ สิ้นสุดการขายในญี่ปุ่น เมื่อปี 2004 แต่ยังคงมีผู้ครอบครองรถอยู่ราว 9,000 คน โดยใช้เพื่อการทำงานเป็นหลัก และมีคนจำนวนมากเรียกร้องให้นำรุ่นใหม่กลับมาขายอีกครั้ง เราคาดหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะตอบสนองสิ่งที่ลูกค้าต้องการได้”
โฆษณา Toyota Hilux ที่ออกฉายในประเทศญี่ปุ่น
https://youtu.be/oNtMEe5vhF8
นอกจากนี้โตโยต้า เชื่อมั่นว่าจะสามารถสร้างลูกค้ากลุ่มใหม่ในการใช้งานรถกระบะ ด้วยการนำเสนอไฮลักซ์ ไม่เพียงรองรับการใช้งานที่หลากหลาย แต่ให้ประสบการณ์ที่พิเศษกับผู้เป็นเจ้าของอีกด้วย และพวกเขาคาดหวังกลุ่มคนอายุ 60 ปีขึ้นไปหรือเกิดในยุคเบบี้ บูมเมอร์ ที่เติบโตมาพร้อมการเปิดตัวไฮลักซ์ รุ่นแรกเมื่อปี 1968 ที่อยากจะกลับมามีไลฟ์สไตล์ที่น่าตื่นเต้นอีกครั้ง
ในส่วนของรายละเอียดตัวรถไฮลักซ์ ที่จะขายในญี่ปุ่น จะมาพร้อมคอนเซ็ปต์ “Tough yet Emotional” ขายความแข็งแกร่ง และดุดัน เลือกใช้รถโทนสีน้ำเงิน Nebula Blue Metallic เป็นหลักในการโปรโมตเหมือนตอนเป็นตัวรอบเวิลด์พรีเมียร์ที่กรุงเทพมหานคร เมื่อเดือนพฤษภาคม 2015
ขุมกำลังจะเป็นเครื่องยนต์ดีเซล 2GD-FTV 2.4L เหมือนกับที่อยู่ในไฮลักซ์ รีโว่ ที่ขายในประเทศไทย ทำงานร่วมกับระบบเกียร์ Super ECT 6 จังหวะ แต่ตามข้อมูลรุ่นที่ขายญี่ปุ่น มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ 11.8 กม./ลิตร ขณะที่บ้านเราตามข้อมูลอีโคสติกเกอร์ (ทดสอบแบบสภาวะรวม) รุ่นดับเบิ้ลแค็บ พรีรันเนอร์ 2.4 ทีอาร์ดีสปอร์ติโว จะมีอัตราประหยัดน้ำมัน 14.3 กม./ลิตร (รุ่นเกียร์ธรรมดา) และ 13.2 กม./ลิตร (รุ่นเกียร์อัตโนมัติ)
แต่ที่เพิ่มเข้ามาเป็นระบบความปลอดภัยด้วยการติดตั้งระบบเตือนก่อนการชนพร้อมตรวจจับคนเดินถนน (Pre-crash Safety with Pedestrian Detection), ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (Lane Departure Alert) และถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่งให้การคุ้มครองคนนั่งด้านหลัง
ติดตั้งระบบควบคุม Part-time 4WD ที่ให้คนขับเลือกรูปแบบตามการใช้งาน โดยมาพร้อมระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (Hill-start Assist Control), ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีแบบแอคทีฟ (Active Traction Control) และระบบช่วยการลงทางลาดชัน (Downhill Assist Control)
การตบแต่งห้องโดยสารจะมีความแตกต่างกันระหว่าง Grade Z (รูปฝั่งซ้าย) กับ Grade X (รูปฝั่งขวา)
สำหรับประเทศญี่ปุ่น ไฮลักซ์ จะมีให้เลือก 2 ระดับ เริ่มต้นใน Grade X ราคา 3.26 ล้านเยน (ราว 9.8 แสนบาท) และ Grade Z ราคา 3.74 ล้านเยน (ราว 1.13 ล้านบาท) สามารถเลือกโทนสี 5 แบบ โดยทั้ง 2 รุ่นจะผลิตที่โรงงานโตโยต้า บ้านโพธิ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา
นอกจากนี้การกลับมาของไฮลักซ์ จะเริ่มต้นขายในประเทศญี่ปุ่น ตั้งแต่วันที่ 12 กันยายนนี้ พร้อมกับรุ่นปรับโฉมของ Land Cruiser Prado และ “Final Edition” FJ Cruiser ที่คาดว่าจะเป็นโฉมสุดท้ายของเอสยูวีรุ่นนี้ก่อนจะเข้าสู่เจเนอเรชั่นใหม่
https://youtu.be/_KP35ucelFU
เรื่อง: พูนทวี สุวัตถิกุล
ขอบคุณข้อมูล: newsroom.toyota.co.jp
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th