Next Gen Ford Ranger 4×2 Sport ไม่ต้องขับ 4 มีดีที่ช่วงล่างหนึบและนุ่ม!
ในบรรดารถกระบะที่มีขายอยู่ในตลาดตอนนี้ ต้องยอมรับกันตรงๆ ว่า Next Generation Ford Ranger เป็นรถกระบะที่หลายคนให้ความสนใจ รวมทั้งในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา Ford ได้มีการปรับปรุงและพัฒนารถกระบะในตระกูล Ranger ให้ตอบโจทย์การใช้งานในหลายๆ ด้านมากขึ้น นอกเหนือจากเรื่องของสมรรถนะและพละกำลังที่สร้างชื่อมายาวนานแล้ว ล่าสุดมีการปรับให้ทันสมัยด้วยการติดตั้งหน้าจอทัชสกรีนขนาดใหญ่เอาไว้ควบคุมระบบการทำงานต่างๆ รวมถึงหน้าจอมาตรวัดที่กลายเป็นดิจิตอลไปหมดแล้ว ซึ่งนั่นทำให้ Next Generation Ford Ranger ดูดีขึ้นในหลายๆ ด้านเลยจริงๆ
สำหรับ Next Generation Ford Ranger ที่ได้ลองขับสั้นๆ นี้ เป็นรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ ที่มีชื่อรุ่นว่า Double Cab 2.0L Sport 4×2 6AT พละกำลัง 170 แรงม้า แรงบิด 405 นิวตันเมตร บนเส้นทางจากภูเก็ตไปสู่พังงา ระยะทางร้อยกว่ากิโลเมตร แน่นอนว่าด้วยการขับแบบจัดทริปแบบนี้ต้องมีการสลับคนขับ นั่นทำให้เวลาที่ได้สัมผัสรถแบบเต็มๆ นั้นค่อนข้างน้อย แต่นั่นทำให้ได้สัมผัสถึง First Impression ได้ระดับหนึ่ง โดยเฉพาะกับการขับบนเส้นทางระหว่างเมือง ที่จับสัมผัสได้ว่ามีการปรับจูนช่วงล่าง ระบบเกียร์ ให้ขับแล้วสบายขึ้นกว่าเดิม
การขับ Next Generation Ford Ranger รุ่น Double Cab 2.0L Turbo Sport 4×2 6AT มีความเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมค่อนข้างมาก เริ่มจากอัตราเร่งที่จัดจ้านมากขึ้นในช่วงออกตัว สามารถทำความเร็วได้อย่างต่อเนื่อง ด้วยการปรับจูนรอบเครื่องยนต์ใหม่ให้ลดการเสียพละกำลังระหว่างเปลี่ยนเกีรย์ได้เนียนมากขึ้น คือถ้าออกตัวแบบ Kick Down ยังคงรับรู้ถึงจังหวะการเปลี่ยนเกียร์ได้อย่างชัดเจน แต่ถ้าออกตัวแบบเติมคันเร่งไปเรื่อยๆ เหมือนกับการขับแบบปกติ เกียร์จะเปลี่ยนแบบราบเรียบ อารมณ์คล้ายๆ เกียร์ CVT ที่ทำความเร็วไหลไปได้อย่างต่อเนื่อง เผลอแป๊บเดียวความเร็วทะลุ 140 แบบไม่ทันรู้ตัว และด้วยความเร็วระดับนั้นกลับรู้สึกถึงความนิ่งและนุ่มนวลของช่วงล่างมากๆ ซึ่งจุดนี้ต่างจากรุ่นเดิมชัดเจน ทำให้มีความรู้สึกเหมือนกับขับรถ SUV อย่างนั้นเลย ทำให้คิดไปไกลอีกว่าถ้าเป็น Everest จะนุ่มขนาดไหนกันนะ?
จุดเด่นที่อยากสรุปให้ชัดๆ คือ เครื่องยนต์ที่จัดจ้าน อัตราเร่งและการตอบสนองต่อคันเร่งทำได้ดีขึ้น ระบบช่วงล่างให้ความนุ่มนวล และหนึบในโค้งระดับที่มั่นใจได้ น้ำหนักพวงมาลัยทำได้พอดี เด่นในทาง On Road ส่วนทาง Off Road เล็กๆ แบบที่ขับเข้าสวนเข้าไร่บนทางที่แฉะๆ ทำได้ดีในระดับหนึ่ง (แน่นอนว่ายังไงก็สู้ตัว Wildtrak ไม่ได้ เพราะมีโหมดการขับมาให้น้องๆ Raptor กันเลย) แต่นั่นเพียงพอต่อการใช้งานให้เหมาะสมกับคำว่า Sport ที่ติดไว้ที่ท้ายกระบะ
รวมทั้งการขยายฐานล้อให้กว้างขึ้น 50 มม. และฐานล้อยาวขึ้น 50 มม. (เป็นการขยายความยาวที่ฐานล้อหลัง) ช่วยให้รถเพิ่มความเกาะถนนและการทรงตัวที่ดีขึ้น เห็นได้จากการเติมคันเร่งในจังหวะออกจากโค้งด้วยความเร็ว มีความมั่นใจกว่าเดิม ตัวรถมีเสถียรภาพมากขึ้น แต่ในบางโค้งที่ลึกมีความรู้สึกว่าน้ำหนักพวงมาลัยเบาไปหน่อย ซึ่งยังถือว่าควบคุมได้แม่นยำอยู่ดี
ส่วนหน้าจอทัชสกรีนแบบ Infotainment แนวตั้งที่ติดตั้งมาให้สำหรับควบคุมระบบการทำงานต่างๆ ทำให้ใช้งานได้ง่าย ไม่มีเมนูอะไรที่ต้องลงลึกมากก็ทำความเข้าใจในการใช้งานได้ง่าย กล้องมองภาพ 360 องศา ไม่ได้มีในรุ่นนี้ มีในรุ่น Wildtrak แต่มีแพ็คเกจ Driver Assist Technology Pack ที่สามารถเพิ่มกล้องด้านหน้าและกล้องหลังมาให้ รวมทั้งระบบเตือนและป้องกันการชน หน้าจอฝั่ง
ส่วนพื้นที่ห้องโดยสารเป็นอีกจุดที่ทำได้น่าประทับใจ เบาะนั่งกระชับตัว ทัศนวิสัยทำได้ดีขึ้น มุมของเสา A เมื่อปรับเบาะในตำแหน่งการขับที่เหมาะสมแล้ว พื้นที่ด้านขวาของเสา A ดูกว้างขึ้นไม่บดบังทัศนวิสัย การมองออกไปด้านหน้าจะเห็นฝากระโปรงรถที่สูงเด่นออกมา แต่ไม่ได้ทำให้การประเมินระยะการเลี้ยวยากขึ้นแต่อย่างใด การเก็บเสียงในห้องโดยสารทำได้น่าประทับใจ เสียงลมเริ่มเข้ามาในห้องโดยสารเมื่อความเร็วทะลุ 130 กม./ชม. ส่วนเสียงยางที่ดังขึ้นมาถือว่าเงียบมากกว่าเดิม เรื่องของพื้นที่ห้องโดยสารในฐานะที่นั่งขับเป็นส่วนใหญ่ยอมรับว่าตำแหน่งผู้ขับทำได้ดีขึ้น แต่เบาะนั่งด้านหลังเท่าที่ดูแล้วน่าจะไม่ต่างจากเดิมสักเท่าไหร่
โดยสรุป Next Generation Ford Ranger รุ่น Double Cab 2.0L Sport 4×2 6AT ราคา 964,000 บาท ถือว่าอยู่ในจุดที่อุปกรณ์มาตรฐาน ราคาและออปชั่น รวมทั้งสมรรถนะที่พอได้ลองแล้ว ทำได้น่าสนใจ งานนี้คู่แข่งมีสะเทือนกันบ้าง เพราะน่าจะเป็นรุ่นที่ขายดี ตอบโจทย์การใช้งานในราคาที่จับต้องได้ ไม่คิดว่าฟอร์ดจะทำช่วงล่างของรถกระบะออกมาให้ขับได้มาก นี่ถ้าหลับตาขับรับรองว่าบอกไม่ได้ว่าขับรถกระบะ คงจะคิดว่าขับรถ SUV หรือรถ Sedan อย่างแน่นอน จุดนี้ทำได้น่าชื่นชมจริงๆ เอาเป็นว่านี่เป็นการรีวิวสั้นๆ กับการขับแบบด่วนๆ ให้พอสรุปคร่าวๆ ได้ว่าการขับบนเส้นทางใช้งานทั่วไปเป็นอย่างไร เอาไว้ได้ลองขับแบบเต็มๆ อีกครั้ง จะนำเสนอแบบละเอียดอีกรอบ เพราะยังมีรายละเอียดเกี่ยวกับพื้นที่กระบะท้ายที่ออกแบบมาเป็นพิเศษอีกด้วย..รอติดตามเร็วๆ นี้
เรื่อง : พุทธิ ผาสุข
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th