ทดสอบ Honda Connect ครั้งแรกที่คุณสามารถสื่อสารกับรถยนต์สุดที่รัก!!!
จะเป็นอย่างไรหากรู้ว่ารถยนต์ของคุณกำลังไม่สบาย? หิวน้ำมัน? หรือแอบไปจอดอยู่ตรงไหน? ‘Honda Connect’ เทคโนโลยีใหม่ที่ผสานการทำงานของแอพลิเคชั่นบนโทรศัพท์สมาร์ทโฟนช่วยให้คุณสามารถเชื่อมต่อกับรถยนต์ฮอนด้าได้ตลอดเวลา นับเป็นจุดเริ่มต้นของสังคมการขับขี่แห่งอนาคตที่สร้างความมั่นใจ และความปลอดภัยในทุกการเดินทางของผู้คน
หลายคนคงเคยได้ยินคำว่า “Internet of Things” (IoT) หรือพวกบล็อกเกอร์สายไอทีบ้านเราเรียกกันง่ายๆ ว่า “อินเตอร์เน็ตในทุกสิ่ง” ที่หมายถึงการเชื่อมโยงข้อมูลอุปกรณ์รอบตัวของเราไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือ, เครื่องใช้ไฟฟ้า, ระบบไฟฟ้าในบ้าน, รถยนต์ ฯลฯ ผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ตเพื่อสามารถควบคุมทุกอย่างผ่านระบบออนไลน์
ในตอนนี้ IoT เรียกว่าใกล้ตัวคนไทยมากขึ้นจากการที่เกือบทุกคนใช้โทรศัพท์มือถือที่เป็นสมาร์ทโฟน จนอาจไม่ทันสังเกตว่าชีวิตทุกวันนี้ของเราลดขั้นตอนไปเยอะตั้งแต่การไม่ต้องเสียเวลาไปโอนเงินที่ธนาคาร, สั่งซื้อของออนไลน์, ส่งข้อความผ่านแอพลิเคชั่นโซเชียลเน็ตเวิร์ค หรือแม้กระทั่งตรวจสอบอาการผิดปกติรถยนต์สุดที่รักของคุณ
เมื่อช่วงต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) เป็นบริษัทรถยนต์ล่าสุดในเมืองไทยที่นำระบบเชื่อมต่อระหว่างผู้ขับขี่กับรถยนต์เข้ามาใช้งานภายใต้ชื่อ “Honda Connect” (ฮอนด้า คอนเนค) นวัตกรรมใหม่ที่สามารถตรวจสอบสถานะความพร้อมของรถยนต์, แสดงข้อมูลลักษณะการขับขี่ และสร้างความมั่นใจตลอดทุกการเดินทางด้วยระบบติดต่อช่วยเหลือกรณีฉุกเฉิน
อธิบายแบบสั้นๆ Honda Connect เป็นการนำเทคโนโลยี Telematics ซึ่งเป็นระบบอัจฉริยะควบคุมการรับส่งข้อมูลทางไกลที่ทำงานผ่านแอพพลิเคชั่นบนโทรศัพท์สมาร์ทโฟน และกล่องอุปกรณ์รับส่งข้อมูลทางไกล (Telematics Control Unit: TCU) ที่ถูกติดตั้งในรถยนต์ฮอนด้า ทำหน้าที่เก็บข้อมูลสำคัญผ่านเครือข่ายโทรศัพท์ และประมวลผลโดย Cloud Technology พร้อมด้วยระบบ GPS ที่ช่วยในการตรวจสอบพิกัดรถยนต์ได้อย่างแม่นยำ และกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินเจ้าหน้าที่ศูนย์บริการข้อมูลลูกค้ายังสามารถแจ้งเตือนหรือติดต่อเพื่อส่งความช่วยเหลือให้ผู้ขับขี่ได้อย่างทันท่วงที
แต่เพื่อให้เข้าใจการใช้งานมากขึ้น เมื่อไม่กี่วันก่อน ฮอนด้า เชิญสื่อมวลชนเข้าร่วมกิจกรรม “Honda Connect Mission Possible” ทดสอบการใช้งานนวัตกรรมเชื่อมต่อล่าสุดที่ถูกติดตั้งอยู่ในรถยนต์ CR-V, Civic และ Civic Hatchback บนเส้นทาง 170 กิโลเมตรจากกรุงเทพฯ-อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม
ขั้นตอนในการใช้งาน Honda Connect
1.ติดต่อศูนย์บริการฮอนด้าทั่วประเทศ เพื่อนัดหมาย และนำรถยนต์ฮอนด้าเข้าไปติดตั้งกล่อง TCU เข้ากับตัวรถยนต์ฮอนด้า (กล่อง TCU สำหรับ Honda Connect พร้อมจำหน่ายในราคา 5,900 บาท ฟรีค่าติดตั้ง และค่าสัญญาณเครือข่ายโทรศัพท์เพื่อการส่งข้อมูลรายปีรวม 2 ปี) โดยใช้เวลาติดตั้งพร้อมแนะนำการใช้งานประมาณ 60 นาที
2.ดาวน์โหลดแอพพลิเคชัน Honda Connect (รองรับระบบปฏิบัติการสมาร์ทโฟน iOS เวอร์ชั่น 8.0 ขึ้นไป และ Android เวอร์ชั่น 4.0 ขึ้นไป) ลงบนมือถือ
3.เชื่อมต่อข้อมูลรถยนต์ และการขับขี่ผ่านทางมือถือที่ดาวน์โหลดแอพพลิเคชัน Honda Connect
4.ลงทะเบียนสร้างบัญชีการใช้งาน Honda Connect ผ่านทางบัญชี Facebook หรือสร้างบัญชีใหม่โดยใช้อีเมล และตั้งค่าข้อมูลส่วนตัว, ข้อมูลรถยนต์ และตั้งค่าทั่วไป เพื่อเริ่มต้นการใช้งานทันที
5.เปิดแอพพลิเคชัน Honda Connect เพื่อตรวจสอบระบบต่างๆ ของรถยนต์เพื่อความปลอดภัยก่อนออกเดินทางทุกครั้ง
รถยนต์ฮอนด้าที่สามารถติดตั้ง Honda Connect: Brio/Brio Amaze (2016-2017), City/Jazz (2014-2017), Mobilio (2014-2017), BR-V (2016-2017), Civic (2012-2017), Civic Hatchback (2017), HR-V (2015-2017), CR-V (2012-2017), Accord (2013-2017), Odyssey (2013-2017)
รุ่นรถยนต์ที่ไม่รองรับนวัตกรรม Honda Connect: กลุ่มรถยนต์ไฮบริด (Accord Hybrid, Civic Hybrid, Jazz Hybrid) และรถยนต์นำเข้า (Freed, Stepwgn, CR-Z)
หลังจากฟังบรรยายสรุปข้อมูลของ Honda Connect มีการแบ่งนักข่าวออกเป็น 6 ทีมตามจำนวนรถ เพื่อร่วมทำ 5 ภารกิจ ซึ่งเป็นการจำลองสถานการณ์ต่างๆ เพื่อทดลองใช้จริง โดยเริ่มจากการตรวจเช็คความพร้อมของรถยนต์จากฟังก์ชั่นสถานะรถยนต์ที่สามารถบอกปริมาณน้ำมัน, อุณหภูมิน้ำหล่อเย็น และกำหนดการเข้าเช็กระยะกับศูนย์บริการ ก่อนจะให้เวลาแต่ละทีมถ่ายรูปสมาชิกเพื่อทดลองเปลี่ยนตกแต่งหน้าแอพพลิเคชั่นให้เป็นสไตล์ของตัวเอง
ระหว่างแวะพักกลางทางบนถนนพระราม 2 ภารกิจที่ 2 ถูกส่งผ่านแอพพลิเคชั่นของแต่ละทีมเพื่อแจ้งความผิดปกติของรถยนต์ที่เป็นการจำลองสถานการณ์ เพื่อให้ลองใช้ Honda Connect ค้นหาศูนย์บริการฮอนด้า ที่ใกล้ที่สุดผ่านฟังก์ชั่นค้นหา และแชร์การเดินทางเพื่อนำรถเข้าไปแก้ปัญหาความผิดปกติที่เกิดขึ้น จากนั้นต่อเนื่องด้วยภารกิจที่ 3 ค้นหาร้านอาหาร โดยฟังก์ชั่นดังกล่าวจะทำงานเชื่อมต่อกับแอพพลิเคชั่นแผนที่ Google Maps เพื่อนำทางสู่จุดมุ่งหมายที่ต้องการ
ภารกิจที่ 4 เริ่มต้นหลังจากพักทานอาหารกลางวัน ด้วยการให้แต่ละทีมหลังจากมีการแจ้งเตือนสถานะพิกัดว่ารถยนต์อาจถูกเคลื่อนย้ายหรือถูกตัดกระแสไฟ เพื่อทดลองใช้ฟังก์ชั่นตรวจสอบตำแหน่งเพื่อขอพิกัดของรถยนต์ (Find My Car) ระบบจะทำการส่งพิกัดไปยังอีเมล์ที่ลงทะเบียนไว้ ก่อนจะนั่งเรือข้ามแม่น้ำเพื่อมาหารถที่ถูกเคลื่อนย้ายมาอยู่ที่วัดเพชรสมุทรวรวิหาร จังหวัดสมุทรสงคราม
Did you Know? หลายคนอาจกังวลเรื่องการส่งข้อมูลของ TCU ผ่านสัญญาณโทรศัพท์ในพื้นที่ห่างไกล แต่สำหรับ Honda Connect เป็นการจับมือกับ AT&T บริษัทสื่อสารยักษ์ใหญ่จากประเทศสหรัฐฯ ทำให้สามารถสลับใช้งานเครือข่ายของทั้ง AIS, True และ DTAC ขึ้นอยู่กับความแรงของคลื่นสัญญาณในแต่ละพื้นที่
ฟังก์ชั่นติดต่อเพื่อช่วยเหลือฉุกเฉิน
•เมื่อถุงลมทำงานในกรณีเกิดอุบัติเหตุ ระบบจะส่งสัญญาณไปยังศูนย์บริการข้อมูลฮอนด้า (Honda Call Center) เพื่อติดต่อและประสานงานให้ความช่วยเหลือไปยังเบอร์โทรที่ลงทะเบียนไว้ หรือเบอร์โทรสำรองฉุกเฉิน หากไม่สามารถติดต่อได้ ระบบจะทำการติดต่อหน่วยบริการการช่วยเหลือฉุกเฉิน (1669) เพื่อให้เข้าช่วยเหลือทันที
•ในกรณีเหตุฉุกเฉินอื่นๆ ผู้ใช้งานสามารถเข้าไปที่ฟังก์ชั่นเบอร์โทรสำคัญสำหรับกรณีฉุกเฉิน เช่น ศูนย์บริการข้อมูลฮอนด้า สถานีตำรวจ รถพยาบาล บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง รวมทั้งบริษัทประกันภัย เพื่อบริการประสานงานความช่วยเหลือฉุกเฉิน ซึ่งสามารถแก้ไขและตั้งค่าได้ตามความต้องการ
ในช่วงท้ายของการทดสอบเป็นการขับกลับเข้าสู่กรุงเทพฯ ได้มีการประมวลผลพฤติกรรมการขับขี่ต่างๆ เช่น ระยะทางการขับขี่, ช่วงเวลาการขับขี่, อัตราความเร็วสูงสุด, อัตราความเร็วเฉลี่ย และการบันทึกประวัติการเดินทางตลอดวันจากฟังก์ชั่นข้อมูลลักษณะการขับขี่ เพื่อนำมาคิดคะแนนในภารกิจสุดท้าย
ตลอดทั้งวันกับ Honda Connect ทำให้มองเห็นภาพการใช้งานรถยนต์ในอนาคตได้ดีมากขึ้น กับการเข้าสู่ยุค IoT ที่ทุกสิ่งเชื่อมโยงอยู่บนเครือข่ายอินเตอร์เน็ต ที่สำคัญเทคโนโลยีนี้ไม่เพียงเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งาน แต่ให้ความปลอดภัยที่มากขึ้นกับผู้ขับขี่ และผู้โดยสารตลอดการเดินทางที่ถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุดเวลาที่เราอยู่บนถนน
เรื่อง: พูนทวี สุวัตถิกุล
ขอบคุณข้อมูล: ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย)
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th