จะเคลมประกันเพราะน้ำท่วมรถ ควรเตรียมทำอะไรบ้าง?
ฝันร้ายอย่างหนึ่งที่เจ้าของรถไม่อยากจะพบเจอในช่วงฤดูฝนหรือเมื่อมีฝนตกหนักไม่ว่าจะฤดูใดก็ตามคือ หลังจากฝนกระหน่ำลงมาอย่างหนักแล้วพบว่า บริเวณที่จอดรถอยู่นั้นมีน้ำท่วมสูงจนเลยพื้นรถขึ้นมาหรือสูงในระดับครึ่งคันหรืออาจสูงกว่านั้น เพราะนั่นอาจหมายถึงความเสียหายหนักต่อรถ อย่างไรก็ตามหากเกิดเหตุการลักษณะนี้แล้วมีประกันภัยรถยนต์ประเภทที่ครอบคลุมความเสียหายจากภัยธรรมชาติจากน้ำท่วมอย่างประกันชั้น 1 หรือ 2+ อยู่ก็ อย่าเพิ่งตกใจไป เพราะยังมีประกันภัยมาช่วยในเรื่องค่าใช้จ่าย
อย่างไรก็ตามแม้จะมีประกันมาช่วยในเรื่องค่าเสียหายที่เกิดกับรถหลังถูกน้ำท่วมสูง ก็ตาม แต่มีรายละเอียดบางอย่างที่เจ้าของรถควรรู้ไว้สำหรับสถานการณ์นี้อย่างลักษณะการจ่ายค่าสินไหมทดแทนเนื่องจากน้ำท่วมรถซึ่งจะพิจารณาจากความเสียหายของรถ รวมทั้งขั้นตอนที่ควรทำเพื่อเคลมประกันหลังน้ำท่วม
เกณฑ์พิจารณาค่าสินไหมทดแทนจากน้ำท่วมรถ
1 ตัวรถเครื่องยนต์เสียหายไม่มากสามารถซ่อมได้ หากมีความเสียในลักษณะนี้จะถูกพิจารณาว่าเป็นความเสียหายบางส่วนหรือ Partial Loss ซึ่งบริษัทประกันภัยจะทำหน้าที่รับผิดชอบเรื่องค่าใช้จ่ายในการซ่อมรถทั้งหมดให้กลับมาใช้งานได้ปกติ
2 ตัวรถและเครื่องยนต์เสียหายจนไม่สามารถซ่อมได้ หากเกิดความเสียหายกับรถยนต์ในลักษณะนี้จะถูกพิจารณาว่าเป็นความเสียหายโดยสิ้นเชิงหรือ Total Loss ซึ่งไม่คุ้มที่จะซ่อมเพื่อให้รถคันนั้นกลับมาใช้งานได้ตามปกติ ซึ่งส่วนมากจะเป็นรถที่เจอน้ำท่วมมิดทั้งคัน หรือสร้างความเสียหายในห้องโดยสาร โดยทั่วไปบริษัทประกันภัยจะประเมินมูลค่าความเสียหายที่ 70 เปอร์เซ็นต์ของราคารถ
สิ่งที่ควรทำเมื่อจะเคลมประกันหลังน้ำท่วมรถ
-ถ่ายภาพในขณะที่น้ำกำลังท่วมรถเก็บเอาไว้
-โทรแจ้งบริษัทประกันให้ทราบถึงเหตุการณ์เบื้องต้น
-หลังจากน้ำลดแล้วจึงโทรเรียกประกันให้มาตรวจสอบ
-รอเจ้าหน้าที่ประกันมาประเมินความเสียหาย ซึ่งจะเกิดขึ้นได้ 2 ลักษณะคือ
-หากรถที่ถูกน้ำท่วมเข้าข่ายลักษณะความเสีบหายบางส่วน ก็รับใบเคลม แล้วนำรถไปซ่อม
-หากรถถูกน้ำท่วมหนักจนถูกประเมินว่าเป็นความสูญเสียสิ้นเชิง จะได้รับเงินตามทุนประกันตามที่กำหนด
เรื่อง: กองบรรณาธิการ
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th