รถยนต์ขนาดเล็กหรือ อีโคคาร์ เป็นรถยนต์ที่ได้รับความนิยมมากในตลาดเมืองไทย เพราะด้วยราคาที่จับต้องได้ง่าย รูปลักษณ์ภายนอก ภายใน ที่ดูดี น่ารัก ประหยัดน้ำมัน แถมวัสดุและอุปกรณ์ เทคโนโลยีต่างๆที่ให้มาไม่ได้น้อยหน้าในรถยนต์เซ็กเม้นท์อื่นเลย นั้นคือเหตุผลที่ทำให้รถยนต์อีโคคาร์ได้รับความนิยมในเมืองไทย

ในเมื่อได้รับความนิยมแน่นอนค่ายรถยนต์หลายค่ายก็กระโดดเข้ามาเล่นในตลาดรถยนต์ในเซ็กเม้นท์นี้กันมากมาย ส่งผลให้รถยนต์ในเซ็กเม้นท์นี้มีการแข็งขันสูง แต่ละค่ายเลยต้องจัดหนักขนออฟชั่นมาสู้กันแบบไม่มีใครยอมใคร ผลพลอยได้เลยไปตกอยู่กับลูกค้าที่ได้รถอีโคคาร์ดีๆราคาถูกไปใช้งาน

1. NEW SUZUKI SWIFT 2018

เรามาเริ่มกันที่อันดับ 1 ที่มาแรงมากในกลุ่มอีโคคาร์ นั้นก็คือเจ้า ซูซูกิ สวิฟท์  ใหม่ ซึ่งในครั้งนี้ได้มีการปรับแบบไม่เหลือโคลงเดิมเลยทีเดียว แถมปัญหาจากรุ่นก่อนหน้าได้มีการปรับเปลี่ยนแก้ไขไปเรียบร้อยแล้ว รูปลักษณ์ภายนอกของ ซูซูกิ สวิฟท์  ใหม่ ดูจะโดนใจวัยรุ่นไปแบบเต็มๆด้วยการออกแบบให้ดูคล้ายรถยนต์คูเป้ 2 ประตู มองโดยรวมดูน่ารักน่าใช้มาก ภายในออกแบบได้ดี แต่วัสดุที่ใช้มันดูไม่ดีเท่ารุ่นก่อนหน้า แต่ก็ช่างมันครับเพราะรุ่นใหม่นี้ซูซูกิ เค้าจัดเครื่องยนต์บล็อกใหม่มาให้คือ K12M 4 สูบ DOHC ขนาด 1.2 ลิตร Dual Jet  ให้กำลังแรงม้าที่ 83 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุดที่ 108 นิวตันเมตร ที่ 4,400 รอบต่อนาที ซึ่งแรงม้าจะน้อยกว่ารุ่นก่อนหน้า แต่แรงบิดจะมาในรอบที่ต่ำกว่า (รุ่นก่อนหน้าจะมาที่ 4,800 รอบต่อนาที) ทำงานผสานกับเกียร์อัตโนมัติ CVT ที่ปรับปรุงใหม่เพิ่มอิเล็กทริกปั้มเข้าไปช่วยให้สร้างแรงดันไปที่ปั้มทำให้เกียร์สามารถทำงานได้รวดเร็วขึ้น พร้อมกับใส่โปรแกรมและซอฟแวร์ใหม่ลงไป วิ่งดีขับสนุกขึ้นเยอะ แถมเกียร์ไม่กระตุกไม่หอนแล้วด้วย  ราคา 499,000 – 629,000 บาท

2. NEW TOYOTA YARIS 2018

มาต่อกันที่อันดับที่ 2 ในกลุ่มอีโคคาร์ที่น่าใช้กันครับกับ โตโยต้า ยาริส โดยในรุ่นนี้โตโยต้าได้จับเอาโตโยต้ายาริส ที่รุ่นก่อนหน้าเป็นเครื่องยนต์ 1500 ซีซี มายัดเครื่องยนต์ 1200 ซีซีลงไปแทน ซึ่งก่อนหน้าที่จะเปิดตัวโตโยต้า ยาริส ใหม่ ได้ออก อีโคคาร์ 4 ประตูมาแล้วโดยใช้ชื่อว่า โตโยต้า ยาริส เอทีฟ ซึ่งเอทีฟก็กระแสดีเช่นกัน แต่ด้วยความเป็นค่ายยักษ์ใหม่ เลยจัดอีโคคาร์ในรูปทรงแฮกซ์แบ็ค 5 ประตู มาอีกรุ่นเพื่อตอกย้ำความเป็นเจ้าตลาดรถยนต์ ดีไซน์ภายนอกของ โตโยต้า ยาริส ใหม่ ถูกออกแบบคล้ายกับ โตโยต้า ยาริส เอทีฟ ที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้ แต่ก็อีกนั้นละครับเจ้าตลาดอย่างโตโยต้าได้ภาษีที่ดีกว่าเพราะราคาขายต่อที่ไม่ตก และคุณภาพการใช้งานที่เชื่อถือได้นอกจากนั้น โตโยต้า ยาริส ใหม่ ยังออกแบบมาได้โดนในวัยรุ่นหลายๆคนเท่าไหร่นัก ด้วยสไตล์ที่โฉบเฉี่ยว และสมรรถนะที่ตอบสนองชีวิตคนเมืองได้อย่างดีด้วยอัตราเร่งที่มีประสิทธิภาพ ที่ไม่ทิ้งความประหยัดน้ำมันด้วยเครื่องยนต์ 3NR-FE / 4 สูบ แถวเรียง DOHC 16 วาล์ว แบบ Dual VVT-i จับคู่กับระบบเกียร์แบบอัตโนมัติ Super CVT-i ระบบควบคุมการเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ พร้อมระบบ Follow-Me-Home ความโดดเด่นของ โตโยต้า ยาริส ใหม่ เห็นจะเป็นราคาที่เริ่มต้นเพียง 489,000 – 619,000 บาท เลยทีเดียว ถ้ามองเรื่องออฟชั่นกับราคา โตโยต้า ยาริส ใหม่ ดูจะเป็นรองหลายๆค่ายแต่ถ้ามองตัวต่ำ และราคาขายต่อ โตโยต้า ยาริส ใหม่ นั้นน่าโดนมากเลยทีเดียว

3. MAZDA 2 DIESEL MY 2018

เรื่องความแรง และประหยัด ช่วงล่างแน่น ต้องยกให้พี่เค้าเลยครับผม ขนาดเครื่องก็กินขาดแล้ว แต่ผ่านมาตรฐานอีโคคาร์เฟส2 นะครับ เพราะฉะนั้น มาสด้า 2 ดีเซล คันนี้อยู่ในเซ็กเม้นท์อีโคคาร์ครับ มาพร้อมเทคโนโลยี SKYACTIV ที่พัฒนาทั้งโครงสร้าง ระบบเครื่องยนต์ ระบบส่งกำลังให้ได้สมรรถนะ และความปลอดภัยที่ดีเยี่ยม มาสด้า2 ดีเซล ใหม่ แน่นอนต้องเป็นเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบแปรผัน SKYACTIV-D ขนาด 1.5 ลิตร 105 แรงม้าที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตรที่ 1,500-2,500 รอบต่อนาที ที่ไม่ใช่แค่แรงอย่างเดียวแต่ ประหยัดน้ำมันอีกด้วย มาพร้อมปุ่มควบคุมอัจฉริยะ Center Commander ,ระบบจดจําเสียง(Voice Recognition) ,ระบบเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน ABSM ,ระบบเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง RCTA แต่ก็มีปัญหาเรื่องราคาขายต่อซึ่งมันจะตกลงเยอะครับ แถมอะไหล่ราคาก็จะสูงกว่ารถในเซ็กเม้นท์อีโคคาร์ด้วยกัน เครื่องใหญ่วิ่งดีกว่าชาวบ้านเค้า อีกทั้งอัดเทคโนโลยีออฟชั่นเทพๆมาให้เพียบ ราคาก็เลยสูงปรื๊ดกว่าอีโคคาร์ค่ายอื่นคือเริ่มต้นที่ 675,000 -790,000 บาท ราคาสูงเอาเรื่องครับ

4. MITSUBISHI MIRAGE

สำหรับคันนี้ต้องบอกเลยว่าไมเนอร์เชนจ์จนไม่รู้จะเชนจ์อะไรแล้ว ก็ไม่ยอมออกรุ่นใหม่มาซะที คือเจ้า มิตซูบิชิ มิราจ เข้ามมาในยุคแรกๆของอีโคคาร์ ซึ่งมีสมรรถนะ และความประหยัดน้ำมันได้ดีอยู่แล้ว หลังจากนั้นค่ายอื่นๆเริ่มปล่อยอีโคคาร์เข้ามาแข่งสู้ แน่นอนมิตซูบิชิจอยู่อย่างไรละ เลยพัฒนาออฟชั่นปล่อยรุ่นไม่เนอร์เชนจ์ รุ่นพิเศษ มิลิเต็ดสุดๆ เต็ดแล้วเต็ดอีก ให้สู้กับคู่แข่งเค้าได้ ด้วยระบบเตือนการชนด้านหน้าตรง พร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว (ที่ความเร็วต่ำ) เป็นระบบเสริมความปลอดภัย โดยระบบจะประเมินระยะห่างจากรถยนต์คันหน้า หากพบว่ามีความเสี่ยงที่จะชนรถยนต์คันหน้า ในช่องทางเดียวกัน ระบบจะทำการเตือนและช่วยชะลอความเร็ว (เฉพาะรุ่น GLS-LTD, GLS) นอกจากนั้นยังมีการติดตั้งระบบล็อกความเร็วบนพวงมาลัยลดความเมื่อยล้า เมื่อต้องขับขี่ทางไกล (เฉพาะรุ่น GLS-LTD) เครื่องยนต์ใช้เป็นเครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ 1.2 ลิตร MIVEC ให้กำลังสูงสุด 78 แรงม้า (PS) ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 100 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ CVT และเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ มาพร้อมราคาค่าตัวเริ่มต้นที่ 467,000 – 574,000 บาท แล้วแต่ว่าคุณจะเลือกรุ่นไหน ราคาถือว่าถูกกว่าหลายๆค่ายนะครับทำราคาได้ดีทีเดียว แต่มิตซูบิชิสมควรเปลี่ยนเอารุ่นใหม่มาได้แล้ว(ถ้ามี) ถ้าไมเนอร์เชนจ์อีกรอบคงไม่ไหวแล้วนะครับ เพราะเชนจ์จนอัดออฟชั่นมาเต็มคันขนาดนี้ ราคาก็ถูกน่าโดนใช่มั้ยละครับ

5. NISSAN NOTE

นิสสัน โน๊ต เป็นรถอีโคคาร์ ที่ทางนิสสันวางตำแหน่งไว้สูงกว่า Nissan March เข้ามาทำตลาดแทนรุ่นย่อย V และ VL –ของ Nissan March โดยนิสสันยังจะคงจำหน่าย รุ่นย่อย S และ E  ของ Nissan March ต่อไป ดีไซน์ภายนอกของ นิสสัน โน๊ต ยังคงเอกลักษณ์ของนิสสันไว้ครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นกระจังหน้า V-Motion ไฟหน้าขนาดใหญ่ โดยในรุ่นย่อย VL นั้นจะเป็นหลอดไฟ LED โปรเจคเตอร์ พร้อม Signature Light แบบ LED และไฟตัดหมอก เรื่องออฟชั่นที่จัดมาให้เต็มๆกับ ด้วยระบบความปลอดภัยที่อัดมาเต็มจนมองข้ามไม่ได้ เหมาะกับชีวิตคนเมือง ไม่ว่าจะเป็น ระบบช่วยเตือนก่อนการชนด้านหน้าอัจฉริยะ ,ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัจฉริยะ ทั้งบุคคลและยานยนต์ ,ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกช่องทาง ,กล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง ,ระบบตรวจจับและส่งสัญญาณเตือนวัตถุ และบุคคลที่เคลื่อนไหวจากกล้องรอบคัน นอกจากออฟชั่นที่ดึงดูดแล้ว เข้าไปนั้นด้านในแล้วก็จะรู้ได้เลยครับว่าด้านในใหญ่กว่าที่คิด ด้านหลังนั้งได้สบาย แต่การดีไซด์ดูออกจะเชยไปนิดครับ มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน HR12DE 3 สูบ แถวเรียง DOHC 12 วาล์ว CVTC ขนาด 1,198 ซี.ซี. มาพร้อมกับหัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ มัลติพอยท์ 32 บิท ให้กำลังสูงสุด 79 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที และแรงบิด 106 นิวตันเมตร ที่ 4,400 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ XTRONIC CVT ที่มี D-Step Logic ให้อารมณ์คล้ายกับการเปลี่ยนจังหวะเกียร์แบบเกียร์อัตโนมัติปกติ ราคาเริ่มต้นที่ 568,000 – 640,000 บาท น่าเสียดายที่ นิสสัน โน้ต คันนี้ไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร คาดว่าคงเป็นเพราะการทำตลาดของทางนิสสัน และออกมาผิดช่วงเวลาไปหน่อย ยังไงก็สู้ต่อไปนะครับ

เรื่อง : ณัฐพล เดชสิงห์

เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE

ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th